แม่นางเมิ่งส่งเสื้อผ้ามาเป็นประจำ ไม่ได้มีแต่เสื้อผ้าสีแดงอีกต่อไป สีเหลือง สีฟ้า สีเขียวและสีม่วงล้วนมีทั้งหมด อวี๋หวั่นเลือกชุดยาวรัดเอวสีฟ้าทะเลสาบ แล้วสวมเสื้อผ้าโปร่งสีขาวทับ เนื้อผ้าเบาสบาย ดูงดงามราวกับเทพเซียน
เด็กน้อยทั้งสามซึ่งกำลังแปรงฟันอยู่ถึงกับตกตะลึง
อวี๋หวั่นยิ้มแล้วเดินเข้าไปหา เธอลูบศีรษะเล็กๆ ของพวกเขา “แม่สวยหรือไม่?”
เด็กน้อยทั้งสามพยักหน้าด้วยสีหน้ามึนงง
อวี๋หวั่นหัวเราะ พวกเขายอมรับว่าเธอสวย หรือยอมรับว่าเธอเป็นแม่กันนะ?
อวี๋หวั่นรู้สึกได้ว่าทุกครั้งที่เธอเรียกตนเองว่าแม่ พวกเขาก็ไม่ค่อยมีสีหน้ามึนงง ทุกวันนี้พวกเขาไม่ใช้สายตาแปลกประหลาดมองเธออีกแล้ว คงเป็นเพราะคุ้นเคยที่เธอเรียกตัวเองว่าแม่แล้ว อาจจะค่อยๆ ลืมเหยียนหรูอวี้แล้วก็เป็นได้
อวี๋หวั่นหยิบแปรงสีฟันซึ่งทำจากก้านต้นหลิ่วใส่กลับเข้าปากเด็กน้อยทั้งสาม “แปรงฟันต่อได้”
ทั้งสามคนแปรงฟันซี่เล็ก ดวงตาดำขลับมองยังอวี๋หวั่น ไม่ว่าอย่างไรก็ยังคงจับจ้องอยู่
เยี่ยนจิ่วเฉาออกไปตั้งแต่เช้า อวี๋หวั่นกินข้าวกับเด็กๆ แล้วจึงไปยังหลันฟางเก๋อเพื่อรับแบบทดสอบจากวั่นมามา
ที่จริงแล้วอวี๋หวั่นไม่ได้มาเรียนเพียงไม่กี่วัน วั่นมามาบอกว่า เวลาที่มีอยู่นั้นกระชั้นเหลือเกิน เพื่อที่จะให้มั่นใจว่าเธอทำได้ จำต้องผ่านการทดสอบย่อยทุกสามวัน ทดสอบใหญ่ทุกห้าวัน และทุกๆ สิบวันจะมีการทดสอบซ้ำ
วันนี้เป็นการทดสอบย่อย
อวี๋หวั่นทำการทดสอบภาคทฤษฎีได้ดีเยี่ยม เธอท่องพงศาวลีราชวงศ์ได้อย่างคล่องแคล่ว ประวัติศาตร์และกฎต่างๆ ก็ไม่มีตกหล่นเลยสักตัวอักษร ลุงวั่นยืนดูอยู่ด้านข้างก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เขาเคยอยู่ในวังหลวง เขารู้ว่าสาวงามในวังเรียนกันเป็นอย่างไร สิ่งที่ฮูหยินน้อยเรียนภายในสามวัน พวกนางใช้เวลาเรียนกันถึงหนึ่งเดือน และยิ่งไปกว่านั้น ฮูหยินน้อยทำคะแนนได้ดีกว่าพวกนางอีกด้วย
วั่นมามาจับจุดผิดไม่ได้ ไม้เรียวที่ถือไว้ในมือจึงไม่ได้ถูกใช้งาน
“คำนับแบบทางการ” วั่นมามาลากเสียงยาว
อวี๋หวั่นก้าวไปข้างหน้าด้วยสายตาแน่วแน่ ทุกก้าวล้วนแผ่วเบา หนึ่งก้าวสามชุ่น เดินสามก้าวแล้วยกแขนขึ้นมา มือประสานไว้ที่หน้าผาก ค่อยๆ คุกเข่าลงอย่างสง่างาม
นัยน์ตาของลุงวั่นเปี่ยมไปด้วยความชื่นชม ทำได้ไม่ด้อยไปกว่าองค์หญิงเลย
วั่นมามาส่งสายตาให้หลีเอ๋อร์
หลีเอ๋อร์ยกน้ำมาถ้วยหนึ่งแล้ววางไว้บนศีรษะของอวี๋หวั่น
“ลุกขึ้น” วั่นมามาบอก
นี่เป็นการทดสอบความสมดุลของร่างกาย สิ่งที่วั่นมามาต้องการมิใช่เพียงถ้วยน้ำไม่หล่น แต่น้ำต้องไม่กระเด็นออกแม้แต่หยดเดียว
อวี๋หวั่นค่อยๆ ลุกขึ้นมา
ลุงวั่นลุ้นแทนอวี๋หวั่นเสียจนเหงื่อออก
“เดินไปสองก้าว” วั่นมามาจับคาง
ลุงวั่นแอบมองวั่นมามา เมื่อเห็นว่าวั่นมามาพยักหน้า ความรู้สึกหนักอึ้งในใจของเขาก็ลดลง
ในตอนนั้นเอง วั่นมามาก็มองไปยังนอกประตูด้านหลังอวี๋หวั่น นางลุกพรวดขึ้นมา สีหน้าพลันเปลี่ยนไป “เสี่ยวเป่า!”
อวี๋หวั่นหันหลัง ถ้วยใส่น้ำบนศีรษะร่วงลง น้ำหกรดตัวเธอ ถ้วยตกลงบนพื้นไม้ กลิ้งหลุนๆ ไปไม่รู้กี่รอบ
ไหนละเสี่ยวเป่า?
ถูกวั่นมามาแกล้งเสียแล้ว
สีหน้าพึงพอใจของวั่นมามาทำให้อวี๋หวั่นโล่งอก นางเป็นสุนัขจิ้งจอกเฒ่านี่เอง แม้แต่หัวอกคนเป็นแม่ นางยังหลอกใช้ได้
วั่นมามาเผยสีหน้าดุดัน “เจ้าเป็นชายาของท่านอ๋อง เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะหนักแน่น ไม่ตื่นตระหนกได้ง่าย ไม่เช่นนั้นเมื่อเกิดเรื่องใหญ่ขึ้น ผู้ใต้บัญชาก็จะตื่นตระหนกไปด้วย”
หลังจากการเรียนวันนี้ ไม่ว่าวั่นมามาจะแกล้งอวี๋หวั่นอีกกี่ครั้ง อวี๋หวั่นก็ไม่หลงกลง่ายๆ และผ่านการทดสอบอย่างราบรื่น
หลังจากนั้นก็เป็นวิชาศิลปะการชงชาและการจัดดอกไม้ วิชาเหล่านี้เป็นจุดตายของอวี๋หวั่น ท่วงท่าถูกต้องและดูสง่างาม ทว่าชาที่ชงออกมานั้นรสชาติย่ำแย่ ดอกไม้ที่จัดออกมาก็น่าเกลียดเสียจนไม่มีผู้ใดกล้ามองตรงๆ
“นะ…นี่อะไรของเจ้าเนี่ย?! ให้เจ้าจัดดอกไม้ เจ้าเอาหญ้ามาปักไว้ทำไมตั้งมากมาย?!” ข้างขมับของวั่นมามาปวดตุบๆ ขึ้นมา
ลุงวั่นปิดตา เขาไม่กล้ามองด้วยซ้ำ…
อวี๋หวั่นร้องว่า ‘อ้อ’ แล้วชี้ไปยังแจกันใบแรก “นั่นไม่ใช่ต้นหญ้า มันคือต้นลิ้นมังกรกับต้นฉางชุงเถิง แล้วก็ต้นไป๋จ่าง กลิ่นของพวกมันทำให้จิตใจสงบและหลับสบาย มามาท่านดู ข้าใส่ดอกไม้ไปด้วย มีดอกมะลิสีขาว ดอกซวินอีเฉ่าสีม่วง ช่วยทำให้หลับสบายเช่นกัน”
“มีแจกันนี้อีก” อวี๋หวั่นหยิบแจกันอีกใบมา “นี่คือดอกดาวเรือง นี่คือดอกเทียนจู๋ขุย ดอกจำปี ต้นอ้ายเฉ่า ต้นปั้วเหอ ล้วนแต่ทำให้สมองตื่นตัว ทั้งยังกันยุงได้ด้วย ใช่สิ มีหม้อข้าวหม้อแกงลิง…”
วั่นมามารู้สึกประหนึ่งตนพ่ายแพ้ราบคาบ คนอื่นใช้ดอกเสาเย่าหรือดอกโบตั๋น นางเล่า ใช้ต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิง…
วั่นมามาถลึงตาใส่ลุงวั่น
ลุงวั่นรู้สึกขมขื่น ข้าไม่ได้เป็นคนสอนสักหน่อย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]