ท่านพ่อยังดุพวกเขาอีก “สำนึกผิดหรือยัง?”
ทั้งสามพยักหน้า
เยี่ยนจิ่วเฉายังคงมีสีหน้าดุดัน “ยังไม่รีบขอโทษท่านแม่อีก”
เด็กทั้งสามโผเข้าหาอวี๋หวั่น ศีรษะน้อยๆ ถูกับแขนของเธอ
หัวใจของอวี๋หวั่นแทบละลาย “แม่ไม่โกรธแล้ว พวกเจ้าไปเล่นเถอะ แม่กับท่านพ่อมีธุระนิดหน่อย ฝูหลิง”
ฝูหลิงเข้ามา จูง…อุ้มเด็กน้อยทั้งสามออกไป
ในห้องเหลือเพียงสองสามีภรรยา
อวี๋หวั่นมองเยี่ยนจิ่วเฉา “เด็กๆ รู้วันเกิดข้าได้อย่างไร?”
เธออยากถามประโยคนี้ตั้งแต่เมื่อครู่แล้ว เพียงแต่บางอย่างก็ไม่ควรพูดต่อหน้าเด็กๆ
เยี่ยนจิ่วเฉาตอบว่า “วันก่อนข้าบอกกับอิ่งสือซันในห้องหนังสือ พวกเขาได้ยินเข้า”
เพียงแต่ได้ยินก็ได้ยินไป พวกเขาไม่ได้คิดว่าเด็กๆ จะเข้าใจ ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาก็ไม่คิดว่าเจ้าลิงพวกนี้จะทำของขวัญวันเกิดให้ท่านแม่ บางทีเขาคงประเมินความสามารถของพวกเขาต่ำไป
อวี๋หวั่นถอนหายใจ “พวกเขายังพูดไม่ได้ สามารถทำท่าทางให้ซูมู่เข้าใจได้นับว่าเก่งมากแล้ว”
เยี่ยนจิ่วเฉาแค่นเสียงขึ้นจมูก ลูกของเขา ไม่เก่งได้หรือ?
เมื่อนึกถึงเด็กๆ ที่ตนรัก อวี๋หวั่นก็หัวเราะออกมา
“ไม่โกรธแล้วหรือ?” เยี่ยนจิ่วเฉาลากเสียงยาว
อวี๋หวั่นส่ายหน้า สายตาของเธอไม่อาจเก็บซ่อนความดีใจเอาไว้ได้
เยี่ยนจิ่วเฉาสีหน้าผ่อนคลายลง หากนางยังไม่หายโกรธ เขาคงต้องจับเจ้าลูกลิงมาตีแล้ว
อวี๋หวั่นเหลือบมองเขา แล้วพูดว่า “ท่านอย่าลงโทษเขาบ่อย พวกเขาลำบากมามากตอนอยู่กับเหยียนหรูอวี้ ท่านเป็นพ่อไม่แสดงความรักต่อพวกเขา กลับลงโทษพวกเขาอีก”
ทั้งยังไม่กลัวว่าพวกเขาจะตกใจกลัว
คนโชคดีมีวัยเด็กเป็นสิ่งเยียวยาจิตใจ คนโชคร้ายใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อเยียวยาวัยเด็ก เธอไม่อยากให้ลูกๆ ต้องเป็นอย่างหลัง
ซูมู่เพียงคนเดียวไม่มีค่าพอให้ครอบครัวแตกหักกัน
จะว่าไปแล้ว ซูมู่คนนี้ย่อมต้องมีลูกไม้อะไรจริงๆ เด็กๆ ให้นางสอนเขียนตัวอักษรเพียงไม่กี่ตัว นางกลับทำให้เด็กๆ ติดนางถึงเพียงนี้ เธอไม่ได้เอะใจตั้งแต่แรก แต่เมื่อลองมาคิดดูแล้ว ไม่ว่าจะในตอนที่ชมการแสดงของฮองเฮาก็ดี ตอนที่นอนหลับบนรถม้าก็ดี ล้วนแต่เป็นซูมู่ที่ออกตัวก่อนทั้งสิ้น
“เยี่ยนจิ่วเฉา ข้าก็ยังคิดว่าซูมู่ไม่ธรรมดา” อวี๋หวั่นคล้ายกับมีความคิดบางอย่าง
เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยขึ้นว่า “แน่นอนว่านางไม่ธรรมดา เจ้าลองเดาว่าผู้ใดเป็นคนวางเพลิงห้องด้านหลัง?”
วันนั้นมีสาวใช้อาวุโสสองคนเผาถ่านไม้ สะเก็ดไฟจึงปลิวไปติดกองฟืน แต่เผาหญ้าแห้งเพียงสองต้นยังมิทันได้ลุกลาม เป็นซูมู่ที่โยนหั่วเจ๋อจื่อเข้าไป ไฟจึงลุกลามถึงเพียงนั้น
ในวันนั้นที่หาไม่พบก็เพราะหั่วเจ๋อจื่อถูกเผาไปหมดแล้ว เมื่อเร็วๆ นี้มีช่างมาเก็บกวาด และพบกระดุมโลหะในกองขี้เถ้าจากกองฟืน
เยี่ยนจิ่วเฉาวางกระดุมโลหะบนโต๊ะ
อวี๋หวั่นหยิบมาดู “นี่ไม่เหมือนกับ…หั่วเจ๋อจื่อที่ข้าเคยเห็น”
เยี่ยนจิ่วเฉาบอกว่า “ที่เจียงหนานใช้กัน ขอบมีรูปร่างพิเศษ ใช้สำหรับป้องกันความชื้น”
แม้แต่ช่างยังดูไม่ออก วันนี้เป็นอิ่งลิ่วที่ไปสืบความและได้ของสิ่งนี้มาจากมือของนายช่าง
เมืองหวั่นอยู่ในเจียงหนาน ซูมู่เป็นคนเมืองหวั่น มีหั่วเจ๋อจื่อของเจียงหนานติดตัวมาก็นับว่าสมเหตุสมผล
ส่วนเรื่องที่ว่าเด็กๆ เข้ามาขัดช่วงเวลาเข้าด้ายเข้าเข็มของพวกเขาทำไมนั้น ย่อมไม่ใช่เพราะซูมู่เป็นคนเรียกมา กระนั้นก็ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับนาง เพราะเป็นซูมู่ที่ให้เด็กๆ กินอาหารที่มีน้ำตาลมากเกินไป ทำให้พวกเขามีแรงเหลือล้นจนไม่ยอมนอนจึงวิ่งมาหาท่านพ่อท่านแม่ และกระโดดโลดเต้นในห้องของอวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉาอยู่ครึ่งค่อนคืน
“เรื่องที่จื่อซูตกน้ำเล่า?”
หากเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้าเป็นเพราะน้ำมือของซูมู่ละก็ การที่จื่อซูตกน้ำก็คงทำให้พวกเขาอดสงสัยไม่ได้เช่นกัน
เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ก่อนที่จื่อซูจะตกน้ำ นางไปตักเตือนซูมู่ว่าอย่าใกล้ชิดกับเด็กๆ จนทำให้เจ้าไม่พอใจ”
จื่อซูเข้าใจผู้อื่น…ก็จริง นางเคยเป็นเจ้านายมาก่อน อยู่ในคนละตำแหน่งกับบ่าว นางคงเข้าใจอวี๋หวั่นได้ดีที่สุด
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]