“ฉันก็ดูไม่ออกนะว่ามีจุดด่างพร้อยตรงไหน? วาดภาพไม่เป็น แต่วิจารณ์อะไรของเธอ?”
“ผลงานของอาจารย์วัชระ ใช่เรื่องที่คนที่วาดภาพไม่เป็นจะมาวิจารณ์ได้เหรอ? ไม่ละอายใจจริงๆ”
“ฉันคิดว่าภาพนี้ของอาจารย์เพอร์เฟคมาก คนๆนี้มาแสร้งว่ามีความรู้อะไรอยู่ที่นี่?”
คำพูดของคนรอบๆข้าง แต่ละประโยคเสียดหูขึ้นเรื่อยๆ
หทัยได้ยิน ในใจก็ดีใจอย่างยิ่ง พูดในใจว่า ครั้งนี้ชัชนันท์ขายหน้าครั้งใหญ่แน่
“เมื่อก่อนไม่เคยวาดภาพวาดจีน หมายความว่าตอนนี้ก็วาดไม่ได้เหรอ?” ชัชนันท์มองหทัยด้วยท่าทางสงบ แล้วตอบกลับอย่างเรียบเฉย
“จะเรียนภาพวาดจีน ใช่ว่าวันเดียวจะเรียนเป็นสักหน่อย?” หทัยตอบ “อีกอย่างนะ ถึงแม้ว่าจะเรียนเป็น แต่ก็ไม่เหมือนกับเรียนจนชำนาญหรอก......”
“ถูกต้อง คนที่เรียนศิลปะไม่ชำนาญ มีสิทธิ์มาวิจารณ์ผลงานของอาจารย์วัชระได้ที่ไหน? เธอแน่เธอก็วาดเองสิ”
“อาจารย์วัชระที่วาดภาพธรรมชาติได้ดีเยี่ยมขนาดนี้ ใช่คนที่จะสามารถวิจารณ์ไปเรื่อยได้เหรอ? มีปัญญาเธอก็วาดเองเลย”
“เธอรู้จักเคารพผู้อาวุโสบ้างหรือเปล่าเนี่ย? ถ้าจะหาความมีอยู่จริงก็ออกไปหาข้างนอกนะ......”
คนรอบๆเริ่มตำหนิขึ้นมาเรื่อยๆ
กชนิภามองหทัยและพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าเรียบเฉย “ถ้าพวกคุณยังพูดฉอดๆอีก เชื่อไหมว่าฉันจะเรียกบอดี้การ์ดมาโยนพวกคุณออกไป? นันท์ของพวกเราเรียนศิลปะชำนาญหรือไม่ชำนาญ คนอื่นจะไปรู้ได้ยังไง?”
“เด็กสาวคนนี้พูดถูกต้อง ภาพนี้ ฉันวาดไม่ดีพอจริงๆ......” เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น
ทุกคนต่างก็หันไปมองทันที
เห็นแค่ ชายแก่ผมขาวคนหนึ่งสวมชุดไทเก๊ก เดินฝ่าฝูงคนมาตรงหน้าชัชนันท์
ชายแก่เป็นใคร ทุกคนที่ในที่นี้ทราบกันดี
เขาก็คือวัชระ
พอทุกคนได้ยินวัชระเอ่ยปาก ก็เงียบปากกันทันที
“ตอนนั้นที่ฉันวาดภาพนี้ อารมณ์ไม่ดี เพราะงั้นเลยกระทบกับฝีมือการวาด แต่ฉันคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่โต ก็เลยเอาออกมาวาง......ฉันนึกว่าคนปกติจะดูไม่ออกนะเนี่ย” ขณะที่วัชระพูด ก็เบนสายตาไปมองที่ชัชนันท์ด้วย
สายตาที่เขามองชัชนันท์เต็มไปด้วยความชื่นชม “เด็กสาวคนนี้ ฉันเห็นว่าเธอมีความสามารถในการวิเคราะห์ภาพวาดจีนพอสมควร ความจริงแล้วตอนที่เธอวิจารณ์ฉันเมื่อกี้ ฉันได้ยินได้หมดแล้ว มองสังเกตเธออยู่นาน......คิดว่าเธอคงไม่ใช่คนที่เรียนศิลปะไม่ชำนาญ ฝั่งโน้นมีกระดาษฟางว่างเปล่าวางอยู่บนโต๊ะ แล้วก็มีสี เธอลองไปวาดสักภาพให้ฉันดูเป็นไง?”
“หนูไม่อยากแสดงฝีมืออันต่ำต้อยของหนูต่อหน้าอาจารย์หรอกค่ะ......” ชัชนันท์ส่ายหน้า วันนี้เป็นงานแสดงศิลปะภาพวาดของเขา เธอไม่อยากจะสร้างซีน
“ไม่ต้องถ่อมตัวหรอก วาดให้ฉันดูหน่อย” วัชระพูดอีก
“อาจารย์อย่าทำให้นันท์ฉันลำบากใจเลยค่ะ นันท์เขาไม่เคยเรียนวาดภาพมาก่อน” หทัยมองวัชระแล้วพูด
พูดจบ เธอก็เดินมาข้างๆชัชนันท์ แล้วคล้องแขนเธออย่างสนิทสนม ท่าทางเสแสร้งว่ากู้หน้าให้ แล้วพูดต่อ “เธอวาดภาพไม่เป็นจริงๆ”
“นั่นสิ…...อาจารย์ วิจารณ์เป็น ก็ไม่ได้แปลว่าจะวาดภาพเป็นนี่......”
“ใช่ๆ”
พวกคนที่มามุงดูต่างก็คล้อยตามกัน
“เชิญเถอะ......เพื่อนตัวน้อย” วัชระไม่ได้สนใจรอบข้าง แล้วแหวกฝูงชนอีกครั้ง ยืนอยู่ข้างๆโต๊ะวาดภาพ
“นันท์......วาดให้พวกเขาดูหน่อย พิสูจน์ความสามารถของตัวเอง” กชนิภาพูดด้วยสีหน้ามั่นใจ
เธอรู้ดีว่าลูกสะใภ้ของตัวเองนั้นเก่งมาก เธอก็รู้อีกว่าลูกสะใภ้มีความสามารถในการวิจารณ์ นั่นก็หมายความว่าเธอวาดภาพเป็น
ชัชนันท์มองคนที่อยู่รอบๆ แล้วจูงมือของกชนิภา เดินมาข้างๆวัชระ
วัชระมองชัชนันท์ด้วยสายตาปลื้นใจ ผายมือทำท่าทางว่าเชิญ
ชัชนันท์หยิบพู่กันที่อยู่ข้างๆขึ้นมา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว
บทที่ 244-339 หาอ่านได้ที่ไหนค่ะ...
คมสันกับขจีจบลงยังไงคะ...