ตอนที่ 7 ทำไมถึงไม่รับโทรศัพท์
ฟังฮุ่ยที่นั่งอยู่ข้างๆ สวี่ปั้นซย่าเอาแต่พูดจ้อให้เธอติดต่อชุยอี้ฟานให้มากขึ้นเพื่อธุรกิจของครอบครัว ตั้งแต่ต้นจนจบฟังฮุ่ยไม่ใส่ใจและไม่คิดจะคำนึงถึงความรู้สึกของหลินมั่วลูกเขยคนนี้เลยสักนิด หลินมั่วเองก็นิ่งเงียบ ความสนใจของเขาอยู่ที่สวี่ปั้นซย่าเท่านั้น หลังจากที่สวี่ปั้นซย่าขึ้นรถ คิ้วของเธอขมวดอยู่ตลอดเวลา สีหน้าท่าทางหม่นหมอง และไม่พูดไม่จาเลยตลอดทาง ท่าทางแบบนี้ เหมือนเธอจะหมดความอดทนแล้ว ในใจของหลินมั่วเจ็บปวดอย่างยิ่ง ให้คุณกลับบ้านมากับผม มันน่าหงุดหงิดขนาดนี้เลยหรือ ไอ้ชุยอี้ฟานคนนั้นสำคัญมากเลยหรือ ไม่นาน ทุกคนก็มาถึงหน้าทางเข้าชุมชน หลินมั่วเอารถไปจอด พวกสวี่ปั้นซย่าสามคนก็ขึ้นบ้านไปก่อน เมื่อหลินมั่วแบกสัมภาระกลับมาถึงหน้าบ้าน เขาก็ได้ยินเสียงของฟังฮุ่ยดังออกมาจากด้านใน “ปั้นซย่า พ่อของลูกพูดถูก ลูกอยู่กับหลินมั่วจะมีอนาคตอะไร” “คนทั้งเมืองก่วงหยางรู้หมดแหละว่าเขาไม่เคยแตะต้องลูก ถึงลูกจะหย่ากับเขา ก็ยังถือว่าเป็นหญิงงามบริสุทธิ์ผุดผ่อง หนุ่มๆ ตระกูลเศรษฐีที่จะมาจีบลูกน่ะ เยอะแยะไปหมด” “ลูกหาได้ดีกว่าเขาเป็นพันเท่าหมื่นเท่าแน่นอน ทำไมต้องปักใจอยู่กับเขาด้วย” หลินมั่วรู้สึกเจ็บปวด อันที่จริง คำพูดเหล่านี้เขาได้ยินมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง เขาเปิดประตูเข้าบ้าน เสแสร้งว่าไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น เมื่อเห็นหลินมั่วเดินเข้ามา ฟังฮุ่ยสบถออกมาอย่างเย็นชา ใบหน้าไม่มีความรู้สึกผิดแม้แต่น้อย แถมยังจ้องหลินมั่วด้วยสีหน้าไม่พอใจอีกด้วย “ยกกระเป๋าก็ช้า แกนี่ไม่ได้เรื่องจริงๆ!” ฟังฮุ่ยกัดฟัน “หลินมั่ว แกทำตัวให้มันได้เรื่องได้ราวกว่านี้หน่อยได้ไหม อย่าทำให้ปั้นซย่าต้องขายหน้าเพราะแกจะได้ไหม” “ผมทำไมหรือ” หลินมั่วอดไม่ได้ที่จะถามออกมา ฟังฮุ่ยพูดด้วยความโมโห “ถ้าไม่ใช่เพราะตัวถ่วงอย่างแก วันนี้ปั้นซย่าจะได้พูดคุยกับคุณชายชุยนานอีกหน่อย ไม่แน่ว่าจะเจรจาธุรกิจใหญ่สำเร็จ อย่างน้อยๆ พวกเราก็จะได้มีบ้านหลังใหม่กัน ก็เป็นเพราะแกอยู่ตรงนั้นด้วย ทำให้คุณชายชุยไม่สะดวกใจ ธุรกิจอะไรตอนนี้ก็ไม่มีแล้ว แกรู้บ้างไหม” หลินมั่วขมวดคิ้วเล็กน้อย เรื่องนี้ก็ยังโทษเขาได้อีก ชุยอี้ฟานคนนั้นคิดอะไรอยู่ ไม่รู้กันบ้างเลยหรือ ถ้าตามที่คุณว่า ผมต้องทำตัวเป็นเต่าหดหัวปล่อยให้ภรรยาของตัวเองแจ้นไปกับผู้ชายคนอื่นเพื่อแลกกับธุรกิจใหญ่อะไรนั่นหรือ หลินมั่วระงับความโกรธของเขา “แม่...” “ไม่ต้องมาเรียกฉันว่าแม่!” ฟังฮุ่ยตัดบท “พวกเราไม่ได้ใกล้ชิดขนาดนั้น!” หลินมั่วหน้าแดงก่ำ “ชุยอี้ฟานคนนั้นไม่บริสุทธิ์ใจกับปั้นซย่า เรื่องนี้...เรื่องนี้แม่ก็รู้ดีนี่ เขาจะคุยธุรกิจกับปั้นซย่าที่ไหนกัน เขาต้องการอย่างอื่นจากปั้นซย่าล่ะไม่ว่า!” “แล้วจะทำไม” ฟังฮุ่ยพูดเสียงดัง “ทำธุรกิจนอกบ้าน การคบค้าสมาคมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ครอบครัวคนอื่นเป็นฝ่ายสามีที่ออกไปสังสรรค์เพื่อธุรกิจ ส่วนแกคนไม่เอาไหนกลับทำตรงกันข้าม ต้องให้ภรรยาเป็นฝ่ายออกไปคุยธุรกิจเพื่อหาเลี้ยงแกยังมีหน้ามาชี้นิ้วสั่งการปั้นซย่าอีกหรือ” หลินมั่วรีบพูด “ผม...ผมชี้นิ้วสั่งการปั้นซย่าที่ไหนกัน...” “พอได้แล้ว!” สวี่ปั้นซย่าแผดเสียงใส่พลางมองหลินมั่วด้วยสายตาขุ่นเคือง “ฉันเหนื่อยแล้ว!” สวี่ปั้นซย่าเดินเข้าห้องนอนไป ฟังฮุ่ยจ้องหลินมั่วเขม็งด้วยความโมโห “ไม่ได้ยินหรือไง ปั้นซย่าเหนื่อยแล้ว ยังไม่รีบไปซักเสื้อผ้าของปั้นซย่าอีก แล้วก็ เมื่อวานแกไม่ได้กลับมาทั้งวัน จานชามกองพะเนินอยู่ในห้องครัว รีบไปจัดการเดี๋ยวนี้!” หลินมั่วกัดฟัน ท้ายที่สุดเขาก็ต้องไปจัดการเก็บกวาดห้องให้เรียบร้อย สามปีมานี้ เขาชินกับเรื่องพวกนี้เสียแล้ว เขาไม่สนใจว่าตระกูลสวี่จะทำกับเขาอย่างไร แต่ที่เขาสนใจคือท่าทีของสวี่ปั้นซย่าที่มีต่อเขามากกว่า! เวลานี้ หลินมั่วได้รับวิชาความรู้ที่ถ่ายทอดผ่านป้ายหยกประจำตระกูล ซึ่งสามารถชี้เป็นชี้ตายผู้อื่นได้ อยากจะได้อะไรน่ะหรือ ง่ายเหมือนพลิกฝ่ามือ หรือจะพูดว่า เขาสามารถทำให้ตระกูลสวี่กลายเป็นตระกูลยิ่งใหญ่แห่งเมืองก่วงหยางได้ แต่ประเด็นคือ ตระกูลสวี่มีค่าพอให้เขาทำแบบนั้นหรือไม่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความรู้สึกของสวี่ปั้นซย่าที่มีต่อเขา! ถ้าหากสวี่ปั้นซย่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับเขา อย่างนั้นความสัมพันธ์สามปีที่ผ่านมา ก็ควรถึงเวลาปล่อยมือเสียที แต่หากสวี่ปั้นซย่ามีใจให้เขา เขาจะต้องทำหน้าที่ในฐานะที่สามีพึงกระทำ หากคุณไม่ทิ้งผมไปไหน ผมก็จะภักดีต่อคุณ! เมื่อเก็บกวาดทุกอย่างเรียบร้อย หลินมั่วก็เข้าไปในห้อง ในห้องนอนมีเตียงสองเตียง เตียงใหญ่กว้างขวางเป็นของสวี่ปั้นซย่า อีกเตียงหนึ่งกว้างไม่ถึงหนึ่งเมตร เป็นของหลินมั่ว สวี่ปั้นซย่ากำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง ท่าทางเศร้าหมอง ดูเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ เมื่อได้ยินเสียงหลินมั่วเข้ามา เธอเบนศีรษะไปทางอื่น แล้วเช็ดน้ำตาที่หางตา การกระทำทั้งหมดตกอยู่ในสายตาของหลินมั่ว เขารู้สึกตกใจ สวี่ปั้นซย่าไปเจอกับเรื่องอะไรมา สามปีที่หลินมั่วรู้จักสวี่ปั้นซย่ามา เธอเป็นหญิงสาวที่เข้มแข็ง แม้จะเป็นที่กล่าวขานว่าเป็นผู้หญิงสวยที่สุดในเมืองก่วงหยาง แต่เธอก็ไม่เคยใช้ความงามของเธอเป็นเครื่องมือ เธอทำทุกอย่างด้วยความสามารถของเธอเอง เธอค่อยๆ ไต่เต้าตั้งแต่พนักงานระดับล่างของบริษัท มาจนอยู่ในตำแหน่งระดับสูงดังเช่นปัจจุบันและมีหน้าที่รับผิดชอบงานในบริษัททั้งหมด ล้วนมาจากความสามารถของตัวเองทั้งสิ้น ที่ผ่านมา แม้จะยากลำบากเพียงใดเธอก็ผ่านมาได้โดยไม่เคยร้องไห้ แต่นี่เกิดอะไรขึ้น ทำไมกลับมาแล้วจึงกลายเป็นแบบนี้ การออกไปทำงานต่างจังหวัดครั้งนี้ เกิดอะไรขึ้นกันแน่ หลินมั่วอดไม่ได้ที่จะนึกไปถึงชุยอี้ฟาน นึกถึงโทรศัพท์เมื่อคืนนี้ ใจของเขาเต้นแรงขึ้นมาทันที เป็นไปได้ไหมว่า ชุยอี้ฟานทำในเรื่องที่ไม่น่าให้อภัยต่อสวี่ปั้นซย่า หลินมั่วกำหมัดโดยไม่รู้ตัว หัวใจของเขาเจ็บแปลบขึ้นมาอีกครั้ง “ปั้นซย่า สรุปแล้ว...สรุปแล้วมันเกิดอะไรขึ้น...” หลินมั่วถามเสียงเบาๆ สวี่ปั้นซย่าเหลือบมองหลินมั่วด้วยท่าทีเย็นชา “ไม่มีอะไร!” หลินมั่วพยายามสงบสติอารมณ์ “บอกผมเถอะ บางที ผมอาจช่วยคุณได้” “ช่วยฉัน?” สวี่ปั้นซย่ามองหลินมั่วด้วยสายตาเย็นชา “คุณจะเอาอะไรมาช่วยฉัน หลินมั่ว คุณยังดูแลตัวเองไม่ได้เลย จะมาช่วยฉัน คุณจะเอาอะไรมาช่วยฉัน” หลินมั่วพูดไม่ออก เขาไม่สามารถบอกสวี่ปั้นซย่าได้ ว่าตัวเองได้รับวิชาความรู้ที่ตกทอดมาจากตระกูล จนตอนนี้กลายเป็นหมอเทวดาไปแล้ว การล่มสลายของตระกูลหลินยังคงเป็นปริศนา หากยังไม่มีศักยภาพที่เพียงพอ เขายังไม่กล้าเปิดเผยเรื่องของตัวเอง เขาต้องมั่นใจให้ได้ก่อนว่าสวี่ปั้นซย่าคิดอย่างไรกับเขา จากนั้นจึงค่อยตัดสินใจว่าจะบอกเรื่องนี้กับสวี่ปั้นซย่าหรือไม่ สวี่ปั้นซย่ารู้สึกผิดหวัง “หลินมั่ว คุณจัดการเรื่องของตัวเองให้ดีเถอะ!” “สามปีแล้ว คุณทำงานที่โรงพยาบาลมาสามปี คนอื่นยิ่งทำก็ยิ่งเติบโต ไม่เหมือนคุณยิ่งทำก็ยิ่งแย่ลง” “ได้ยินมาว่า เมื่อวานทั้งวันคุณไม่ไปทำงานเลย คุณไปไหนมา คุณรู้ไหมว่างานที่คุณทำอยู่นี้ ไม่ได้ได้มาง่ายๆเลยนะ” ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจะต้องเป็นจ้าวจยาฝานที่ฟ้องเรื่องนี้ ทุกครั้งที่หลินมั่วทำผิดพลาดเล็กๆ น้อยๆ จ้าวจยาฝานจะต้องพูดแต่งเติมเรื่องราวให้สวี่ปั้นซย่าฟังเสมอ อย่างแรก เพื่อหาเรื่องติดต่อกับสวี่ปั้นซย่า อย่างที่สอง เพื่อโจมตีหลินมั่ว “เมื่อวานนี้ผมมีธุระนิดหน่อย...” หลินมั่วพูดเบาๆ “ธุระอะไร” สวี่ปั้นซย่าถาม “ผม...” หลินมั่วเงียบลงทันที เขาอยากจะบอกเรื่องของหลินซี แต่สวี่ปั้นซย่าไม่รับโทรศัพท์เขาเลย มันก็แสดงออกชัดเจนถึงท่าทีของเธอแล้วไม่ใช่หรือ แม้หลินมั่วพูดเรื่องน้องสาวออกไป ก็คงจะไม่ได้รับความเห็นอกเห็นใจ หนำซ้ำอาจจะเจอคำพูดเหน็บแนมอีกด้วย เขากัดฟันกรอด ในที่สุด เขาก็อดไม่ได้ต้องเอ่ยถามออกมา “แล้วหลายวันนี้ทำไมคุณถึงไม่รับโทรศัพท์ผมเลยล่ะ” สวี่ปั้นซย่าตะลึง เธอจ้องหลินมั่วครู่หนึ่งแล้วก็พูดขึ้นว่า “ฉันอยากจะรับ ก็รับ ฉันไม่อยากรับ ก็ไม่รับ หลินมั่ว คุณคิดว่าจะบังคับฉันได้หรือ” “คุณ...” หลินมั่วโกรธจัดและคำรามเสียงดัง “สวี่ปั้นซย่า คุณเห็นผมเป็นอะไรกันแน่” สวี่ปั้นซย่าถามกลับอย่างโกรธเคืองเช่นกัน “แล้วคุณเห็นฉันเป็นอะไรล่ะ” หลินมั่วก้มศีรษะลงและไม่พูดอะไร ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะพูดว่าสวี่ปั้นซย่าเป็นภรรยาของเขาโดยไม่ลังเล แต่ว่าตอนนี้ เขาไม่อยากพูดแบบนั้น เพราะเขารู้สึกสะอิดสะเอียน! สวี่ปั้นซย่ายิ่งรู้สึกโมโหมากขึ้น เธอตบโต๊ะโดยไม่รอคำตอบ “ออกไปให้พ้น! อย่าให้ฉันเห็นหน้าคุณอีก!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอเทวะหัตถาศักดิ์สิทธ
อยากอ่านต่อ ถ้าจะสนับสนุนต้องทำอย่างไรบ้างครับ...