สำนักบัณฑิตกั๋วจื่อเจียนนั้นกว้างขวางเหลือเกิน อวี๋ซงและลุงวั่นใช้เวลาเดินถึงหนึ่งเค่อกว่าจะมาถึงเรือนหลังคาสีดำกำแพงสีขาวหลังหนึ่ง ด้านในมีระเบียงทางเดิน มีห้องหับ บ่อน้ำและต้นไผ่ สิ่งที่ต่างออกไปจากที่อวี๋ซงคุ้นเคยก็คือที่นี่ไม่มีเครื่องมือการเกษตรใดๆ
หากเยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้บังเอิญไปเห็นเขากำลังเขียนตัวอักษรบนพื้นดินเข้า ชั่วชีวิตนี้เขาคงเป็นเพียงชาวนาในหมู่บ้านเหลียนฮวา เขาไม่เคยคิดฝันว่าจะมีโอกาสได้เรียนหนังสืออย่างคนอื่นบ้าง
อวี๋ซงกอดห่อผ้าเอาไว้ มองไปยังเหล่านักเรียนสวมชุดสีขาวซึ่งเดินผ่านหน้าเขาไป ลุงวั่นเคยบอกเอาไว้ว่านักเรียนที่ศึกษาในสำนักบัณฑิตเรียกว่าเจี้ยนเซิง สถานะเหนือกว่านักเรียนทั่วไปอยู่ระดับหนึ่ง
ลุงวั่นหันหน้าไป ก็พบว่าอวี๋ซงกำลังยืนงง เขาอดหลุดยิ้มออกมาไม่ได้ “หลังจากวันนี้คุณชายรองก็คงคุ้นเคยแล้ว ละ เจ้าก็เหมือนกับพวกเขา เป็นเจี้ยนเซิงของกั๋วจื่อเจียน”
“เมื่อวานข้ายังทำนาอยู่เลย” อวี๋ซงเกาศีรษะพลางเอ่ยขึ้น
ลุงวั่นรู้สึกขบขันกับท่าทางของเขา คนทั่วไปเมื่อได้มาอยู่ในระดับนี้คงจะเดินชูคอไปแล้ว ท่าทางเซ่อซ่าอย่างเขา ไม่รู้ว่าไปเข้าตาคุณชายของตนได้อย่างไร? คุณชายไม่ได้เป็นคนที่หลงสตรีจนหน้ามืดตามัว ความเอาใจใส่ที่คุณชายมีต่อแม่นางอวี๋นั้นจริงแท้แน่นอน กระนั้นเขาก็ยังมองเห็นถึงศักยภาพของอวี๋ซง
“พวกเราเข้าไปกันเถิด” ลุงวั่นพาอวี๋ซงเดินเข้าไปในหอพัก ทุกห้องมีเจี้ยนเซิงพักอยู่สามคน เพื่อนร่วมห้องของอวี๋ซง คนหนึ่งมาจากโยวโจว อีกคนหนึ่งมาจากหวั่นเฉิง พวกเขาทั้งสองล้วนแต่ใจดีและสุภาพอ่อนน้อม
ในห้องมีเตียงเดี่ยวทั้งหมดสามเตียง เตียงด้านในสุดและด้านนอกสุดถูกจับจองไว้แล้ว อวี๋ซงจึงได้เตียงตรงกลางไป
ลุงวั่นจะปูเตียงให้ อวี๋ซงจึงบอกว่า “ให้ข้าทำเองเถิด”
เรื่องเล็กแค่นี้ คนจากชนบทอย่างเขาทำเองได้
เมื่อที่นี่ไม่มีธุระอันใดของลุงวั่นแล้ว เขาจึงเอ่ยปากเตือนอวี๋ซงรอบหนึ่ง จากนั้นก็กลับไป
หลังจากที่อวี๋ซงเก็บของเสร็จก็ถือถังเดินออกไปตักน้ำ เพิ่งจะก้าวพ้นประตู ก็พบกับจ้าวเหิง
อวี๋ซงรู้จากอวี๋หวั่นมาตั้งแต่แรกแล้วว่าจ้าวเหิงเรียนหนังสืออยู่ที่นี่ ดังนั้นเขาจึงมิได้รู้สึกประหลาดใจเท่าไรนัก เพียงแต่มีสีหน้าไม่ค่อยดี
“นี่ เจ้ามาใหม่หรือ? สายตาเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกัน? ” ขณะที่อวี๋ซงเดินสวนกับจ้าวเหิง เพื่อนของจ้าวเหิงก็เข้ามาขวางทางเขาไว้ อีกทั้งยังไม่ใช่คนที่จดจำรถม้าของจวนคุณชายได้ หากแต่เป็นเจี้ยนเซิงแซ่หลิ่ว บิดาของเขาเป็นนายอำเภอระดับแปดในอำเภอเล็กๆ แห่งหนึ่ง
อวี๋ซงเหลือบมองเขา “เจ้าต้องการอะไร? ”
หลิ่วเจี้ยนเซิงพูดว่า “ประโยคนี้ข้าควรเป็นคนถามเจ้ามากกว่า เจ้าต้องการอะไร? เจ้ามองเขาด้วยหางตารึ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร?”
ในใจของอวี๋ซงตอบว่าทำไมเขาจะไม่รู้ว่าคนผู้นี้คือใคร คนที่เคยหักหาญน้ำใจน้องสาวของเขา จนถึงวันนี้ยังติดเงินน้องสาวเขาถึงสามร้อยตำลึงอย่างไรเล่า!
หลิ่วเจี้ยนเซิงถกแขนเสื้อขึ้น จ้าวเหิงจึงเอ่ยปากขึ้นว่า “พอเถอะ พวกเราไปได้แล้ว”
หลิวเจี้ยนเซิงถลึงตาใส่อวี๋ซงแล้วเดินจากไป
ในตอนนั้นเอง เพื่อนร่วมห้องของอวี๋ซงก็หอบหนังสือมากองใหญ่ เขามองอวี๋ซง แล้วมองไปยังจ้าวเหิงและหลิ่วเจี้ยนเซิง กล่าวถามว่า “เจ้ามาใหม่หรือ? เจ้าไปมีเรื่องกับเขาได้อย่างไร? จ้าวเหิงเป็นเจี้ยนเซิงอันดับหนึ่งของที่นี่ ได้ยินว่าเขาได้รับการแนะนำจากสกุลเซียวให้เข้าเรียน เป็นนักเรียนคนสำคัญของหัวหน้าสำนักบัณฑิต เจ้าห้ามไปล่วงเกินเขาเชียวนะ!”
เจี้ยนเซิงอันดับหนึ่ง…อวี๋ซงมองไปยังแผ่นหลังของจ้าวเหิงซึ่งเดินออกไปไกลแล้ว เขากำหมัดแน่น
……
เพื่อให้พิธีสมรสของเฉิงอ๋องและองค์หญิงซยงหนูเป็นไปได้อย่างราบรื่น ลุงวั่นเชิญนางกำนัลมากประสบการณ์มาสอนอวี๋หวั่นโดยเฉพาะ นางเป็นคนแซ่วั่นเช่นกัน ลุงวั่นบอกว่าต้นตระกูลของพวกเขาเมื่อห้าร้อยปีที่แล้วเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน
วั่นมามาเคยอยู่ในวังหลวง รับผิดชอบการฝึกกิริยามารยาทและกฎต่างๆ ให้กับหญิงงาม บัดนี้ได้รับการปูนบำเหน็จเลี้ยงดูเป็นอย่างดี นางจึงมิได้ขาดแคลนเงิน แต่นางตอบตกลงมาที่จวนคุณชายเยี่ยนก็เพราะลุงวั่นเป็นคนเชิญ
เมื่อรู้ว่าผู้ที่นางจะสอนเป็นแม่นางจากชนบท นางก็ส่งสายตาดุดันให้ลุงวั่น
ลุงวั่นถูจมูกด้วยความขุ่นเคืองใจ
วั่นมามาเป็นคนเคร่งครัดและจริงจัง หากผ่านก็คือผ่าน ผิดก็ต้องลงโทษ ต่อให้อวี๋หวั่นจะสูงศักดิ์ถึงกับเป็นฮูหยินของเยี่ยนจิ่วเฉา ก็ยังถูกวั่นมามาลงโทษให้คัดกฎของวังหลวงหลายรอบ
ช่วงเช้าอวี๋หวั่นเรียนเกี่ยวกับพงศาวลีของราชวงศ์และกฎในวัง ช่วงบ่ายฝึกฝนการพูดและท่วงท่า ตกเย็นเธอก็ไม่ได้หยุดพัก ยังต้องเรียนศิลปะการชงชากับวั่นมามาหรือศิลปะการชงชาของลุงวั่น ผ่านไปหนึ่งวัน อวี๋หวั่นรู้สึกเหนื่อยยิ่งกว่าการทำนาเสียอีก
ตกกลางคืน อวี๋หวั่นเลิกเรียน เธอลากร่างกายอันอิดโรยของตัวเองกลับเรือนชิงเฟิง อาบน้ำร้อนอย่างสบายใจ เธอเกือบหลับในถังน้ำร้อนเสียแล้ว
เด็กน้อยทั้งสามเล่นอยู่บนเตียง อวี๋หวั่นถือหนังสือพงศาวลีราชวงศ์พลางนั่งลงบนเตียง เรื่องนี้คล้ายกับวิชาประวัติศาสตร์ที่อวี๋หวั่นเคยเรียนในชีวิตก่อนหน้า หนังสือบรรยายเรื่องราวของราชวงศ์ก่อนๆ มาจนถึงราชวงศ์ปัจจุบัน ราชวงศ์ปัจจุบันมีฮ่องเต้มากี่พระองค์แล้ว ประวัติชีวิตของฮ่องเต้แต่ละพระองค์เป็นอย่างไร รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ล้วนบันทึกไว้ทั้งหมด นี่ไม่ใช่พงศาวลีของราชวงศ์แล้ว เหมือนกับหนังสือประวัติราชวงศ์เสียมากกว่า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]