เมื่อเห็นหานจิ้งซูบุ่มบ่ามมาแล้ว คนที่ไม่รู้ก็คงคิดว่านางกับอวี๋หวั่นเป็นเพื่อนสนิทกัน
อวี๋หวั่นให้คนยกชามาให้
ในโถงบุปผามีคนอยู่ไม่มาก หานจิ้งซูเพียงแต่พาสาวใช้คนสนิทมา ข้างกายของอวี๋หวั่นมีสองพี่น้องหลีเอ๋อร์และเถาเอ๋อร์ คนอื่นๆ ล้วนถูกอวี๋หวั่นสั่งให้ออกไปแล้ว
“คุณหนูเชิญดื่มชา” อวี๋หวั่นพูดอย่างเกรงอกเกรงใจ นางเป็นแขก ยิ่งไปกว่านั้นเธอกับหานจิ้งซูเป็นศัตรูหรือเป็นมิตรกันก็ยังบอกไม่ได้ เห็นทีคงจะทำอะไรไม่ได้ง่ายๆ
“ข้าไม่ได้มาดื่มชา” คุณหนูหานพูดอย่างใจเย็น สายตาของนางจับจ้องอยู่ที่อวี๋หวั่นตั้งแต่ที่เธอเดินเข้ามาในห้อง จนบัดนี้ยังมิอาจละสายตาได้ ความรู้สึกประหลาดใจ ตกใจ อิจฉาริษยาล้วนระคนกันอยู่ในดวงตาของนาง
อวี๋หวั่นมองหยั่งเชิง แม้ว่าร่างนี้จะไม่ได้มีชาติกำเนิดเหมือนหานจิ้งซู แต่เนื้อหนังมังสาก็นับว่างามไม่แพ้นาง
“ที่แท้เจ้าก็ให้แม่นางเมิ่งทำชุดให้” หานจิ้งซูเอ่ยปาก
คำพูดนี้ทำให้อวี๋หวั่นแปลกใจ
หานจิ้งซูพูดว่า “แม่นางเมิ่งทำชุดให้ข้าเป็นประจำ ฝีมือของนางข้าย่อมจำได้”
เมื่อเป็นเช่นนี้ อาภรณ์ผ้าไหมเบาพลิ้วชุดนี้เป็นฝีมือของแม่นางเมิ่ง มิน่าเล่าถึงงามโดดเด่น ทำให้หานจิ้งซูดูสวยดุจเทพเซียน
ก่อนที่จะเข้ามาในจวน หานจิ้งซูคิดว่าตนงามประหนึ่งธิดาแห่งดวงจันทร์ จนนางเห็นอวี๋หวั่น ความหยิ่งผยองนั้นก็แตกละเอียดลงในพริบตา
“แม่นางเมิ่งเอ็นดูเจ้าเหลือเกินสินะ ถึงกับให้ชุดที่ออกแบบดีที่สุดแก่เจ้า” หานจิ้งซูพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
อวี๋หวั่นยิ้ม แต่ไม่พูดอะไร จริงอยู่ว่าคนงามเพราะเสื้อผ้า กระนั้นคุณหนูหานคนนี้ก็ไม่ยอมรับว่าเธอดูโดดเด่นกว่านาง จึงจงใจโยนความผิดให้แม่นางเมิ่ง อวี๋หวั่นนึกถึงคุณหนูหานผู้ไร้เดียงสาเมื่ออยู่ต่อหน้าสวี่เสียนเฟย และผู้หญิงท่าทางเย็นชาตรงหน้าตอนนี้ ทั้งสองดูราวกับเป็นคนละคนกัน
ไม่ต้องกล่าวถึงสิ่งที่นางแสดงออกมาและนิสัยใจคอจริงๆ เธอรู้เพียงว่าผู้หญิงคนนี้ฉลาดหลักแหลมยิ่งนัก
เมื่อเห็นว่าอวี๋หวั่นไม่ได้ตอบโต้ สีหน้าเย็นชาของหานจิ้งซูก็พลันอ่อนลง น้ำเสียงก็มิได้ฟังดูระคายหูเหมือนก่อนหน้าแล้ว “ฮูหยินเยี่ยนคงรู้ใช่หรือไม่ว่าข้ามาด้วยเหตุใด?”
“เกี่ยวกับองค์ชายรอง?” อวี๋หวั่นเอ่ยถาม
หานจิ้งซูถอนหายใจเบาๆ “ที่สระไท่เยี่ย เจ้าจงใจดึงข้าลงน้ำไปใช่หรือไม่?”
แม้จะถูกเปิดโปง แต่อวี๋หวั่นกลับไม่ได้ตื่นตระหนก เธอยกยิ้มมุมปาก “ทำให้คุณหนูหานตกใจเสียแล้ว”
หานจิ้งซูมิได้คาดคิดว่าอวี๋หวั่นจะยอมรับอย่างง่ายดาย ทว่าความประหลาดใจก็ไม่ได้ปรากฏบนใบหน้าของนางนานนัก นางพูดต่อ “ในเมื่อเจ้าทำร้ายข้า เพื่อเป็นการชดใช้ความผิด เจ้าต้องตอบคำถามเหล่านี้กับข้ามา”
คุณหนูหานคนนี้ไม่ได้ดูเศร้าสลดแม้แต่น้อย เห็นอยู่ว่านางมีเรื่องขอร้องเธอ แต่กลับทำเหมือนสิ่งที่นางทำเป็นเรื่องสมเหตุสมผลแล้ว หรือว่านี่จะเป็นลักษณะนิสัยอย่างหนึ่งของคนตระกูลใหญ่
ทว่าตอนนี้อวี๋หวั่นไม่ใช่หญิงชาวบ้านที่จะยอมถูกโขกสับได้แล้ว เธอเป็นฮูหยินของจวนคุณชายเยี่ยน ฐานะของเธออยู่เหนือกว่าหานจิ้งซูด้วยซ้ำไป เธอจะต้องยอมให้หานจิ้งซูมาจูงจมูกหรือ
“คุณหนูหาน” อวี๋หวั่นเอ่ยขึ้น “เป็นแม่สามีของเจ้าที่ทำร้ายข้าก่อน ข้าก็เพียงตอบกลับแบบตาต่อตา ฟันต่อฟันเท่านั้น หากเจ้าจะกล่าวโทษใคร ก็ควรจะกล่าวโทษแม่สามีที่แสนดีของเจ้า เหตุใดนางต้องมาทำร้ายข้าต่อหน้าเจ้าด้วยเล่า?”
หากจะบอกว่าไร้เดียงสา…บนโลกนี้ไหนเลยจะมีความไร้เดียงสาอันแสนบริสุทธิ์เช่นนั้น? นับตั้งแต่หานจิ้งซูกับสวี่เสียนเฟยและเยี่ยนไหวจิ่งลงเรือลำเดียวกัน นางก็ได้กลายเป็นอริของจวนคุณชายไปเรียบร้อย
หานจิ้งซูตกตะลึงกับท่าทีของอวี๋หวั่น “เช่นนั้น…เจ้าก็ไม่คิดจะบอกข้าหรือ?”
อวี๋หวั่นตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “คุณหนูหานมีคำตอบอยู่ในใจ เหตุใดจะต้องมาถามข้าถึงที่นี่?”
หานจิ้งซูเงียบไป
“พวกเจ้ารู้จักกันได้อย่างไร?” ครั้งนี้น้ำเสียงของนางอ่อนลงกว่าเดิมมาก
อวี๋หวั่นเห็นว่านางไม่ได้มีท่าทางจองหองแล้ว จึงไม่รังเกียจที่จะตอบคำถาม “ที่สวี่โจวเมื่อสามปีก่อน องค์ชายรองบาดเจ็บหนัก ข้าช่วยเขาไว้”
“สามปี…” หานจิ้งซูหลับตาลง “เขาไว้ทุกข์ให้ไทเฮาเมื่อสามปีก่อน”
ไทเฮาองค์นั้นไม่ใช่ย่าแท้ๆ ของเยี่ยนไหวจิ่ง หากแต่เป็นสนมของฮ่องเต้พระองค์ก่อน องค์ชายทั่วไปไว้ทุกข์เพียงครึ่งปีก็นับว่ากตัญญูมากแล้ว แต่เขากลับไว้ทุกข์เป็นเวลานานเช่นนี้ ใครจะกล้าพูดได้เล่าว่านางไม่ใช่ผู้มีพระคุณของเยี่ยนไหวจิ่ง?
“เช่นนี้เหตุใดเจ้าถึงแต่งงานกับเยี่ยนจิ่วเฉา?” หานจิ้งซูถาม
อวี๋หวั่นยิ้มน้อยๆ “แต่ไหนแต่ไรมาข้าไม่เคยคิดอะไรกับองค์ชายรอง”
บุรุษที่ตนปรารถนา กลับหลงรักสตรีอีกคนหนึ่งข้างเดียว ไม่มีสิ่งใดทำลายความมั่นใจในตัวเองของนางได้มากเท่านี้อีกแล้ว
หานจิ้งซูพูดไม่ออกราวกับว่ามีบางอย่างติดอยู่ในลำคอ “ในวันแต่งงาน องค์ชายรองมาหาเจ้าใช่ไหม? ข้าไม่ได้มีเจตนาละลาบละล้วง หากฮูหยินลำบากใจ คิดเสียว่าข้าไม่เคยถามก็ย่อมได้”
อวี๋หวั่นตอบ “ไม่เป็นไร ต่อให้บอกเจ้า แล้วเจ้าเอาไปพูดต่อก็คงไม่มีใครเชื่อ” ในวันนั้นที่จวนคุณชาย ‘เธอ’ และ ‘เยี่ยนจิ่วเฉา’ ไหว้ฟ้าดินและเข้าเรือนหอ เธอมีพยานที่อยู่ครบถ้วน
“ใช่ เขาไปหาข้า บอกว่าจะลักพาตัวข้าไป ข้ารู้ว่าวันนั้นคุณหนูหานล้มป่วย สวี่เสียนเฟยจึงให้องค์ชายรองไปดูเจ้าให้ได้ เขาไป แต่ข้าเดาว่าเขาคงไม่ได้รั้งอยู่ที่จวนอัครมหาเสนาบดีนาน ข้าพูดถูกต้องหรือไม่?”
เขารีบร้อนอยากจะออกไป ที่แท้ก็เป็นเพราะจะไปหาสตรีที่ถูกตนลักพาตัวมาหรอกหรือ? หานจิ้งซูไม่ได้เคลือบแคลงว่าอวี๋หวั่นกำลังยั่วยุและแทรกแซงความสัมพันธ์ของนางและเยี่ยนไหวจิ่ง อย่างไรเสียเรื่องที่นางแกล้งป่วยก็ยังไม่ได้แพร่งพรายออกไป ถ้าหากไม่ได้ยินกับหู จะสามารถพูดได้กระจ่างเพียงนี้ได้อย่างไร?
หานจิ้งซูกำมือแน่น “ตอนนั้นเจ้าอยู่กับองค์ชายรองตลอดเลยหรือ?”
อวี๋หวั่นพยักหน้า “ไม่เช่นนั้นข้าจะรู้เรื่องที่คุณหนูไม่สบายได้อย่างไร?”
หานจิ้งซูหน้าซีดเผือด
อวี๋หวั่นไม่ได้จงใจทำให้แม่นางน้อยคนนี้หมั่นไส้ เธอเพียงแต่พูดไปตามความจริง เยี่ยนไหวจิ่งไม่ใช่เยี่ยนจิ่วเฉา เยี่ยนจิ่วเฉามีแต่ชื่อเสียงในทางไม่ดี ถ้าคนที่ทำเรื่องนี้เป็นเขา ก็คงไม่มีใครรู้สึกประหลาดใจ ทว่าในสายตาผู้คนแล้ว เยี่ยนไหวจิ่งเป็นผู้มีคุณธรรมสูงส่ง ลักพาตัวคนในวันแต่งงานหรือ? ทั้งอีกฝ่ายยังเป็นภรรยาของน้องชาย ไม่ว่าอย่างไรก็ฟังดูเป็นเรื่องเหลือเชื่อ
อย่างไรก็ตามอวี๋หวั่นเข้าใจเขา คนบางคนเป็นคนซื่อสัตย์จริงใจโดยธรรมชาติ ขณะที่บางคนก็เพียงแสดงออกว่าเป็นเช่นนั้น เยี่ยนไหวจิ่งถูกกดดันมานาน ตนจึงกลายเป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกประหนึ่งถูกปลดปล่อย ตัวตนของเขาที่อัดอั้นเอาไว้มาตลอดยี่สิบกว่าปีจึงเปิดเผยออกมา
ทว่าแม้แต่อวี๋หวั่นเองก็ยังไม่รู้ว่าเยี่ยนไหวจิ่งสนใจเธอจริง หรือเพียงใช้เธอเพื่อปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงของเขากันแน่
หานจิ้งซูขอบตาแดงก่ำ เสียงของนางสั่น “ข้าควรทำอย่างไรดี…”
อวี๋หวั่นถอนหายใจ ในเมื่อรู้ว่าผู้ชายไม่ได้รักตัวเอง ก็ควรหาวิธียกเลิกการแต่งงาน จะใช้ความรักเปลี่ยนใจผู้ชายได้จริงหรือ? ความตั้งใจจริงสามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้จริงหรือ?
อวี๋หวั่นจนปัญญาที่จะตัดสินใจแทนนาง
หานจิ้งซูร้องไห้ออกมา นางยกผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดน้ำตา ลุกขึ้นแล้วพูดกับอวี๋หวั่นว่า “รบกวนเจ้าแล้ว ข้าขอตัวก่อน”
“คุณหนูหานค่อยๆ เดิน” อวี๋หวั่นก้มศีรษะน้อยๆ
หานจิ้งซูให้สาวใช้ช่วยพยุงไปได้ไม่กี่ก้าว ก็หยุดฝีเท้าลงแล้วหันหลังกลับมา “แม้ข้าจะรู้ว่าเจ้าบริสุทธิ์ใจ แต่ว่า…”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]