หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 123

บทที่ 123 พี่จิ่วปกป้องภรรยา
Ink Stone_Romance
เรือนชิงเฟิงไฟไหม้ ทั้งยังมิได้ไม่น้อยๆ ห้องด้านหลังไหม้ไปครึ่งหนึ่ง ห้องด้านหลังล้วนแต่เป็นที่พักของบ่าว แต่บ่าวก็คือคน อวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉารีบจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วเรียกลุงวั่นมาสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น

ลุงวั่นเห็นสีหน้าของคุณชายก็รู้ทันทีว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแล้ว คิดในใจว่าไฟไหม้ตอนไหนไม่ไหม้ ดันมาไหม้ในค่ำคืนอันแสนพิเศษของคุณชายและฮูหยินน้อย เขาเป็นขันทียังรู้เลยว่าเรื่องพรรค์นี้ บุรุษนั้นยากที่จะอดกลั้นไว้ได้

เขากัดฟันกล่าวออกไปว่า “ห้องด้านหลังไม่รู้ว่าไฟไหม้ได้อย่างไร ข้ากำลังจะไปสืบหาต้นเพลิง”

“ดับไฟก่อน” เยี่ยนจิ่วเฉาบอก

“เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน” ลุงวั่นเอ่ย

เยี่ยนจิ่วเฉามองตามลุงวั่นไปด้วยสายตาเย็นเยียบ ลุงวั่นปาดเหงื่อ ไม่เกิดเหตุเหนือความคาดหมายเช่นนี้มาหลายปีแล้ว หากเกิดเรื่องแบบนี้อีก เกรงว่าเขาคงจะรักษาตำแหน่งหัวหน้าพ่อบ้านเอาไว้ไม่ได้เสียแล้ว

เรือนชิงเฟิงวุ่นวายกันยกใหญ่

ไฟครั้งนี้มิได้ลามมาถึงห้องด้านหน้าและห้องปีก ทว่ากลิ่นควันไฟที่พวยพุ่งทำให้แสบจมูกเหลือเกิน นอกจากนั้นแล้วอวี๋หวั่นก็ยังกังวลว่าจะเกิดเรื่องไม่คาดฝัน อวี๋หวั่นจึงให้แม่นมอุ้มเด็กๆ ซึ่งกำลังหลับสบายไปพักที่เรือนเล็กซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไป

เธอเข็นเก้าอี้ของเยี่ยนจิ่วเฉาออกมาข้างนอก แล้วสอบถามสาวใช้ที่หนีออกมาได้

เถาเอ๋อร์เป็นคนแรกที่พบว่าไฟไหม้ นางตกใจกลัว ตอนนี้นั่งร้องไห้ โดยมีหลีเอ๋อร์คอยปลอบ

ซูมู่ จื่อซู และปั้นซย่ายืนตกใจอยู่ด้านข้าง พวกนางล้วนแต่รีบหนีออกมา จึงไม่ทันเปลี่ยนเสื้อผ้า สวมเพียงชุดนอนบางๆ ก็เท่านั้น อวี๋หวั่นจึงให้คนไปนำชุดคลุมไปให้พวกนางใส่

ส่วนฝูหลิงรุดรีบไปช่วยดับไฟทันที นางยกน้ำสองถังอย่างง่ายดาย วิ่งอย่างรวดเร็วจนทิ้งห่างจากเหล่าบ่าวชายด้านหลัง

“เจ้ารู้ว่าไฟไหม้ได้อย่างไร?” อวี๋หวั่นถามเถาเอ๋อร์

เถาเอ๋อร์ร่ำไห้ด้วยความกลัว “ซูมู่รู้เป็นคนแรกเจ้าค่ะ นางปลุกข้า…บอกว่าด้านหลังเหมือนมีบางอย่างไหม้… ข้าจึงเปิดหน้าต่างดู…ก็เห็นไฟไหม้สูง…”

“เจ้าไม่ได้นอนหรือ?” อวี๋หวั่นถามซูมู่

ซูมู่ส่ายหน้า “เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่เช่นนี้ ข้านอนไม่หลับ”

อวี๋หวั่นพยักหน้า

แสงเพลิงโชติช่วง ส่องสว่างท้องฟ้าเหนือจวนคุณชาย คืนนี้ลมแรง ควันหนาปกคลุมไปครึ่งค่อนจวน อวี๋หวั่นค้อมกาย แกะผ้าคลุมของตนแล้วคลุมให้เยี่ยนจิ่วเฉา

เยี่ยนจิ่วเฉาจ้องหน้าเธอ

เธอผูกเชือกของผ้าคลุมไปพลางพูดว่า “ข้าไม่หนาว”

เหล่าสาวใช้ต่างอดรู้สึกอิจฉาไม่ได้ คุณชายและฮูหยินรักกันเหลือเกิน ที่เรียกกันว่าคู่ข้าวใหม่ปลามันก็คงเป็นพวกเขาสินะ เมื่อคิดแล้ว ฮูหยินมีชาติกำเนิดที่ไม่สูง แต่โชคเช่นนี้มิใช่ว่าสตรีทุกคนจะมีได้

สายตาของซูมู่จับจ้องอยู่ที่ทั้งสอง สายตาของทั้งสองคู่มีเพียงกันและกัน ราวกับไม่มีผู้ใดแทรกกลางระหว่างพวกเขาได้

ซูมู่เบือนสายตาไปทางอื่น

พวกเขาสามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว ต้นเพลิงก็สืบจนรู้แล้ว เป็นเพราะสาวใช้สองคนซึ่งเฝ้าประตูด้านหลังเรือนต้มเหล้ากินในห้องข้างประตู ทว่าในตอนนั้นประตูทั้งสองบานเปิดเอาไว้ ลมแรงพัดพาสะเก็ดไฟไป ทั้งสองมิได้สนใจ คิดเพียงว่าสะเก็ดไฟลอยไปประเดี๋ยวก็คงมอด ไหนเลยจะรู้ว่าสะเก็ดไฟจะลอยไปตกที่กองฟืนของห้องด้านหลัง กองฟืนมีหญ้าแห้ง สะเก็ดไฟเพียงน้อยนิดก็เป็นต้นเพลิงได้

กว่าทั้งสองจะรู้ตัว ไฟจากกองฟืนก็ลุกไหม้แล้ว และเมื่อลมแรง ไฟก็ลุกลามไปห้องด้านหลังอย่างรวดเร็ว

“มีใครได้รับบาดเจ็บไหม?” อวี๋หวั่นถาม

ลุงวั่นตอบว่า “มีองครักษ์ที่ไฟลวกแขนขณะดับไฟ บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้น นอกจากนี้ก็ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ”

สาวใช้ทั้งสองถูกเยี่ยนจิ่วเฉาเรียกตัวมา จวนคุณชายไม่มีวันรับบ่าวเช่นนี้เอาไว้อีกแล้ว

เรือนชิงเฟิงถูกเก็บกวาดจนเสร็จในครึ่งคืน ห้องด้านหลังไหม้ไปครึ่งหนึ่ง อีกครึ่งหนึ่งยังอยู่รอดปลอดภัย กระนั้นสาวใช้ล้วนแต่อยู่ในภาวะตื่นตระหนก เกรงว่าเมื่อเข้าไปในห้องตอนนี้ก็คงมิอาจข่มตานอน อวี๋หวั่นจึงให้พวกนางเข้าไปอยู่ในห้องปีกที่ด้านหน้า นอนกันห้องละสามคนดังเดิม

เมื่อเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้น ทั้งสองก็หมดอารมณ์ อวี๋หวั่นลากสังขารอันอ่อนแรงไปล้มตัวลงนอนข้างเยี่ยนจิ่วเฉา คิ้วโก่งของเขาก็เผยความเหน็ดเหนื่อยให้เห็น อวี๋หวั่นยกมือขึ้นมาลูบมือของเขาเบาๆ “นอนเถอะ”

เยี่ยนจิ่วเฉาจับมือของเธอเอาไว้

เมื่อได้ยินเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ เยี่ยนจิ่วเฉาก็หลับตาลง

……

อวี๋หวั่นนอนหลับเต็มอิ่ม ลืมตาตื่นขึ้นมาก็สายแล้ว เมื่อขยับตัวก็พบว่ามือของเธอถูกฝ่ามือใหญ่กอบกุมเอาไว้ เธอ เลิกผ้าห่มออก ผู้ชายคนนี้จับมือของเธอไว้ทั้งคืนเลยหรือ?

อวี๋หวั่นดึงมือออก แต่กลับดึงไม่ออก

จับไว้แน่นเหลือเกิน

จะว่าไป เขาเคยชินกับการตื่นเช้า หาได้ยากมากที่จะนอนเพลินและตื่นพร้อมเธอ

อวี๋หวั่นจับมือเขาแน่นเช่นกัน เธอนอนตะแคงมองเขา สายตาไปหยุดที่หูแดงระเรื่อของเขา แล้วหยอกเย้าว่า “เยี่ยนจิ่วเฉา ท่านตื่นแล้วใช่ไหม?”

ขนตาของเยี่ยนจิ่วเฉาไหวเล็กน้อย ค่อยๆ ลืมตาขึ้น

อวี๋หวั่นลอบบ่นในใจว่าสวรรค์ช่างไม่ยุติธรรม ทำไมประทานใบหน้าเช่นนี้ให้ผู้ชาย ที่บอกว่าตื่นมาผมเผ้ากระเซอะกระเซิง หน้ามันแผล็บอะไรเทือกนั้น…เขาไม่ยักจะเคยมี ใบหน้าของเขาขาวใสเนียนนุ่ม ราวกับเป็นเทพเซียนลงมาเกิด

อวี๋หวั่นเม้มปาก ขยับเข้าไปใกล้เขา แล้วกระซิบว่า “เยี่ยนจิ่วเฉา ทำไมท่านถึงจับมือข้าเอาไว้? ท่านชอบข้ามากจนถอนตัวไม่ขึ้นใช่ไหม?”

เยี่ยนจิ่วเฉาจ้องหน้าเธอเขม็ง ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่ดึงผ้าห่มออก

อวี๋หวั่นมองไป จึงเห็นว่ากระดุมเสื้อของเขาไม่ได้ติดอยู่

เอ…

เธอคงไม่ได้เป็นคนปลดหรอกมั้ง…

อวี๋หวั่นกระแอมเล็กน้อย “งั้น…งั้นข้าก็ไม่ได้ทำอย่างอื่นกับท่านใช่ไหม?”

เยี่ยนจิ่วเฉาตอบอย่างเย็นชา “เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า!”

หลับไปแล้วยังคิดไม่ซื่อ มือยังไปลูบๆ คลำๆ เขาอีก

อวี๋หวั่นหน้าแดง

นั่นมัน…นั่นมันน่ากระอักกระอ่วนเกินไปแล้ว แต่ว่าเธอหลับไปแล้ว เธอไม่ได้ตั้งใจทำอย่างนั้นนี่ ใช่ไหม?

อวี๋หวั่นดึงมือกลับมา แต่ก็ยังคงไม่หลุด

“ข้าไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย” เธอพูด

เยี่ยนจิ่วเฉาปล่อยมืออย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง

อวี๋หวั่นลุกขึ้นนั่ง แล้วติดกระดุมเสื้อที่ตนเองปลดไว้ ช่วงที่เขาล้มป่วย ร่างกายซูบผอมกว่าปีที่แล้วอยู่บ้าง ทว่ายังคงมีกล้ามเนื้อแน่น เห็นได้ชัดเจน

เขาต้องแอบออกกำลังกายอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่หุ่นดีขนาดนี้ อวี๋หวั่นคิดในใจ

เมื่อติดกระดุมเสื้อให้เขาเรียบร้อยแล้ว อวี๋หวั่นก็ผูกผ้าคาดเอวให้เขา ทันทีที่เธอจับผ้า เยี่ยนจิ่วเฉาก็ยื่นมือมา “ข้าทำเอง”

“โอ้” อวี๋หวั่นเลิกคิ้ว มองเขาอย่างมีเลศนัย “ที่จริงข้าก็เห็นหมดแล้ว”

เยี่ยนจิ่วเฉาอยากจะมุดหน้าหนีจริงๆ!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]