หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 115

บทที่ 115 สามีภรรยารับตราประทับทอง (2)
Ink Stone_Romance

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม พวกเขาก็เรียกคนยกน้ำร้อนมา

เถาเอ๋อร์และหลีเอ๋อร์เดินหน้าแดงเข้ามา ในห้องคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นอายที่ทำให้อดรู้สึกขวยเขินไม่ได้ ทั้งสองวางน้ำร้อนลงโดยมิได้เหลือบตามอง แล้วถอยไปที่ด้านหลังฉากกั้น รอจนคุณชายใช้เสร็จ พวกนางก็ยกน้ำออกไปด้วยใบหน้าแดงก่ำประหนึ่งมีเลือดหยดลงมาได้ก็มิปาน

แสงสลัวส่องสะท้อนลงบนใบหน้าแดงระเรื่อของเยี่ยนจิ่วเฉา เขาดูงดงามเหลือเกิน

“ยังจะอ่านหนังสืออยู่หรือไม่?” เขาถามพลางกระแอม

อวี๋หวั่นตอบว่า “ไม่ละ ข้าปวดมือ ปวดมาก”

“แค่กๆ! ” เยี่ยนจิ่วเฉาหน้าแดง

……

เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น อวี๋หวั่นเดินไปยังหอเก็บหนังสือเพื่อเรียนกับวั่นมามา เดินไปได้เพียงครึ่งทาง ก็มีคนมารายงานว่ามีคนจากวังหลวงมาขอพบ

อวี๋หวั่นบอกกับเถาเอ๋อร์ว่า “เจ้าไปบอกวั่นมามา อีกเดี๋ยวข้าตามไป”

“เจ้าค่ะ” เถาเอ๋อร์ตอบรับ

อวี๋หวั่นเดินไปยังโถงบุปผาพร้อมกับหลีเอ๋อร์

ผู้ที่มาคือแม่นางชุย สาวใช้ข้างกายของฮองเฮา อวี๋หวั่นเคยพบหน้านางในตอนที่ข้าเฝ้าฮ่องเต้ เพียงแต่เธอไม่รู้ว่านางเป็นใคร

แม่นางชุยมียศตำแหน่ง อีกทั้งนางยังมาตามคำสั่งของฮองเฮา นางเป็นตัวแทนของฮองเฮา ตามหลักแล้วนางไม่จำเป็นต้องคำนับอวี๋หวั่น กระนั้นนางก็ยังกล่าวอย่างรู้มารยาทว่า “ข้าเคยพบฮูหยินน้อยมาก่อน”

กฎระเบียบต่างๆ ที่วั่นมามาสอนสั่งนั้นแล่นปราดเข้ามาในสมองของอวี๋หวั่น เธอรู้ว่าตนไม่จำเป็นต้องรับการคำนับของนาง จึงหันข้างแล้วบอกกับนางว่า “แม่นางชุยเชิญนั่ง”

แม่นางชุยประหลาดใจกับสิ่งที่อวี๋หวั่นทำ ในระยะเวลาเพียงสองวัน ฮูหยินน้อยท่านนี้ดูเหมือนจะเรียนรู้กฎระเบียบต่างๆ มากขึ้นกว่าเดิมแล้ว

หลังจากที่แม่นางชุยนั่งลง นางก็บอกสาเหตุที่นางมาวันนี้ “ฮองเฮาทรงรับสั่งให้ข้านำตราประทับทองมาให้ฮูหยินเยี่ยน”

อวี๋หวั่นกำลังจะยื่นมือเข้าไปรับของ ทันใดนั้นก็นึกถึงสิ่งที่วั่นมามาเคยสอน จึงขยิบตาให้หลีเอ๋อร์ซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง หลีเอ๋อร์ก้าวขึ้นมาข้างหน้า แล้วรับตราประทับทองจากแม่นางชุยไป

“พระวรกายของฮองเฮาเป็นอย่างไรบ้าง?” อวี๋หวั่นเอ่ยถามอย่างผึ่งผาย

แม่นางชุยกล่าวด้วยสีหน้าผ่องแผ้ว “ฝ่าบาททรงรับสั่งว่าไม่ว่าอย่างไรหมอหลวงก็ต้องรักษาฮองเฮาให้หาย ฮองเฮาก็ทรงไม่ยอมแพ้ ในที่สุดก็พ้นจากช่วงวิกฤตได้แล้ว ต้องพักรักษาตัวอีกสักพักหนึ่งจนร่างกายฟื้นฟูดังเดิม ฮองเฮาทรงเฝ้ารอแสดงความยินดีกับเฉิงอ๋องและองค์หญิงซยงหนูเจ้าค่ะ”

เช่นนั้นก็หมายความว่าฮ่องเต้ทรงต้องการให้ฮองเฮาเสด็จไปร่วมงานแต่งงานของทั้งสอง ถือโอกาสประกาศให้ใต้หล้ารู้ว่าฮองเฮากลับมาแล้ว

“ขอแสดงความยินดีกับฮองเฮาด้วย” อวี๋หวั่นยิ้ม

และยินดีกับสวี่เสียนเฟยด้วย ไม่รู้จริงๆ ว่าถ้าหากนางได้ยินข่าวนี้แล้วจะโมโหถึงกับลมจับหรือไม่

แม่นางชุยยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “ฮองเฮาบอกไว้ว่าเรื่องนี้ต้องขอบคุณคุณชายและฮูหยินน้อยเป็นอย่างมาก ฮองเฮาทรงแยกแยะบุญคุณและความแค้นได้ ผู้ใดดีต่อนาง นางล้วนแต่จดจำใส่ใจ ภายภาคหน้าจะไม่ทำให้คุณชายและฮูหยินน้อยต้องผิดหวัง”

อย่างไรก็ตาม ข้อแลกเปลี่ยนได้สิ้นสุดลงแล้ว ต่างฝ่ายต่างได้สิ่งที่ตนปรารถนา หลังจากนี้จะยังมีการไปมาหาสู่กันอีกหรือ? เกรงว่าอาจเป็นเพราะฮองเฮารู้สึกว่าฮ่องเต้มิได้โปรดปรานตนอย่างที่คิด จึงมาเข้าทางจวนคุณชายกระมัง

อวี๋หวั่นมองออกแต่ไม่ได้พูดออกไป จึงตอบไปตามมารยาทว่า “ขอบพระทัยฮองเฮา”

แม่นางชุยกล่าวว่า “ฮองเฮาทรงเจ็บหนัก ฮูหยินน้อยสามารถเข้าวังไปเยี่ยมได้”

แม่นางชุยมิได้อยู่นาน นางเพียงมอบตราประทับทองและของกำนัลให้อวี๋หวั่น จากนั้นกกลับเข้าวังไป

…………..

ณ ตำหนักเสียนฝู สวี่เสียนเฟยโทสะพลุ่งพล่าน นางไม่เคยคิดเลยว่าฮองเฮาซึ่งถูก ‘คุมขัง’ เป็นเวลานานนับสิบปีจะถูกปล่อยออกมาจากตำหนักเฟิ่งชี

“เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร? นางสารภาพเองว่าทำร้ายคนจนตาย ฝ่าบาทยังทรงปล่อยออกมาได้อย่างไร?” สวี่เสียนเฟยนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสายตาเกรี้ยวโกรธ

นางกำนัลไปส่งคนจากวังหลวง จากนั้นก็รินชาให้นาง “พระสนม”

สวี่เสียนเฟยดันถ้วยชาที่นางส่งให้ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรงด้วยความโกรธ

นางกำนัลเอ่ยขึ้นว่า “ไฟไหม้ตำหนักเฟิ่งชีจนเสียหายยับเยิน ฮองเฮาจำต้องออกมาเพคะ”

นางกำนัลกล่าวว่า “พระสนมเข้าใจก็ดีแล้วเพคะ”

วันรุ่งขึ้น อวี๋หวั่นขอลาหยุดการเรียนกับวั่นมามา เธอเข้าวังไปเยี่ยมฮองเฮาซึ่งป่วยหนัก เมื่อมาถึงสวนดอกไม้ ก็บังเอิญพบกับสวี่เสียนเฟยซึ่งนั่งอยู่บนเกี้ยว

‘โลกกลมเหลือเกิน’ ประโยคนี้ปรากฏขึ้นในสมองของอวี๋หวั่น

ในตอนแรกสวี่เสียนเฟยจดจำอวี๋หวั่นไม่ได้ นางเพียงแต่รู้สึกคุ้นตา เมื่อเกี้ยวผ่านไปนางจึงยกมือขึ้นบอกให้ขันทีหยุดเกี้ยว

นางเอ่ยถามนางกำนัลที่ติดตามมาด้วย นางกำนัลมองไปยังอวี๋หวั่น “ผู้ใดมาหรือ?”

อวี๋หวั่นก้าวขึ้นมาข้างหน้า คำนับด้วยท่วงท่าตามแบบแผน “หม่อมฉันคือนางอวี๋ เคยพบพระสนมแล้วเพคะ”

“ที่แท้ก็เป็นเจ้า!” สวี่เสียนเฟยหรี่ตา “เปลี่ยนเสื้อผ้าอาภรณ์ใหม่เสียจนข้าจำไม่ได้”

จะไปจำได้ได้อย่างไร? ดูงดงามถึงเพียงนี้ ตอนที่สวมเสื้อผ้าป่านธรรมดาก็งามจนหาผู้ใดเปรียบ ทว่าบัดนี้สวมอาภรณ์หรูหรา หากบอกว่าเป็นองค์หญิงก็คงเชื่อ

สวี่เสียนเฟยกำผ้าเช็ดหน้าแน่น แค่นหัวเราะ “ข้าได้ยินว่าเจ้าแต่งงานกับคุณชายเยี่ยน วิธีของเจ้านี่ดีเหลือเกิน หว่านเสน่ห์ใส่ลูกข้า หลังจากนั้นก็มาแต่งงานกับทายาทของเยี่ยนอ๋อง”

อวี๋หวั่นถอนหายใจ “หม่อมฉันไหนเลยจะมีวิธี? หม่อมฉันแค่สาวและสวยก็เท่านั้นเพคะ”

“เจ้า!”

สำหรับสนมที่นับวันจะมีแต่แก่ชราลงเรื่อยๆ ไม่มีเรื่องใดน่าปวดใจไปมากกว่านี้แล้ว

สวี่เสียนเฟยหน้าถอดสี นางชี้หน้าอวี๋หวั่น “เจ้า คุกเข่าให้ข้าเดี๋ยวนี้!”

“พระสนม หม่อมฉันไม่ใช่แม่ครัวอีกแล้ว หม่อมฉันคุกเข่าให้แต่เพียงฮองเฮา ไม่คุกเข่าให้สนมเพคะ”

…………………………………………..

[1] เฟิ่งอิ๋น หรือตราประทับรูปเฟิ่งหวง (นกฟินิกซ์) เป็นตราประทับของผู้มีอำนาจสูงสุดในวังหลวง ซึ่งมักหมายถึงฮองเฮา

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]