เธอไม่ปฏิเสธการจัดเตรียมของเขา แสดงให้เห็นว่าเธอเองก็ตระหนักถึงเรื่องนี้อย่างลึกซึ้ง และการสำนึกตัวเช่นนี้ก็นับว่าหาได้ยากแล้ว
ตั้งแต่เมื่อก่อน ลุงวั่นก็เอ็นดูเธออยู่แล้วเพราะเห็นเธอเป็นเหมือนลูกหลาน ทว่ายามนี้เขากลับรู้สึกว่าบางทีเธออาจมีคุณสมบัติพอที่จะเป็นภรรยาของคุณชาย
อวี๋หวั่นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยต่อ “ข้าเพิ่งมาใหม่ มีหลายอย่างที่ข้ายังมิเข้าใจ ต้องขอคำแนะนำจากลุงวั่นด้วย หากข้าทำสิ่งใดผิดพลาดไป ลุงวั่นต้องเตือนข้านะ”
ลุงวั่นตอบ “ฮูหยินกล่าวเกินไปแล้ว”
อวี๋หวั่นมองไปที่ลุงวั่นแล้วเอ่ยว่า “หากจำเป็นต้องเรียนรู้กฎ รบกวนลุงวั่นช่วยสอนข้าด้วย”
ลุงวั่นไม่นึกมาก่อนว่าเธอจะคิดถึงเรื่องนี้ ลุงวั่นมองเข้าไปในดวงตาของเธออย่างกล้าหาญ และเห็นว่ามีความจริงใจอยู่ในนั้น ไม่เหมือนการจงใจอ่อนน้อมถ่อมตนเพื่อเสแสร้ง ลุงวั่นอดจะรู้สึกชื่นชมเธอมากขึ้นไม่ได้ ตอนแรกเขาให้เกียรติเธอเพราะคุณชายและคุณชายน้อย คุณชายและคุณชายน้อยต่างดูสูงส่งและโดดเดี่ยว อวี๋หวั่นเป็นคนแรกที่เข้าใกล้พวกเขาได้ แต่ลุงวั่นไม่เคยคาดหวังว่าอวี๋หวั่นจะได้อยู่ในตำแหน่งฮูหยิน แม้ว่าคุณชายจะแต่งงานกับเธอ แต่ในความคิดของเขา เธอก็เป็นเพียงสตรีอีกผู้หนึ่งที่ต้องการให้พวกเขาดูแล
ทว่าตอนนี้ จู่ๆ เขาก็ไม่รู้สึกเช่นนั้น
แน่นอนว่าการสนใจเป็นเรื่องดี แต่ความสามารถเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอก ว่าเธอสามารถโอบอุ้มจวนเยี่ยนอ๋องทั้งหมดได้หรือไม่
ลุงวั่นกล่าว “ในเมื่อฮูหยินสนใจ คราหน้าข้าจะเลือกกูกูผู้ชี้แนะที่เหมาะสมมาให้ฮูหยิน” หลังจากนี้ฮูหยินต้องพบไปวงศาคณาญาติ มารยาทในราชวงศ์เป็นสิ่งจำเป็นที่ขาดไม่ได้
หลังจากนั้น ลุงวั่นก็พาเธอไปที่ห้องครัว โกดัง โถงบุปผา สวนผลไม้ บ่อปลา และอีกหลายที่ หลังจากอวี๋หวั่นได้เห็น เธอก็ให้ซองสีแดงกับทุกคนที่พบ นี่เป็นสิ่งที่ไป๋ถังบอกเธอมา
ทุกคนได้รับซองแดงไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจ ทว่าเมื่อเห็นจำนวนเงินด้านในกลับต้องตกใจ เดิมทีคิดว่าหญิงจากชนบทคงไม่ใช้จ่ายฟุ่มเฟือยเกินไป แต่ไหนเลยจะรู้ว่าซองแดงที่เล็กที่สุดยังมีถึงสิบตำลึง นี่ไม่ใช่การตบรางวัล แต่เป็นการละลายทรัพย์กระมัง…
สิ่งที่ทำให้พวกเขาประหลาดใจยิ่งกว่านั้นคือเธอไม่ได้วางอำนาจกดข่มผู้คน พวกเขาเคยทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้นต่อไป เธอไม่ได้กุมอำนาจไว้ในมือ และเธอก็ไม่ได้แต่งตั้งหญิงรับใช้ไว้ติดตามทุกที่ในจวน
สิ่งนี้แทบจะเป็นไปไม่ได้ในครอบครัวอื่นๆ
ในไม่ช้า ทุกคนก็รู้ว่าฮูหยินไม่มีหญิงรับใช้ติดตาม เธอแต่งงานเข้ามาที่นี่คนเดียว อนุภรรยาในตระกูลเล็กๆ ยังไม่ยากจนข้นแค้นถึงเพียงนี้
“คนในชนบท สินเดิมก็มีไม่เท่าไร จะเอาหญิงรับใช้ติดตามมาจากที่ใดกัน?”
“ใช่ไหมเล่า? สินเดิมเหล่านั้นก็ยังเป็นสินสอดที่เรายกไปให้”
การคืนส่วนหนึ่งของสินสอดให้เป็นสินเดิมเป็นเรื่องปกติของสามัญชน แต่ไม่ใช่สำหรับครอบครัวขุนนาง ยามที่บุตรีของตระกูลใหญ่โตมีหน้ามีตาออกเรือน ยิ่งต้องมีสินเดิมมากกว่าใคร หากสินเดิมของฝ่ายภรรยามีมาก ไม่เพียงแต่ครอบครัวของฝ่ายสามีจะมีความมั่นใจ แต่พวกเขายังมีหน้ามีตาด้วย ไม่มีการให้คนมาดูหมิ่นง่ายๆ เช่นอวี๋หวั่น
หลังพุ่มไม้ อวี๋หวั่นกำลังพาสาวใช้ใหม่ทั้งสองกลับไปที่เรือนชิงเฟิง แต่ก็บังเอิญได้ยินคำเอ่ยของหญิงรับใช้สองคนที่กำลังกวาดพื้นอยู่พอดี
เถาเอ๋อร์และหลีเอ๋อร์มองอวี๋หวั่นอย่างระมัดระวัง ถูกคนวิจารณ์เพียงนี้ ฮูหยินต้องโกรธเป็นแน่ ป้าสองคนนี้โชคร้ายเสียแล้ว แต่ไหนเลยจะรู้ว่าอวี๋หวั่นกลับไม่ได้สะทกสะท้าน และเดินผ่านสวนไปเพียงเท่านั้น
ทั้งสองเดินตามอวี๋หวั่นพลางมองหน้ากันและกัน
เท้าของอวี๋หวั่นหยุดชะงัก “พวกเจ้าต้องการถามข้าใช่หรือไม่ ว่าเหตุใดจึงไม่ลงโทษพวกนาง?”
ทั้งสองไม่กล้าเอ่ย
อวี๋หวั่นยิ้มจางๆ “พวกนางเอ่ยถูกนี่นา ข้าไม่มีสินเดิมอะไรจริงๆ”
“หือ?” ทั้งสองไม่คิดว่าอวี๋หวั่นจะตรงไปตรงมาถึงเพียงนี้
อวี๋หวั่นเอ่ยอย่างสบายๆ “ในเมื่อมันเป็นความจริง ก็ไม่มีสิ่งใดให้ลงโทษ ไปกันเถิด พวกเด็กๆ คงจะตื่นกันแล้ว”
อวี๋หวั่นเดินไปข้างหน้า ปล่อยให้สาวใช้ทั้งสองตะลึงปากอ้าตาค้าง
เถาเอ๋อร์มองเงาหลังของอวี๋หวั่นและพึมพำ “ฮูหยิน นาง…”
“เป็นคนที่แปลกมาก ใช่ไหม?” หลีเอ๋อร์ที่อายุมากกว่าหนึ่งปีเกิดความคิดบางอย่าง หากเป็นคนธรรมดาคงจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเมื่อเจอเรื่องแบบนี้ ทว่าฮูหยินกลับไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย “ไม่เหมือนกับผู้สูงศักดิ์ที่เราเคยเจอสักนิด”
แต่ไม่เหมือนเพราะแสร้งทำหรือไม่ก็ยังเอ่ยยากอยู่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]