หมอเทวะหัตถาศักดิ์สิทธ นิยาย บท 6

ตอนที่ 6 ผู้ชายคนนั้นคือเขาหรือ

ฟังฮุ่ยที่ก้าวเข้าไปในรถแอคคอร์ดแล้วครึ่งขา เหลือบไปเห็นหลินมั่วกำลังเปิดประตูรถมายบัค เธอตกตะลึงทันที สวี่เจี้ยนกงและหวงเหลียงก็ตาค้างเช่นกัน รถที่หลินมั่วยืมมาก็คือรถมายบัคคันนี้ที่ราคาไม่ต่ำกว่าห้าล้านหรอกหรือ นั่น...เป็นไปได้อย่างไร ตอนนี้ทุกคนต่างมองไปที่หลินมั่วอย่างงุนงง หลินมั่วเข้าไปนั่งประจำที่คนขับแล้วลดกระจกรถลง “ตอนนี้สายแล้วนะครับ พวกเรารีบไปกันเถอะ” ฟังฮุ่ยจึงได้สติขึ้นมา แล้วหันไปสบตากับสวี่เจี้ยนกง ทั้งสองรีบลงจากรถแอคคอร์ดทันที พูดเป็นเล่นไป มีมายบัคให้นั่ง ใครจะไปนั่งแอคคอร์ดกันล่ะ ขับแอคคอร์ดไปรับสวี่ปั้นซย่าจะมีหน้ามีตาหรือไม่ ก็ต้องดูว่าเทียบกับรถอะไร! ถ้าเทียบกับมายบัค นั่นก็เหมือนฟ้ากับเหว! ส่วนหวงเหลียงยังคงยืนอ้าปากค้างอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานาน เมื่อฟังฮุ่ยเข้าไปนั่งในรถ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอิจฉามองดูการตกแต่งภายในด้วยความตื่นตา แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจเรื่องรถมากนักแต่ก็พอมองออกว่า รถคันนี้ราคาไม่เบาเลย เบาะหนังแท้นุ่มและสบายมาก ให้ความรู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในห้องโดยสารชั้นหนึ่งบนเครื่องบิน เบาะที่นั่งยังสามารถปรับได้หลายระดับ ยิ่งทำให้เธอรู้สึกตื่นตามากขึ้นไปอีก แสงสว่างในรถถูกปรับให้บรรยากาศพอเหมาะพอดี และในขณะที่รถกำลังแล่นอยู่นั้น ภายในรถเงียบมากไม่มีเสียงรบกวน สิ่งสำคัญที่สุดคือการเคลื่อนที่ของรถเป็นไปอย่างราบรื่น แม้ว่าผิวถนนจะไม่สม่ำเสมอ แต่คนที่นั่งในรถก็ไม่รู้สึกถึงแรงกระเทือนเลยแม้แต่น้อย นี่สิคือรถหรูของแท้! แน่นอนว่าสวี่เจี้ยนกงมีความรู้เรื่องรถมากกว่าฟังฮุ่ย แค่มองปราดเดียวก็รู้ว่ารถคันนี้มีราคาแพงกว่ารถพ่อของเขาเสียอีก! หลังจากที่เงียบอยู่นาน ในที่สุดสวี่เจี้ยนกงก็ถามขึ้น “หลินมั่ว รถคันนี้ แกไปเอามาจากไหน” ฟังฮุ่ยเองก็รีบหันไปมองหลินมั่ว พวกเขารู้ดีว่าสภาพอย่างหลินมั่ว มีรถผุๆ คันหนึ่งก็นับว่าไม่เลวแล้ว แต่นี่ ไปยืมรถหรูหราแบบนี้มาจากไหนกัน “ผมยืมเพื่อนมาครับ” หลินมั่วตอบเสียงเบาๆ “เพื่อนคนไหน ชื่ออะไร” สวี่เจี้ยนกงรีบถามกลับ “พ่อกับแม่ไม่รู้จักหรอกครับ” หลินมั่วตอบแบบขอไปที สวี่เจี้ยนกงยังคงถามคำถามอีกมากมาย แต่หลินมั่วตอบกลับผ่านๆ สวี่เจี้ยนกงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ในความคิดของเขา เพื่อนของหลินมั่วคนนี้น่าจะเป็นพวกทำเรื่องผิดกฎหมาย ไม่อย่างนั้นแล้ว หลินมั่วก็คงจะไม่ปิดปากเงียบเช่นนี้หรอก “หลินมั่ว เกิดเป็นคนต้องสง่าผ่าเผย ความจนน่ะไม่น่ากลัวหรอก สิ่งที่น่ากลัวก็คือหัวใจที่ไร้คุณธรรมนะ!” สวี่เจี้ยนกงเอ่ยคำกล่าวขึ้นช้าๆ จากนั้นก็หลับตาลง และไม่ได้พูดอะไรต่อ ฟังฮุ่ยพอจะเข้าใจความหมายของสามี เธอมองหลินมั่วด้วยสายตาดูแคลนอีกครั้ง เมื่อมาถึงสนามบิน ทั้งสามยืนรอที่หน้าทางออกอยู่สักพัก ก็เห็นคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมา ในกลุ่มนั้น มีหญิงสาวคนหนึ่งท่าทางโดดเด่นเป็นพิเศษ การแต่งกายของเธอเป็นไปตามมาตรฐานสาวออฟฟิศในเมืองใหญ่ เธอสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวกระโปรงสั้นสีดำ และคลุมด้วยเสื้อสูทสีดำ ผิวของเธอขาวนวล ทรวดทรงเป็นที่น่าสะดุดตา แม้แว่นตากันแดดขนาดใหญ่จะบดบังใบหน้าครึ่งหนึ่ง แต่อีกครึ่งที่เผยให้เห็นก็ยังงดงามพอที่จะทำให้ผู้คนต้องอิจฉา เธอก็คือภรรยาของหลินมั่ว สวี่ปั้นซย่า หญิงสาวผู้ที่เคยได้รับการขนานนามว่าเลอโฉมที่สุดแห่งเมืองก่วงหยาง! เพียงแต่ว่า มีชายหนุ่มแต่งตัวดูดีดูเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้าเดินมาด้วยกับสวี่ปั้นซย่า ไม่ว่าจะเป็นอาร์มานี่บนตัวของเขา หรือจะปาเต็กฟิลิปส์ที่ข้อมือ สิ่งเหล่านี้ล้วนบ่งบอกได้ถึงฐานะที่ไม่ธรรมดาของชายหนุ่มคนนี้ หลินมั่วก็เคยเจอชายหนุ่มคนนี้มาก่อน เขาชื่อว่าชุยอี้ฟาน เป็นทายาทตระกูลชุยแห่งเมืองก่วงหยาง เขาตามจีบสวี่ปั้นซย่ามานานมากแล้ว และหลายต่อหลายครั้งยังประกาศว่าจะต้องเอาชนะใจสวี่ปั้นซย่าให้ได้ นึกไม่ถึงเลยว่าทั้งสองจะนั่งเครื่องบินกลับมาด้วยกัน และยังเดินออกมาด้วยกันอีกด้วย หลินมั่วรู้สึกเจ็บแปลบอยู่ในใจ เวลานี้ สวี่เจี้ยนกงและฟังฮุ่ยรีบปราดเข้าไปทักทาย “ว้าว คุณชายชุย รบกวนคุณชายแล้ว ต้องมาคอยดูแลปั้นซย่าให้!” รอยยิ้มประจบสอพลอปรากฏบนใบหน้าของฟังฮุ่ย ถ้าหากว่าชุยอี้ฟานแต่งงานกับสวี่ปั้นซย่าได้ ครอบครัวของเธอก็จะสามารถกลับมาผงาดอีกครั้งได้อย่างแน่นอน เมื่อเทียบกับหลินมั่วที่แต่งกายซอมซ่อ สีหน้าดูแคลนของฟังฮุ่ยก็ผุดขึ้นมาอีกครั้ง ความแตกต่างของผู้ชายสองคนนี้ห่างไกลกันประหนึ่งฟ้ากับดิน มีปัญญาหยิบยืมรถคันหรูมาขับแล้วอย่างไร หากตระกูลของชุยอี้ฟานจะซื้อมายบัคสักคัน ก็เหมือนกับซื้อของเล่น นอกจากนี้ เขายังเป็นเจ้าของรถที่แท้จริง ส่วนแกที่ยืมรถชาวบ้านเขามา จะเอามาเทียบกันได้หรือ ชุยอี้ฟานยิ้มน้อยๆ “คุณน้าฟังเกรงใจเกินไปแล้วครับ นี่เป็นสิ่งที่ผมควรทำอยู่แล้วครับ!” เวลานี้หัวใจของหลินมั่วที่อยู่ด้านข้างกำลังเต้นโครมคราม เสียงนี้คุ้นมาก นี่ไม่ใช่เสียงผู้ชายที่รับโทรศัพท์ของสวี่ปั้นซย่าเมื่อคืนนี้หรือ นาทีนี้ หัวใจของหลินมั่วเย็นวาบลงไปลึกสุดใจ เมื่อคืนนี้สวี่ปั้นซย่าภรรยาของเขาอยู่ในห้องเดียวกันกับชุยอี้ฟานอย่างนั้นหรือ ฟังฮุ่ยและสวี่เจี้ยนกงยังคงคุยทักทายอยู่กับชุยอี้ฟาน ส่วนสวี่ปั้นซย่าเดินมาด้วยสีหน้าเย็นชา “กลับกันเถอะ ฉันเหนื่อยแล้ว!” น้ำเสียงของสวี่ปั้นซย่าเย็นชา แม้แต่หน้าของหลินมั่ว เธอก็ไม่เหลือบมามองสักนิด ทำเหมือนกับหลินมั่วไม่มีตัวตน ฟังฮุ่ย “แหม เด็กคนนี้ ทำไมรีบร้อนจริง นานๆจะได้เจอคุณชายชุยสักที คุยกันก่อนสิ!” สวี่ปั้นซย่าไม่ได้สนใจ เธอส่งกระเป๋าเดินทางให้หลินมั่ว แล้วเดินจากไป หลินมั่วกัดฟันกรอด เขาอยากจะจับกระเป๋าใบนั้นขว้างทิ้งไป แต่ท้ายที่สุดเขาก็อดทนต่อไป ตอนนี้เขายังพิสูจน์ไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อคืนนี้ ถ้าหากจะระเบิดอารมณ์ ก็ควรจะมั่นใจเสียก่อนค่อยพูดออกมา! เขาเดินหอบหิ้วสัมภาระตามเธอไปอย่างเงียบๆ แต่ใครจะคาดคิดว่าชุยอี้ฟานกลับเดินตามสวี่ปั้นซย่ามา “ปั้นซย่า ให้ฉันไปส่งเธอนะ!” ชุยอี้ฟานยิ้ม “ฉันเพิ่งซื้อเฟอร์รารี่มา เธอไปลองรถกับฉันไหม!” “เฟอร์รารี่หรือ” ฟังฮุ่ยอุทานน้ำเสียงตื่นเต้น “รถนี้ราคาไม่เบาเลย เท่าไหร่หรือคะ!” “ไม่เท่าไหร่ครับ ประมาณเจ็ดล้าน” ชุยอี้ฟานยิ้มน้อยๆ “คือผมได้กำไรนิดหน่อยจากโครงการก่อนหน้านี้ ก็เลยซื้อรถสักคันเพื่อให้รางวัลกับตัวเอง" “คุณชายชุยเป็นนักธุรกิจอายุน้อยอนาคตไกล ยังหนุ่มยังแน่นก็เก่งกาจขนาดนี้ ช่างน่าชื่นชมจริงๆค่ะ!” ฟังฮุ่ยรู้สึกปลง ทันใดนั้นก็เหลือบมองหลินมั่วด้วยสายตาที่เย็นชายิ่งขึ้นไปอีก สองคนนี้เปรียบเทียบกัน ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน ฟังฮุ่ยพูดเสียงเบา “ปั้นซย่า ลูกกลับไปกับคุณชายชุยก็ได้นะ จะได้คุยงานกันไปด้วย” สวี่ปั้นซย่าไม่พูดอะไร ชุยอี้ฟานถือโอกาสนี้พูดขึ้น “จริงด้วย ปั้นซย่า ระยะนี้ บริษัทของพวกเรามีแผนการจะลงทุนในโครงการที่เกี่ยวกับการแพทย์นี่นา พวกเราจะได้คุยเรื่องนี้กันไปด้วยเลย!” ขณะที่พูดคุยกัน ทุกคนก็เดินมาถึงทางออก รถสปอร์ตสีแดงเพลิงคันหนึ่งจอดอยู่หน้าทางออก โดดเด่นทันสมัย เป็นจุดสนใจของผู้คนที่ผ่านไปมา มีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ข้างรถ เขารีบวิ่งเข้ามาทันทีที่เห็นชุยอี้ฟาน “คุณชายชุย รถของคุณครับ!” เมื่อรับกุญแจรถมา ชุยอี้ฟานก็เดินไปเปิดประตูรถ แล้วทำทีเป็นสุภาพบุรุษเชื้อเชิญสวี่ปั้นซย่า “เชิญครับ คุณสวี่!” หญิงสาวมากมายบริเวณนั้นต่างมองสวี่ปั้นซย่าด้วยความอิจฉา คุณชายร่ำรวยพร้อมรถหรู ท่าทางสุภาพบุรุษขนาดนั้น จะมีผู้หญิงสักกี่คนปฏิเสธเขาได้ลงคอ ฟังฮุ่ยรีบสนับสนุน “ปั้นซย่า รีบไปเถอะ อย่าให้คุณชายชุยต้องรอนาน” สวี่ปั้นซย่ามีท่าทางลังเล เหมือนกำลังคิดว่าจะขึ้นรถหรือไม่ หัวใจของหลินมั่วรู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง สวี่ปั้นซย่านะสวี่ปั้นซย่า สามีของคุณมารับคุณด้วยตัวเอง คุณยังจะสองจิตสองใจคิดไปขึ้นรถของผู้ชายคนอื่นอีกหรือ เดี๋ยวนี้คุณจะทำอะไรก็ไม่ต้องแคร์สายตาคนอื่นแล้วใช่ไหม เมื่อเห็นสวี่ปั้นซย่าลังเล ชุยอี้ฟานรีบพูดกับหลินมั่วด้วยรอยยิ้มว่า “หลินมั่ว ผมมีเรื่องธุรกิจต้องคุยกับปั้นซย่าสักหน่อย คุณคงจะไม่ถือสานะ” หลินมั่วก็ไม่ตอบอะไร เขาขนสัมภาระไปที่รถมายบัคแล้วเก็บใส่ท้ายรถ สวี่ปั้นซย่ารู้สึกประหลาดใจมากและหลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งเธอก็ถอนหายใจออกมาแล้วส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่าย "คุณชายชุย ขอโทษด้วยค่ะ ฉันอยากกลับบ้านพร้อมครอบครัวมากกว่า ส่วนเรื่องงาน คราวหน้าเราค่อยคุยแล้วกันนะคะ!" หลินมั่วนั่งกำหมัดอยู่ในรถ เขากำลังคิดว่า หากสวี่ปั้นซย่าขึ้นรถคันนั้นไป ก็หมายความว่าเขาสองคนหมดวาสนาต่อกันแล้ว ถ้าอย่างนั้น เรื่องราวทุกอย่างก็คงจะต้องจบลง แต่ทว่า ท้ายที่สุดแล้ว สวี่ปั้นซย่าไม่ได้ขึ้นรถคันนั้น เขาจะสามารถกอบกู้ชีวิตแต่งงานของพวกเขาได้หรือไม่ แต่เมื่อเห็นท่าทางเย็นชาของสวี่ปั้นซย่า หลินมั่วก็ยังคงมีความเจ็บปวดอยู่ คุณกลับบ้านกับผม รู้สึกแย่ขนาดนั้นเลยหรือ ถ้าหากว่าผมไม่ได้มา คุณก็คงจะไปกับชุยอี้ฟานอย่างง่ายดายเลยใช่หรือไม่ ชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ ชุยอี้ฟานรู้สึกหงุดหงิด “ให้ตายเถอะ ไอ้คนแซ่หลินนี่มันยังไง ก็แค่คนไม่เอาไหนที่เอาแต่เกาะผู้หญิง กล้าไม่ไว้หน้าคุณชายชุยอย่างนั้นหรือ คุณชายรอก่อน เดี๋ยวผมไปสั่งสอนมัน...” ชายหนุ่มกำลังจะเดินเข้าไป แต่ถูกชุยอี้ฟานห้ามไว้ เมื่อชุยอี้ฟานเห็นรถคันนั้น สีหน้าของเขาซีดขาวราวกับเห็นผี เขาพูดด้วยเสียงสั่น “อย่า...อย่าเข้าไป!” “ทำไมหรือครับ” ชายหนุ่มถามด้วยสีหน้างุนงง ชุยอี้ฟานไม่ได้พูดอะไร เขามองหลินมั่วขับรถออกไปโดยไม่ละสายตา แล้วจึงถอนหายใจออกมาเหมือนกับได้ยกภูเขาออกจากอก “คุณชายชุย เป็นอะไรหรือครับ” ชายหนุ่มถามด้วยความสงสัย “นั่นก็แค่มายบัคไม่ใช่หรือ อย่างมากสุดก็แค่ห้าล้าน รถของเราเจ็ดล้านนะครับ ทำไมต้องกลัวมันด้วย” ชุยอี้ฟานถลึงตาใส่แล้วพูดเสียงเบา “นายจะไปรู้อะไร ราคารถมันไม่สำคัญหรอก แต่ที่สำคัญน่ะ ที่เครื่องหมายบนตัวรถต่างหาก!” “เครื่องหมายอะไรครับ ป้ายทะเบียนหรือครับ มันธรรมดาจะตาย!” ชายหนุ่มพูด “คุณชายชุย รถของคุณป้ายทะเบียนแปดแปดแปด แพงกว่ามันเยอะเลยนะครับ!” “ฉันพูดถึงบัตรผ่านที่อยู่ในรถนั่น...” ชุยอี้ฟานกัดฟันพูดว่า “นายไม่เห็นหรือ บัตรผ่านสวนวั่งเจียง เมืองนี้ทั้งเมืองรวมกันมีไม่ถึงห้าสิบใบ บัตรผ่านนี้มีมูลค่าร้อยล้าน นายกล้าไปเปรียบกับเขาไหมล่ะ”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอเทวะหัตถาศักดิ์สิทธ