ในโลกก่อนหน้า อวี๋หวั่นอยู่โรงเรียนประจำ เธอมักจะรู้สึกอิจฉาคนที่มีครอบครัวไปมาหาสู่อยู่เสมอ ตอนนี้แม้ว่าเธอไม่ได้เป็นคนที่ถูกมาเยี่ยม แต่เธอสามารถไปเยี่ยมคนอื่นได้ ความรู้สึกที่ได้ปกป้องคนอื่นเช่นนี้ดีเหลือเกิน
“หวานไหม?” อวี๋หวั่นถาม
อวี๋ซงกินไปหนึ่งลูก “หวาน!”
หวานจริงๆ
อิงเถาไม่ใช่ผลไม้พื้นถิ่น ตามท้องตลาดมีราคาแพง สกุลอวี๋ซื้อกินไม่ไหว ได้แต่กินผลไม้ป่าจากบนเขา ผลไม้ป่าแม้จะดี แต่ก็ยังเทียบไม่ได้กับอิงเถาที่คนสวนของจวนคุณชายดูแลอย่างดี อวี๋ซงกินอิงเถาเข้าไปสิบกว่าลูกในคำเดียว
“กินมากระวังร้อนในนะพี่รอง ตรงนี้เก็บไว้ให้เพื่อนร่วมห้องเถอะ” อวี๋หวั่นบอก “ในจวนยังมีอีกมาก ถ้าท่านชอบ ข้าจะเก็บมาให้ทุกวัน”
“ลำบากน่า!” อวี๋ซงขมวดคิ้ว
อวี๋หวั่นอมยิ้ม “ข้าให้คนมาส่งให้”
เขาเกือบจะลืมไปแล้วว่าตอนนี้น้องสาวเป็นถึงนายหญิงของจวนคุณชายเยี่ยน คนใต้บังคับบัญชาที่เรียกใช้ได้นั้นมีมากกว่าคนในโรงงานเสียอีก
ครั้นอยู่ในหมู่บ้าน เขามักจะเป็นคนที่ถูกมองข้ามเสมอ อาหวั่นไปไหนก็พาแต่พี่ใหญ่ไป บัดนี้เขาได้เจอนางโดยลำพัง…แม้จะในฐานะพี่ชาย แต่เขาก็มีความสุข
เมื่อคิดเช่นนี้ สถานะใหม่ของเขาก็ดีเหมือนกัน
รสชาติของอิงเถากำจายอยู่ในลำคอ เขารู้สึกราวกับความหวานแล่นปราดไปถึงหัวใจ
อิงเถาที่จวนคุณชายมีมาก หากไม่กินก็คงเสียของ อวี๋หวั่นให้คนเก็บ แล้วส่งไปให้จวนสกุลเซียวหนึ่งตะกร้า แม้จะรู้จากเซียวจื่อเยว่ว่าจวนสกุลเซียวได้รับอิงเถาพระราชทานจากวังหลวง แต่วังหลวงก็คือวังหลวง อวี๋หวั่นก็คืออวี๋หวั่น เจตนาไม่เหมือนกัน
จากนั้นอวี๋หวั่นก็ส่งไปให้บ้านลุงใหญ่และท่านพ่อท่านแม่ ให้ไป๋ถังอีกหนึ่งตะกร้า นายท่านฉินและผู้จัดการชุยก็ไม่มีตกหล่น
ง่วนกับเรื่องเหล่านี้จนฟ้ามืด เธอควรกลับเรือนชิงเฟิงไปกินข้าวได้แล้ว
ในตอนนั้นเอง ลุงวั่นก็เดินมา เขามองไปยังสาวใช้สองคนด้านหลังอวี๋หวั่น แล้วมองไปรอบๆ จากนั้นก็เอ่ยขึ้นด้วยความงุนงงว่า “พ่อบ้านหูยังไม่มาอีกหรือ?”
พ่อบ้านหูที่ลุงวั่นกล่าวถึงก็คือพ่อบ้านที่ประจำอยู่นอกเรือน
“ยังไม่มา มีอะไรหรือ เขาจะมาหรือ?” อวี๋หวั่นถาม
ลุงวั่นมองสีท้องฟ้า แล้วกล่าวว่า “เขาไม่ได้ต้องหาบ่าวที่แข็งแรงให้ฮูหยินน้อยหรอกหรือ? ข้ามอบหมายให้เขาไปจัดการ เขาบอกข้าว่าวันนี้จะพาคนมา ข้าเองก็คิดว่าฟ้ามืดแล้ว เขาควรจะมาหาฮูหยินน้อยได้แล้ว”
อวี๋หวั่นตอบไปด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “อาจจะมีเรื่องด่วน ทำให้ช้าไปบ้าง ไม่เป็นไร วันสองวันนี้ข้าไม่รีบ”
………………………….
ทางใต้ของเมืองหลวง มีสถานที่แห่งหนึ่งชื่อว่าหอซือเยวี่ย ธุรกิจหลักคือเป็นคนกลางขายแรงงาน บางครั้งก็ฝึกสอนบ่าวให้กับเหล่าคนชั้นสูง หอซือเยวี่ยแห่งนี้ไม่รับคนที่ถูกลักพาตัวมา คนที่นี่มีที่มาที่ไป บ้างก็เป็นนักโทษจากทางการ บ้างก็เป็นชาวบ้านที่เต็มใจมาขายแรงงาน
เถาเอ๋อร์และหลีเอ๋อร์ก็ถูกซื้อมาจากหอซือเยวี่ย ในตอนนั้นสาวใช้ที่ดีมีไม่มาก ที่จริงแล้วเถาเอ๋อร์และหลีเอ๋อร์ต้องผ่านการฝึกอีกระยะหนึ่ง แต่ใครให้จวนคุณชายต้องการสาวใช้ด่วนเล่า พวกเขาจึงซื้อทั้งสองไปก่อน
ครั้งนี้ที่หอซือเยวี่ยมีคนมาใหม่สี่คน
เมื่อวานพ่อบ้านหูแวะมาแล้วครั้งหนึ่ง จ่ายมัดจำไว้เป็นที่เรียบร้อย วันนี้จึงมารับคนกลับจวน ไหนเลยจะรู้ว่าสาวใช้หายไปหนึ่งคน!
พ่อบ้านหูเริ่มอารมณ์ขุ่นมัว “บอกไว้แล้วว่าหกคนมิใช่หรือ? สาวใช้สี่คน บ่าวชายอีกสองคน ทำไมสาวใช้หายไปคนหนึ่งเล่า?”
เถ้าแก่เนี้ยถอนหายใจ “คนที่ชื่อสุ่ยเซียนป่วย ถ้าป่วยเล็กๆ น้อยๆ ก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ตุ่มขึ้นทั้งตัว ไม่รู้ว่าเป็นโรคติดต่อหรือไม่ ข้าจะกล้าขายให้ท่านได้อย่างไร? หากกลับไปจวนคุณชายแล้วเกิดเรื่อง หอซือเยวี่ยของข้าก็คงไม่ต้องเปิดกันพอดี!”
พ่อบ้านหูนั่งลงบนเก้าอี้อย่างไม่สบอารมณ์ “ข้ารีบใช้ เจ้านี่จริงๆ เลย!”
เถ้าแก่เนี้ยรินชาอย่างประจบประแจง
พ่อบ้านหูรับถ้วยชามา ขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “ไม่มีคนอื่นแล้วรึ?”
เถ้าแก่เนี้ยเผยสีหน้าลำบากใจ “มีก็มีอยู่หรอก แต่ราคา…”
“เจ้าได้เงินน้อย จึงจะโก่งราคาใช่ไหมเล่า?” พ่อบ้านหูสีหน้าเย็นเยียบ
เถ้าแก่เนี้ยรีบอธิบายว่า “ข้าเป็นคนอย่างนั้นรึ? หอซือเยวี่ยของพวกเราเปิดกิจการมานาน พ่อบ้านหูก็เป็นลูกค้าที่เคยมาแล้ว หากข้าโก่งราคาท่าน วันหลังท่านก็ไม่มาอีก คนที่ขาดทุนมิใช่ข้าหรอกหรือ? เป็นเพราะมีคนจ่ายมัดจำไว้แล้ว เขาเลือกก่อนท่าน เพียงแต่มารับคนช้ากว่าท่านสองวัน หากท่านรีบ ท่านก็ต้องจ่ายเพิ่มเป็นสองเท่าของเงินมัดจำ”
พ่อบ้านหูจึงกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “งั้นเจ้าส่งคนมาขาดหนึ่งคน ไม่ต้องจ่ายเงินข้าสองเท่าหรอกหรือ?”
เถ้าแก่เนี้ยเหลือบมองเขา “สรุปแล้วท่านต้องการเงินหรือต้องการคน? ถ้าต้องการเงิน ข้าจะจ่ายให้ท่าน แต่ถ้าต้องการคน…”
ความหมายโดยนัยก็คือ พ่อบ้านหูจำต้องรับผิดชอบจ่ายเงินเสีย
สุดท้ายแล้วพ่อบ้านหูก็จ่ายเงินก้อนหนึ่งไป
เขารู้สึกว่าตนขาดทุนเหลือเกิน สาวใช้คนนั้นไม่งดงามเอาเสียเลย รูปร่างหน้าตาไม่สู้เถาเอ๋อร์ ทรวดทรงองค์เอวไม่สู้หลีเอ๋อร์ ทั้งยังร่างกายกำยำอย่างกับบุรุษ ไม่ได้จะให้นางไปทำไร่สักหน่อย!
จริงๆ เลย!
ทั้งหกคนถูกพาตัวไปพบกับอวี๋หวั่นที่เรือนชิงเฟิง
“พวกเจ้าชื่ออะไรกันบ้าง?” อวี๋หวั่นที่นั่งอยู่ในตำแหน่งเจ้าบ้านในห้องโถง ยกชาขึ้นมาดื่มด้วยสีหน้าราบเรียบ
บ่าวชายสองคนรายงานตัวก่อน
“เรียนฮูหยินน้อย ข้าน้อยชื่อเจียงเสี่ยวอู่ เป็นคนอำเภอลี่ขอรับ”
“ข้าน้อยชื่อเจียงไห่ เป็นคนตำบลเหลียนฮวาขอรับ”
อำเภอลี่และตำบลเหลียนฮวาล้วนแต่อยู่ใกล้กับเมืองหลวง เพียงแต่ที่หนึ่งอยู่ทางตะวันออก อีกที่หนึ่งอยู่ทางทิศ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]