ณ จวนคุณชาย
“ฤกษ์งามยามดีได้เริ่มขึ้นแล้ว”
“คำนับฟ้าดิน”
“คำนับพ่อแม่”
“สามีภรรยาคำนับกันและกัน”
“เสร็จสิ้นพิธี”
หลังจากเสียงใสก้องกังวานของผู้ดำเนินพิธีเงียบลง ก็ตามมาด้วยเสียงโห่ร้องดังก้องไปทั่วห้องโถง เจ้าบ่าวจับมือเจ้าสาว เดินเข้าสู่ห้องหอ ภายใต้สายตาที่อยากรู้อยากเห็นและตื่นเต้นของผู้คน
ไม่รู้ว่าผู้คนตาฝาดหรือไม่ เหตุใดจึงรู้สึกว่าเจ้าสาวตัวค่อนข้างสูงนะ? สีหน้าของคุณชายเยี่ยนดูแข็งทื่อ แต่ผู้คนต่างก็คุ้นเคยกับมันมานานแล้ว จึงไม่รู้สึกว่ามีสิ่งใดที่ผิดปกติ
คุณชายเยี่ยนเมินเฉยบุตรีขุนนางชั้นสูงมากมายมาแต่งงานกับสตรีธรรมดาในหมู่บ้าน ช่างเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนตกตะลึงจนอ้าปากค้าง แต่ใครให้เขาวิปริตละ? ให้เขาใช้สายตาเยี่ยงคนธรรมดาแต่งงานก็เป็นเรื่องที่ในชีวิตหนึ่งจะพบได้สักครั้งกระมัง?
ชายร่างใหญ่หมายจะเข้าไปก่อความวุ่นวายในห้องหอของเยี่ยนจิ่วเฉา แต่ก็ไม่มีความกล้าพอ ทว่าองค์ชายสี่ผู้ไม่กลัวตาย กลับพับแขนเสื้อขึ้นก่อนจะพุ่งเข้าไปในห้องหอ ทว่าลุงวั่นมาขวางไว้ได้ทันเวลา
ลุงวั่นหัวเราะแห้งๆ “คุณชายของกระหม่อมบอกว่า เศษเสี้ยวคืนฤดูใบไม้ผลิมีค่าพันตำลึงทอง องค์ชายสี่อย่าได้ไปรบกวนเรื่องดีๆ ของคุณชายกับฮูหยินจะดีกว่า”
คำเอ่ยนี้ตรงเกินไป สำหรับองค์ชายสี่ผู้ไม่เคยมีประสบการณ์ทางโลก แก้มของเขาเปลี่ยนเป็นสีแดง และไม่กล้าเดินเข้าไปก่อกวนอีก
หลังจากหยุดยั้งหมาป่าตัวที่สำคัญที่สุดได้แล้ว หมาป่าหมาจิ้งจอกตัวเล็กๆ ที่อยู่ด้านหลังก็ไม่น่ากลัวอีกต่อไป
กล่าวกันว่าหลังจากบ่าวสาวเข้าสู่ห้องหอ เจ้าบ่าวก็รีบปิดประตูอย่างรวดเร็ว คนรับใช้ที่รออยู่ที่นั่นถึงกับตะลึง หลังอดอยากมานานหลายปี คุณชายคงร้อนใจแย่แล้วกระมัง นี่คงรอจะทำแบบนั้นแบบนี้กับเจ้าสาวไม่ไหวแล้ว?
เจ้าบ่าวจะไม่รีบร้อนได้หรือ? ไม่ใช่รีบร้อนเข้าหอ แต่รีบร้อนถอดหน้ากากผิวมนุษย์ออก เพราะเมื่อใส่ทำมันให้ใบหน้าแข็งและรู้สึกไม่สบาย
อิ่งสือซันทิ้งกายลงนั่งกับเตียงอย่างรุนแรง พลางชำเลืองมองอิ่งลิ่วที่คล้ายกับภรรยาอายุน้อยที่อยู่ข้างๆ เขา “ไม่มีคนแล้ว”
อิ่งลิ่วรีบยกมือขึ้นเปิดผ้าคลุมหน้า ทว่าพู่ของผ้าคลุมหน้ากลับติดกับมงกุฎหงส์ ทำให้ถอดไม่ออก
“โง่ยิ่งนัก!” อิ่งสือซันใช้มือแกร่งที่เห็นกระดูกเป็นสันของเขาคลายปมพู่ และช่วยเขาถอดผ้าคลุมหน้าออก
เมื่อแสดงแล้วก็แสดงให้เต็มที่ เพื่อไม่ให้ใครสังเกตเห็นว่าภายใต้ผ้าคลุมหน้าไม่ใช่เจ้าสาวตัวจริง อิ่งลิ่วถูกบีบให้ต้องแต่งหน้าเจ้าสาว จนดูงดงาม ผิวพรรณผุดผ่อง เขาเป่ายิ้งฉุบแพ้จึงไม่อาจเป็นเจ้าบ่าวและเป็นได้แต่เจ้าสาว ในแววตาเต็มไปด้วยความคับแค้นใจ ทว่าครั้งแรกที่มองเห็น ก็ดูมีทีท่าที่คล้ายกับเจ้าสาวที่เพิ่งแต่งงานใหม่อยู่เหมือนกัน
อิ่งสือซันรู้ว่าเขากำลังน้อยใจเรื่องใด พลางไอเบา ๆ “อย่าได้ทำหน้าหงุดหงิดเลย ก็เจ้าเป็นคนเสนอเอง ผู้ใดแพ้ก็ต้องเป็นเจ้าสาว”
ก็เพราะตนเองเป็นคนเสนอ ถึงได้ยิ่งน้อยเนื้อต่ำใจ
ทั้งสองนั่งอยู่ในห้อง
หลังจากผ่านเวลาไปหนึ่งก้านธูป[1] อิ่งลิ่วเร่งรัดอิ่งสือซัน “เจ้ายังไม่ไปอีก?”
อิ่งสือซันใบหน้ามืดมน “ข้างนอกคิดว่าเรากำลังเข้าหออยู่ นี่นานเท่าไรเอง ข้าเร็วเพียงนี้เชียวรึ!”
อิ่งลิ่วนับนิ้วและเอ่ยอย่างงุนงง “เจ้า ปกติเจ้าก็ใช้เวลาประมาณนี้นี่…”
หลังจากเวลาผ่านไปพอสมควร อิ่งสือซันก็เดินไปยังห้องหนังสืออย่างสดชื่น ภายใต้แววตาตกใจของอิ่งลิ่ว
เรื่องในครานี้ ใช้หัวแม่เท้าคิดก็ยังเดาออกว่าเป็นฝีมือของใคร งานแต่งงานของคุณชายแห่งเมืองเยี่ยน องค์ชายทั้งหมดต่างมาเข้าร่วม เยี่ยนไหวจิ่งเองก็มา ทว่าหลังจากมาพบและมอบเงินของขวัญให้ด้วยความรีบร้อน แล้วก็จากไปอย่างไม่หวนกลับ ว่ากันตามเหตุผลเรื่องนี้ไม่มีสิ่งใดผิดปกติ ทว่าเมื่อคำนึงถึงความรู้สึกที่เขามีต่ออวี๋หวั่น ก็อดสงสัยในตัวเขาไม่ได้
พิราบสื่อสารตัวหนึ่งร่อนลงมาบนขอบหน้าต่าง
อิ่งสือซันหยิบกระดาษที่ผูกไว้กับพิราบสื่อสาร หลังจากอ่านจบจึงเอ่ยว่า “คุณชายองค์ชายรองไปที่จวนอัครมหาเสนาบดีแล้วขอรับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]