ผ่านไปครึ่งชั่วยาม พวกเขาก็เรียกคนยกน้ำร้อนมา
เถาเอ๋อร์และหลีเอ๋อร์เดินหน้าแดงเข้ามา ในห้องคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นอายที่ทำให้อดรู้สึกขวยเขินไม่ได้ ทั้งสองวางน้ำร้อนลงโดยมิได้เหลือบตามอง แล้วถอยไปที่ด้านหลังฉากกั้น รอจนคุณชายใช้เสร็จ พวกนางก็ยกน้ำออกไปด้วยใบหน้าแดงก่ำประหนึ่งมีเลือดหยดลงมาได้ก็มิปาน
แสงสลัวส่องสะท้อนลงบนใบหน้าแดงระเรื่อของเยี่ยนจิ่วเฉา เขาดูงดงามเหลือเกิน
“ยังจะอ่านหนังสืออยู่หรือไม่?” เขาถามพลางกระแอม
อวี๋หวั่นตอบว่า “ไม่ละ ข้าปวดมือ ปวดมาก”
“แค่กๆ! ” เยี่ยนจิ่วเฉาหน้าแดง
……
เช้าตรู่วันรุ่งขึ้น อวี๋หวั่นเดินไปยังหอเก็บหนังสือเพื่อเรียนกับวั่นมามา เดินไปได้เพียงครึ่งทาง ก็มีคนมารายงานว่ามีคนจากวังหลวงมาขอพบ
อวี๋หวั่นบอกกับเถาเอ๋อร์ว่า “เจ้าไปบอกวั่นมามา อีกเดี๋ยวข้าตามไป”
“เจ้าค่ะ” เถาเอ๋อร์ตอบรับ
อวี๋หวั่นเดินไปยังโถงบุปผาพร้อมกับหลีเอ๋อร์
ผู้ที่มาคือแม่นางชุย สาวใช้ข้างกายของฮองเฮา อวี๋หวั่นเคยพบหน้านางในตอนที่ข้าเฝ้าฮ่องเต้ เพียงแต่เธอไม่รู้ว่านางเป็นใคร
แม่นางชุยมียศตำแหน่ง อีกทั้งนางยังมาตามคำสั่งของฮองเฮา นางเป็นตัวแทนของฮองเฮา ตามหลักแล้วนางไม่จำเป็นต้องคำนับอวี๋หวั่น กระนั้นนางก็ยังกล่าวอย่างรู้มารยาทว่า “ข้าเคยพบฮูหยินน้อยมาก่อน”
กฎระเบียบต่างๆ ที่วั่นมามาสอนสั่งนั้นแล่นปราดเข้ามาในสมองของอวี๋หวั่น เธอรู้ว่าตนไม่จำเป็นต้องรับการคำนับของนาง จึงหันข้างแล้วบอกกับนางว่า “แม่นางชุยเชิญนั่ง”
แม่นางชุยประหลาดใจกับสิ่งที่อวี๋หวั่นทำ ในระยะเวลาเพียงสองวัน ฮูหยินน้อยท่านนี้ดูเหมือนจะเรียนรู้กฎระเบียบต่างๆ มากขึ้นกว่าเดิมแล้ว
หลังจากที่แม่นางชุยนั่งลง นางก็บอกสาเหตุที่นางมาวันนี้ “ฮองเฮาทรงรับสั่งให้ข้านำตราประทับทองมาให้ฮูหยินเยี่ยน”
อวี๋หวั่นกำลังจะยื่นมือเข้าไปรับของ ทันใดนั้นก็นึกถึงสิ่งที่วั่นมามาเคยสอน จึงขยิบตาให้หลีเอ๋อร์ซึ่งยืนอยู่ด้านข้าง หลีเอ๋อร์ก้าวขึ้นมาข้างหน้า แล้วรับตราประทับทองจากแม่นางชุยไป
“พระวรกายของฮองเฮาเป็นอย่างไรบ้าง?” อวี๋หวั่นเอ่ยถามอย่างผึ่งผาย
แม่นางชุยกล่าวด้วยสีหน้าผ่องแผ้ว “ฝ่าบาททรงรับสั่งว่าไม่ว่าอย่างไรหมอหลวงก็ต้องรักษาฮองเฮาให้หาย ฮองเฮาก็ทรงไม่ยอมแพ้ ในที่สุดก็พ้นจากช่วงวิกฤตได้แล้ว ต้องพักรักษาตัวอีกสักพักหนึ่งจนร่างกายฟื้นฟูดังเดิม ฮองเฮาทรงเฝ้ารอแสดงความยินดีกับเฉิงอ๋องและองค์หญิงซยงหนูเจ้าค่ะ”
เช่นนั้นก็หมายความว่าฮ่องเต้ทรงต้องการให้ฮองเฮาเสด็จไปร่วมงานแต่งงานของทั้งสอง ถือโอกาสประกาศให้ใต้หล้ารู้ว่าฮองเฮากลับมาแล้ว
“ขอแสดงความยินดีกับฮองเฮาด้วย” อวี๋หวั่นยิ้ม
และยินดีกับสวี่เสียนเฟยด้วย ไม่รู้จริงๆ ว่าถ้าหากนางได้ยินข่าวนี้แล้วจะโมโหถึงกับลมจับหรือไม่
แม่นางชุยยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “ฮองเฮาบอกไว้ว่าเรื่องนี้ต้องขอบคุณคุณชายและฮูหยินน้อยเป็นอย่างมาก ฮองเฮาทรงแยกแยะบุญคุณและความแค้นได้ ผู้ใดดีต่อนาง นางล้วนแต่จดจำใส่ใจ ภายภาคหน้าจะไม่ทำให้คุณชายและฮูหยินน้อยต้องผิดหวัง”
อย่างไรก็ตาม ข้อแลกเปลี่ยนได้สิ้นสุดลงแล้ว ต่างฝ่ายต่างได้สิ่งที่ตนปรารถนา หลังจากนี้จะยังมีการไปมาหาสู่กันอีกหรือ? เกรงว่าอาจเป็นเพราะฮองเฮารู้สึกว่าฮ่องเต้มิได้โปรดปรานตนอย่างที่คิด จึงมาเข้าทางจวนคุณชายกระมัง
อวี๋หวั่นมองออกแต่ไม่ได้พูดออกไป จึงตอบไปตามมารยาทว่า “ขอบพระทัยฮองเฮา”
แม่นางชุยกล่าวว่า “ฮองเฮาทรงเจ็บหนัก ฮูหยินน้อยสามารถเข้าวังไปเยี่ยมได้”
แม่นางชุยมิได้อยู่นาน นางเพียงมอบตราประทับทองและของกำนัลให้อวี๋หวั่น จากนั้นกกลับเข้าวังไป
…………..
ณ ตำหนักเสียนฝู สวี่เสียนเฟยโทสะพลุ่งพล่าน นางไม่เคยคิดเลยว่าฮองเฮาซึ่งถูก ‘คุมขัง’ เป็นเวลานานนับสิบปีจะถูกปล่อยออกมาจากตำหนักเฟิ่งชี
“เป็นเช่นนี้ไปได้อย่างไร? นางสารภาพเองว่าทำร้ายคนจนตาย ฝ่าบาทยังทรงปล่อยออกมาได้อย่างไร?” สวี่เสียนเฟยนั่งอยู่บนเก้าอี้ด้วยสายตาเกรี้ยวโกรธ
นางกำนัลไปส่งคนจากวังหลวง จากนั้นก็รินชาให้นาง “พระสนม”
สวี่เสียนเฟยดันถ้วยชาที่นางส่งให้ หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรงด้วยความโกรธ
นางกำนัลเอ่ยขึ้นว่า “ไฟไหม้ตำหนักเฟิ่งชีจนเสียหายยับเยิน ฮองเฮาจำต้องออกมาเพคะ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]