เด็กน้อยทั้งสามตื่นเช้าเกินไป หลังจากเล่นกันสักพักก็หลับไปในอ้อมแขนของอวี๋หวั่น ชุดแต่งงานของอวี๋หวั่นค่อนข้างหนัก ทำให้อุ้มเด็กๆ ไม่สะดวก อีกทั้งยังร้อน โชคดีที่เธอไม่ได้แต่งงานในช่วงคิมหันตฤดู ไม่เช่นนั้น เธอเกรงว่าเธอคงต้องตายในรถม้าตั้งแต่ยังไม่ผ่านตำบลเหลียนฮวาด้วยซ้ำ
อวี๋หวั่นวางเด็กน้อยทั้งสามลงบนเก้าอี้ยาวด้านข้าง จากนั้นก็ดึงผ้านวมห่มให้พวกเขา เนื่องจากการมารับตัวเจ้าสาวเป็นฤกษ์งามยามดี ไม่อาจช้าหรือเร็วกว่านั้นได้ เวลามีเหลือเฟือ รถม้าจึงเคลื่อนไปช้ากว่าปกติ หลังจากอยู่บนรถม้าที่แกว่งไกวไปมา จึงกล่อมให้อวี๋หวั่นรู้สึกง่วงเคลิ้ม
อวี๋หวั่นไม่อาจฝืนตัวเองมากเกินไป จึงหยิบหมอนมารองหัวพิงผนังรถม้า ขณะที่สะลึมสะลือเธอก็ได้ยินเสียงจ้อกแจ้กจอแจที่คุ้นเคยจากภายนอกรถ คลับคล้ายคลับคลาว่าพวกเขากำลังผ่านตำบลเหลียนฮวา ไม่นานหลังจากผ่านตำบลเหลียนฮวา เปลือกตาของเธอก็เริ่มเคลื่อนปิดลง
อิ่งสือซันต้องตื่นตัวอยู่เสมอ ก่อนออกมา คุณชายเตือนให้เขาเห็นแก่ส่วนรวม อย่าสร้างปัญหาหากพบสิ่งที่ไม่ควรใส่ใจ และหากประสบกับปัญหาที่ยากลำบากให้พยายามหลีกเลี่ยงอย่างชาญฉลาด อย่าพลาดฤกษ์งามยามดีให้เป็นขี้ปากคน คุณชายไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะวิพากษ์วิจารณ์เขาอย่างไร ทว่าไม่อยากให้แม่นางอวี๋ต้องแปดเปื้อน
เรื่องคุณชายของเมืองเยี่ยนแต่งภรรยาสร้างความฮือฮาให้กับเมืองหลวงทีเดียว ยังไม่มีผู้กล้าไม่กลัวตายหน้าไหนเล่นตุกติก กลัวก็แต่จะมีคนเล่นสกปรก หลังจากเดินทางไปได้ครึ่งชั่วยาม ในอีกไม่กี่หลี่ข้างหน้าก็จะเข้าสู่ประตูเมืองทิศใต้ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงฆ้องกลองดังมาจากด้านหน้า อิ่งสือซันส่งสายตาให้องครักษ์ข้างๆ “ไปดูซิ”
“ขอรับ!”
องครักษ์ควบม้าไปดู และกลับมาอย่างรวดเร็ว “มีคนรับตัวเจ้าสาว เช่นเดียวกับเรา”
อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วแลกเปลี่ยนสายตา นี่คงบังเอิญเกินไปกระมัง มารับตัวเจ้าสาวในวันเดียวกันก็พอแล้ว แต่ยังมารับตัวเจ้าสาวบนถนนสายเดียวกันอีก? นี่ไม่ใช่เทศกาลปีใหม่ ทว่าต่างรีบร้อนมาแต่งงานพร้อมกัน?
อิ่งสือซันยกมือขึ้น ส่งสัญญาณให้นักดนตรีหยุดบรรเลง
นักดนตรีเข้าใจความหมาย วางเครื่องดนตรีในมือลง เมื่อเสียงฝั่งนี้เงียบลง เสียงจากอีกฝั่งก็ชัดเจนขึ้น
อิ่งสือซันสั่งองครักษ์อีกครั้ง “ไปบอกพวกเขาว่าคุณชายแห่งเมืองเยี่ยนแต่งงาน ให้พวกเขาหลีกทางไป”
“ขอรับ!”
องครักษ์ขี่ม้าของเขาอีกครั้ง
อิ่งลิ่วขมวดคิ้ว “เจ้าคิดว่าเป็นกลอุบายหรือไม่?”
อิ่งสือซันกล่าวอย่างเฉยเมย “บอกยาก แต่ทุกอย่างต้องระวังไว้”
อิ่งลิ่วพยักหน้า พลางกำด้ามดาบที่เอวของเขา
องครักษ์ไปไม่นาน และกลับมาด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก “พวกเขาไม่ยอมหลีก พวกเขาบอกว่าใกล้จะถึงฤกษ์ดีแล้ว หากหลีกทางอีกก็จะพลาดฤกษ์ดี ขอคุณชายโปรดให้อภัย”
อิ่งลิ่วประชดประชัน “หา ขอให้เชื้อพระวงศ์อภัยให้? เขาหน้าใหญ่เพียงใดกัน?”
“ใช่รึไม่? ข้าก็บอกไปเช่นนี้!” องครักษ์เอ่ย “ให้ข้าน้อยไปตักเตือนอีกครั้งหรือไม่?”
อิ่งสือซันจับบังเหียนม้าแน่น มองไปยังทิศของขบวนด้วยสายตาเยียบเย็น “มิจำเป็น นี่ไม่ใช่การรับตัวเจ้าสาว เจ้าเตือนไปก็ไม่มีประโยชน์ใด”
อิ่งสือซันสั่งให้องครักษ์ล้อมรถม้าของอวี๋หวั่นไว้อย่างแน่นหนา ส่วนตัวเขาควบม้านำอยู่ด้านหน้า อิ่งลิ่วเฝ้าอยู่ด้านหลังรถม้า ไม่นานขบวนรับตัวเจ้าสาวขบวนนั้นก็เดินมาพร้อมกับเสียงฆ้องกลองดังสนั่น ขณะที่ทั้งสองขบวนเดินผ่านกัน จู่ๆ นักดนตรีของฝั่งตรงข้างก็ร้องออกมา “เจ้าเหยียบข้าทำไม!”
นักดนตรีของจวนคุณชายที่ถูกใส่ความมีสีหน้ามึนงง “ข้าไปเหยียบเจ้าตอนไหน?”
“ก็เจ้าเหยียบไปแล้ว! ยังไม่ยอมรับอีก! เจ้าดูสิรองเท้าข้าถูกเจ้าเหยียบจนเป็นรอยหมดแล้ว!”
“เหตุใดเจ้าจึงไร้เหตุผลเช่นนี้? ข้าห่างกับเจ้าถึงเพียงนั้น จะเหยียบถึงรึ!”
ทั้งสองฝ่ายทะเลาะกัน ไม่รู้ว่าผู้ใดผลักผู้ใดก่อน ผู้คนทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ฉากเบื้องหน้าตกอยู่ในความโกลาหล อิ่งสือซันเฝ้าดูด้วยสายตาเย็นเยียบ หน้าที่หลักของเขาคือปกป้องรถม้า ตราบใดที่พวกเขาไม่เข้าใกล้รถม้า เขาก็ไม่ต้องเปิดฉากฆ่าฟัน
คนฝั่งตรงข้ามย่อมไม่อาจสู้กับทหารองครักษ์ของจวนคุณชายได้ และจากไปด้วยความโกรธในที่สุด อิ่งลิ่วควบม้าขึ้นมา อิ่งสือซันส่งสัญญาณให้ขบวนเดินหน้าต่อไป
อิ่งลิ่วถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ตื่นเต้นจริงๆ ข้าเกือบคิดว่าจะมาปล้นเกี้ยวเจ้าสาวเสียแล้ว”
แม้จะล่าช้าไปสักหน่อย แต่ก็ยังไม่เป็นไร พวกเขาเร่งความเร็วก็ยังสามารถไปทันฤกษ์ ทว่าไม่ทราบเหตุใด ในใจของอิ่งสือซันจึงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขาถามอิ่งลิ่ว “เมื่อครู่เจ้าเฝ้ามองรถม้า แน่ใจว่าไม่มีผู้ใดเข้าใกล้ใช่หรือไม่?”
อิ่งลิ่วพยักหน้า และถามทหารองครักษ์ที่อยู่ล้อมรอบทั้งสองฝั่ง “เจ้าเห็นผู้ใดเข้าใกล้หรือไม่?”
องครักษ์ส่ายศีรษะ
อิ่งสือซันเฝ้าอยู่ด้านหน้า อันที่จริงเขาไม่เห็นว่าผู้ใดมีโอกาสเข้าใกล้รถม้า แต่เขาก็ยังคงขี่ม้าไปเปิดม่านดู เมื่อเห็นเจ้าสาวนั่งอยู่ พร้อมกับบุตรทั้งสามที่นอนหลับสนิท เขาก็ลดม่านลง
ทว่าวินาทีต่อมา ดวงตาของเขาก็เกิดประกาย
ไม่ใช่!
เขามองไปที่เจ้าสาวที่นั่งตัวตรง พลันเอื้อมมือไปยังผ้าคลุมหน้าของเธอ
“นี่! เจ้าจะทำอะไร!” อิ่งลิ่วตะโกน
อิ่งสือซันเปิดผ้าคลุมหน้าออก นั่นเป็นใบหน้าที่ตกแต่งอย่างงดงาม แต่ไม่ได้เป็นใบหน้าของอวี๋หวั่น
หญิงสาวมองอิ่งสือซันด้วยความหวาดกลัว
“มีอะไรหรือ?” อิ่งลิ่วเดินเข้ามา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]