หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว นิยาย บท 331

“ฉันก็ดูไม่ออกนะว่ามีจุดด่างพร้อยตรงไหน? วาดภาพไม่เป็น แต่วิจารณ์อะไรของเธอ?”

“ผลงานของอาจารย์วัชระ ใช่เรื่องที่คนที่วาดภาพไม่เป็นจะมาวิจารณ์ได้เหรอ? ไม่ละอายใจจริงๆ”

“ฉันคิดว่าภาพนี้ของอาจารย์เพอร์เฟคมาก คนๆนี้มาแสร้งว่ามีความรู้อะไรอยู่ที่นี่?”

คำพูดของคนรอบๆข้าง แต่ละประโยคเสียดหูขึ้นเรื่อยๆ

หทัยได้ยิน ในใจก็ดีใจอย่างยิ่ง พูดในใจว่า ครั้งนี้ชัชนันท์ขายหน้าครั้งใหญ่แน่

“เมื่อก่อนไม่เคยวาดภาพวาดจีน หมายความว่าตอนนี้ก็วาดไม่ได้เหรอ?” ชัชนันท์มองหทัยด้วยท่าทางสงบ แล้วตอบกลับอย่างเรียบเฉย

“จะเรียนภาพวาดจีน ใช่ว่าวันเดียวจะเรียนเป็นสักหน่อย?” หทัยตอบ “อีกอย่างนะ ถึงแม้ว่าจะเรียนเป็น แต่ก็ไม่เหมือนกับเรียนจนชำนาญหรอก......”

“ถูกต้อง คนที่เรียนศิลปะไม่ชำนาญ มีสิทธิ์มาวิจารณ์ผลงานของอาจารย์วัชระได้ที่ไหน? เธอแน่เธอก็วาดเองสิ”

“อาจารย์วัชระที่วาดภาพธรรมชาติได้ดีเยี่ยมขนาดนี้ ใช่คนที่จะสามารถวิจารณ์ไปเรื่อยได้เหรอ? มีปัญญาเธอก็วาดเองเลย”

“เธอรู้จักเคารพผู้อาวุโสบ้างหรือเปล่าเนี่ย? ถ้าจะหาความมีอยู่จริงก็ออกไปหาข้างนอกนะ......”

คนรอบๆเริ่มตำหนิขึ้นมาเรื่อยๆ

กชนิภามองหทัยและพวกเขาด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าเรียบเฉย “ถ้าพวกคุณยังพูดฉอดๆอีก เชื่อไหมว่าฉันจะเรียกบอดี้การ์ดมาโยนพวกคุณออกไป? นันท์ของพวกเราเรียนศิลปะชำนาญหรือไม่ชำนาญ คนอื่นจะไปรู้ได้ยังไง?”

“เด็กสาวคนนี้พูดถูกต้อง ภาพนี้ ฉันวาดไม่ดีพอจริงๆ......” เสียงของชายคนหนึ่งดังขึ้น

ทุกคนต่างก็หันไปมองทันที

เห็นแค่ ชายแก่ผมขาวคนหนึ่งสวมชุดไทเก๊ก เดินฝ่าฝูงคนมาตรงหน้าชัชนันท์

ชายแก่เป็นใคร ทุกคนที่ในที่นี้ทราบกันดี

เขาก็คือวัชระ

พอทุกคนได้ยินวัชระเอ่ยปาก ก็เงียบปากกันทันที

“ตอนนั้นที่ฉันวาดภาพนี้ อารมณ์ไม่ดี เพราะงั้นเลยกระทบกับฝีมือการวาด แต่ฉันคิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาใหญ่โต ก็เลยเอาออกมาวาง......ฉันนึกว่าคนปกติจะดูไม่ออกนะเนี่ย” ขณะที่วัชระพูด ก็เบนสายตาไปมองที่ชัชนันท์ด้วย

สายตาที่เขามองชัชนันท์เต็มไปด้วยความชื่นชม “เด็กสาวคนนี้ ฉันเห็นว่าเธอมีความสามารถในการวิเคราะห์ภาพวาดจีนพอสมควร ความจริงแล้วตอนที่เธอวิจารณ์ฉันเมื่อกี้ ฉันได้ยินได้หมดแล้ว มองสังเกตเธออยู่นาน......คิดว่าเธอคงไม่ใช่คนที่เรียนศิลปะไม่ชำนาญ ฝั่งโน้นมีกระดาษฟางว่างเปล่าวางอยู่บนโต๊ะ แล้วก็มีสี เธอลองไปวาดสักภาพให้ฉันดูเป็นไง?”

“หนูไม่อยากแสดงฝีมืออันต่ำต้อยของหนูต่อหน้าอาจารย์หรอกค่ะ......” ชัชนันท์ส่ายหน้า วันนี้เป็นงานแสดงศิลปะภาพวาดของเขา เธอไม่อยากจะสร้างซีน

“ไม่ต้องถ่อมตัวหรอก วาดให้ฉันดูหน่อย” วัชระพูดอีก

“อาจารย์อย่าทำให้นันท์ฉันลำบากใจเลยค่ะ นันท์เขาไม่เคยเรียนวาดภาพมาก่อน” หทัยมองวัชระแล้วพูด

พูดจบ เธอก็เดินมาข้างๆชัชนันท์ แล้วคล้องแขนเธออย่างสนิทสนม ท่าทางเสแสร้งว่ากู้หน้าให้ แล้วพูดต่อ “เธอวาดภาพไม่เป็นจริงๆ”

“นั่นสิ…...อาจารย์ วิจารณ์เป็น ก็ไม่ได้แปลว่าจะวาดภาพเป็นนี่......”

“ใช่ๆ”

พวกคนที่มามุงดูต่างก็คล้อยตามกัน

“เชิญเถอะ......เพื่อนตัวน้อย” วัชระไม่ได้สนใจรอบข้าง แล้วแหวกฝูงชนอีกครั้ง ยืนอยู่ข้างๆโต๊ะวาดภาพ

“นันท์......วาดให้พวกเขาดูหน่อย พิสูจน์ความสามารถของตัวเอง” กชนิภาพูดด้วยสีหน้ามั่นใจ

เธอรู้ดีว่าลูกสะใภ้ของตัวเองนั้นเก่งมาก เธอก็รู้อีกว่าลูกสะใภ้มีความสามารถในการวิจารณ์ นั่นก็หมายความว่าเธอวาดภาพเป็น

ชัชนันท์มองคนที่อยู่รอบๆ แล้วจูงมือของกชนิภา เดินมาข้างๆวัชระ

วัชระมองชัชนันท์ด้วยสายตาปลื้นใจ ผายมือทำท่าทางว่าเชิญ

ชัชนันท์หยิบพู่กันที่อยู่ข้างๆขึ้นมา

หทัยและกลุ่มคนที่มามุงดู ก็เดินมาข้างๆชัชนันท์อย่างรวดเร็ว ใบหน้าของทุกคนนั้นเต็มไปด้วยความเหยียดหยาม

ในสายตาของผู้คนมากมาย ชัชนันท์หยิบพู่กันขึ้นมา แล้ววาดภาพดอกเหมยที่มีหิมะเกาะในฤดูหนาวลงไปด้านบน

“อะไรน่ะ รู้สึกว่าธรรมดามากเลย......”

“นั่นน่ะสิ ธรรมดามากจริงๆ”

ทุกคนต่างก็ซุบซิบกัน

หทัยไม่ได้พูดอะไร ในใจก็รู้สึกแบบเดียวกันเช่นกัน

ชัชนันท์วางพู่กันลงอย่างช้าๆ แล้วมองไปยังวัชระ

สายตาของวัชระจดจ้องอยู่บนภาพดอกเหมยที่มีหิมะเกาะ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความดีใจ

วินาทีต่อมา เขาก็หมุนตัวกลับมา มองไปยังชัชนันท์แล้วพูด “เก่งมากเลย…...ดอกเหมยราวกับมีชีวิตอยู่จริง วิธีตวัดปลายพู่กันก็สง่างาม!!! นี่เป็นวิธีที่หลายๆคนที่ฝึกหลายสิบรอบ ก็ยังทำไม่ได้เท่านี้......!!แม้แต่ฉันก็วาดดอกเหมยออกมาไม่เพอร์เฟคเท่านี้......!เธอรับฉันไว้เป็นศิษย์ได้ไหม?”

กชนิภาที่ยืนอยู่ข้างๆถูกภาพดอกเหมยที่มีหิมะเกาะทำให้ตกตะลึงเช่นกัน......

ได้ยินเสียงของวัชระ เธอถึงได้สติกลับมา มองไปทางวัชระด้วยสีหน้าอึ้งๆ

คนอื่นๆที่คล้อยตามหทัยมา ต่างก็นิ่งอึ้งไป

หลายๆเรื่องที่พวกเขาคาดเดาจุดเริ่มต้นได้ แต่กลับคาดเดาจุดจบไม่ได้!!!

ทั้งๆที่ในสายตาพวกเขาเป็นแค่ภาพวาดธรรมดาๆด้วยซ้ำ แต่ทำไมในสายตาของวัชระ ถึงกลายเป็นภาพมหัศจรรย์ไปได้?

ทันใดนั้น ทุกคนก็นิ่งเงียบราวกับเป่าสาก

ชัชนันท์ได้รับคำชม ก็ส่ายหน้าทันที “หนูไม่มีความสามารถพอที่จะรับคุณไว้เป็นศิษย์หรอกค่ะ คุณเป็นถึงอาจารย์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในวงการภาพวาดจีนตอนนี้เลยนะคะ หนูไม่มีสิทธิ์นั้นหรอกค่ะ”

เธอคาดคิดไม่ถึงเช่นกัน ภาพของตัวเองจะถูกวัชระชมเชยเช่นนี้

ในตอนแรก ตอนที่อาจารย์สอนเธอวาดภาพวาดจีน ก็ชมเธอว่ามีพรสวรรค์อย่างมาก เป็นอัจฉริยะทางภาพวาดจีนที่หาได้ยากในรอบร้อยปี

หลังจากที่เรียนจบ อาจารย์ก็มักจะชื่นชมผลงานเธอบ่อยๆ พอที่จะสามารถเทียบกับอาจารย์คนอื่นๆในประเทศได้เลย

แต่เธอมักจะรู้สึกว่าอาจารย์ชมเกินจริง

ทันใดนั้น คำวิจารณ์ติเตียนก็เปลี่ยนไป

“สุดยอดเลย......เมื่อกี้ฉันกำลังจะพูด สาวสวยคนนี้ต้องวาดภาพเป็นแน่นอน ฉันแค่ยังไม่ทันได้พูดแค่นั้นเอง”

“โอ้มายก็อด สุดยอดจริงๆ พวกเธอบอกเขาวาดไม่เป็น ตอนนี้เหมือนตบหน้าตัวเองเลยไหมล่ะ? ป้าชุดกี่เพ้าแดงเป็นอะไร? ทำท่าเหมือนสนิทชิดเชื้อกับสาวสวยขนาดนั้น แต่กลับไม่รู้ว่าเธอวาดภาพเป็นเนี่ยนะ?”

“รู้สึกว่าท่าทางป้าชุดกี่เพ้าแดงนี่ ดูแล้วเหมือนแม่เลี้ยงเลย คงไม่ใช่แม่เลี้ยงของเธอใช่ไหม?”

“พวกเธอไม่รู้อะไร เธอคือภรรยาของประธานรัตนากรกุลกรุ๊ป สาวสวยคนนี้เป็นลูกคนโตของรัตนากรกุลกรุ๊ป ชัชนันท์ไงล่ะ......”

“มิน่าล่ะถึงรู้สึกว่าท่าทางของเธอเมื่อกี้แปลกๆ นำสถานการณ์ไปด้วย แกล้งว่าสนิทกับคนเขาไปด้วย ในเมื่อเป็นแม่เลี้ยงแล้ว ก็อย่าขัดเขาไปซะหมดสิ”

คำพูดของทุกคน ทำให้หทัยรู้สึกว่าตัวเองเหมือนถูกตบหน้าอย่างรุนแรง ในเวลานี้ เธออายจนแทบอยากจะมุดรูหนีให้รู้แล้วรู้รอด!!!

ชัชนันท์นี่มันยังไงกันแน่ ทำไมหลังจากที่แยกไปสามปี กลับมาถึงไม่เหมือนเดิมเลยสักนิด?

ถึงขนาดว่าแค่วาดไปเรื่อย ก็สามารถทำให้อาจารย์ชมได้ อาจารย์ถึงขนาดว่าอยากจะให้เธอเป็นอาจารย์!

พูดกันตามจริงสถานการณ์ไม่ควรจะเป็นอย่างนี้สิ!!!

เดิมทีเธอนึกว่า วันนี้ตนเองจะทำให้ชัชนันท์ขายหน้า คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายคนที่ขายหน้าจะกลับกลายเป็นตัวเอง

ได้ยินคำพูดของคนรอบข้าง กชนิภาก็รู้สึกภูมิใจขึ้นมา อารมณ์ดีขึ้นทันตาเห็น ในใจก็ยิ่งชื่นชมชัชนันท์เข้าไปอีก

สรุปแล้วมีเรื่องอะไรบ้าง ที่ลูกสะใภ้ของเธอทำได้ไม่ดี?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หลีกทางหน่อย... ยัยเป็ดขี้เหร่กลับมาแล้ว