หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว นิยาย บท 87

"คนแบบนี้ต่อให้ออกมาได้ฉันก็จะไม่เอามาใช้งานอีกแล้ว วันๆ เอาแต่หาเรื่อง ทำอะไรเป็นอีกบ้าง!"

ภายในห้องรับประทานอาหาร ภราดรทุบตะเกียบลงบนโต๊ะอย่างแรง ร่างของเขาสั่นสะท้านด้วยความโกรธ

คนบนโต๊ะอาหารก้มหน้าไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา

ชลิตาโมโหเสียจนมือสั่น " พ่อคะ ใจเย็นก่อนนะคะ หนูเชื่อว่าพี่วินผ่านเรื่องครั้งนี้ไปได้แล้ว เขาจะปรับปรุงตนเองอย่างแน่นอน"

เดิมทีคิดว่าเรื่องนี้จะปิดเป็นความลับได้เสียอีก คิดไม่ถึงว่าจะเป็นข่าวแบบนี้

ทั้งหมดนี้ต้องเป็นผลงานของชัชนันท์แน่ๆ !

เธอกลัวมาก กลัวว่ามาวินจะสูญเสียตำแหน่งทายาทไปจริงๆ ในครั้งนี้

หากว่ามาวินเสียตำแหน่งทายาทไปแล้วเธอจะทำยังไงล่ะ? นี่มันช่างโชคร้ายจริงๆ !

ตอนนี้พ่อกับแม่กำลังจะหย่ากันอยู่แล้ว ถ้าหากว่าพ่อแม่เธอหย่าร้างกันจริงๆ อีกทั้งสามีของเธอก็สูญเสียตำแหน่งทายาทไปอีก ความแตกต่างระหว่างสองพี่น้องคงจะมากทีเดียว

เมื่อถึงเวลานั้น อำนาจในการแย่งชิงทรัพย์สินของตระกูลรัตนากรกุลของเธอคงจะมีน้อยเต็มทน

"พ่อครับ เรื่องนี้ผมทำไม่ดีเองที่ไม่สามารถระงับข่าวนี้เอาไว้ได้" เมธีกับหน้าลงแล้วพูดอย่างรู้สึกผิด

"เขาไม่ได้เรื่องเอง เกี่ยวอะไรกับลูก? เมธี คนเราจะใจดีไปกับทุกเรื่องมากไม่ได้ ไม่จำเป็นต้องแบกรับทุกเรื่องเอาไว้ด้วยตัวของตัวเองเพียงลำพัง!"

"สิ่งที่ลูกทำผิดพลาดที่สุดนั้น ไม่ใช่การที่ไม่สามารถปิดข่าวเอาไว้ได้ แต่เป็นการที่เลือกจะปิดบังพ่อพร้อมกับชลิตา" ภราดรพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอันเย็นชาแล้วกลอกตามองชลิตา

ชลิตาสูดหายใจเข้าลึกไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

"พ่อครับ ผมผิดไปแล้ว" เมธียังคงก้มศีรษะและพูดขึ้น

"ถ้ารู้ว่าตัวเองผิดก็ควรพยายามอย่างเต็มที่ในการพาบริษัทผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้ แล้วก็ช่วยคิดหาวิธีเอาไอ้ตัวไม่ได้เรื่องนั่นออกมาชะล้างให้สะอาดสะอ้าน การที่เขาเข้าคุกไปแบบนี้เสื่อมเสียชื่อเสียงตระกูลของเรา" ภราดรพูดขึ้น

"เข้าใจแล้วครับพ่อ" เมธีพูดขึ้นอย่างนอบน้อม "ถ้าอย่างนั้นผมจะรีบไปจัดการ"

เมื่อพูดจบเมธีก็เข็นรถเข็นของตนเองออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว

ในมุมที่ทุกคนไม่อาจมองเห็นได้ แววตาของเขาเริ่มกลายเปลี่ยนไปเป็นเจ้าเล่ห์

มาวิน ถ้าจะโทษก็ต้องโทษทีเมียแกที่โง่เง่าเกินไป กล้าเอาความหวังทุกสิ่งอย่างฟากไว้ที่ชั้น

ฉันจะช่วยแกเอาชนะทุกสิ่งอย่างแบบนี้ได้ยังไง?

......

ในเวลาเดียวกัน ณ คฤหาสน์หกชั้นที่อยู่อีกด้านหนึ่งของเขตชานเมือง กลับกลายเป็นอีกบรรยากาศหนึ่ง

ในห้องนั่งเล่นที่มีแสงแดดส่องถึง กชนิภสวมชุดอยู่บ้านสีดำรัดรูป กำลังนั่งเล่นโยคะบนแผ่นโยคะสีแดงแล้วฟังเพลงของเธอ

ดูเหมือนเวลาจะหยุดลง ณ วินาทีนั้นเพียงเพื่อเธอ

รูปร่างของเธองดงามมาก มีส่วนโค้งส่วนเว้า ไม่มีไขมันส่วนเกินแม้แต่นิดเดียว มองไม่ออกว่าเธอเคยมีลูกมาถึงหลายคนแล้ว

แทนไทเดินออกมาจากลิฟต์แล้วตรงไปหยุดอยู่ตรงหน้าของกชนิภ "เมื่อวานนี้แม่สั่งให้เกริกไปบอกผมว่ามีธุระ ไม่ทราบว่าเรื่องอะไร?"

เมื่อคืนนี้เขาได้ยินเกริกบอกว่าเธอมีเรื่องสำคัญจะคุยกับเขา ดังนั้นเขาจึงได้ขับรถกลับมาทันที

แต่เมื่อกลับมาถึงบ้าน คนรับใช้กลับบอกกับเขาว่าคุณกชนิภได้นอนหลับไปแล้ว

เขาจึงได้กลับไปที่ห้องของเขาอย่างเงียบๆ แล้วนั่งเล่นเกมทั้งคืน

เมื่อได้ยินดังนั้น กชนิภก็ใช้รีโมทคอนโทรลปิดเสียงเพลงลง ค่อยๆ ลุกขึ้นพูดว่า "ใช่ ตอนแรกตั้งใจว่าจะรอจนลุกกลับมาแล้วคุยกัน แต่ปรากฏว่าแม่หลับไปเสียก่อน แม่ขอโทษทีนะลูก"

แทนไทยกมือขึ้นกุมศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ "ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมชินแล้ว"

กชนิภยิ้มขึ้นอย่างทำตัวไม่ถูก "อันที่จริงแม่แค่ต้องการจะเอ่ยชมลูกว่าทำได้ดีมาก ข่าวออนไลน์เหล่านั้นแม่เห็นหมดแล้ว และรู้ดีว่าเป็นฝีมือของลูก"

"ก็ไม่ใช่ทั้งหมดหรอกครับ เรื่องโดยมากถูกลูกสะใภ้ของแม่แย่งไปทำเสียก่อน" แทนไทพูดขึ้นอย่างช้าๆ

"อะไรนะ? ลูกสะใภ้แม่นี่เก่งเกินไปแล้ว พระเจ้า! วันนี้แม่จะต้องเอ่ยชื่นชมลูกสะใภ้ของแม่ทั้งวันแน่" ดวงตาของกชนิภเต็มด้วยความชื่นชม แววตาของเธอดูเปล่งประกายดุจดั่งแสงอาทิตย์

"ครับ" แทนไทพูดเบาๆ

"ว่าแต่ลูกอ่อนแอเกินไปหรือเปล่า ทำไมถึงถูกเธอตัดหน้าไปได้ ความสามารถของลูกดูผิดปกติไปนะ" กชนิภพูดด้วยท่าทางรังเกียจ

"แม่นี้เป็นแม่ของผมจริงๆ" แทนไทพูดขึ้นพร้อมทำท่าทางเบื่อหน่าย

"ไม่ใช่หรือไงล่ะ ครั้งหน้าอย่าให้เธอแย่งตัดหน้าไปก่อนรู้ไหม ลูกจะต้องทำทุกอย่างก่อนที่ลูกสะใภ้ของแม่จะลงมือทำ อย่าทำให้เซลล์สมองของลูกสะใภ้แม่ต้องสูญเสียโดยสิ้นเปลือง" กชนิภพูดขึ้นอีกครั้ง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว