ว่ากันว่าซูมู่ไม่ยินดีที่จะอยู่ในเรือนจู๋เยวี่ย จึงขอร้องให้ฮูหยินน้อยย้ายตนกลับไปยังเรือนชิงเฟิง ทว่าฮูหยินน้อยไม่เห็นดีเห็นงามด้วย ซูมู่จึงขุ่นเคืองใจ ประจวบเหมาะกับในตอนนั้นฮูหยินน้อยถูกวางยาพอดี ซูมู่ย่อมถูกเพ่งเล็ง นางจึงกระโดดน้ำเพื่อยืนยันในความบริสุทธิ์ของตน
แน่นอนว่ามีบ้างที่บอกว่าซูมู่กระโดดน้ำเพราะไม่อาจทนความเศร้าโศกได้
แทบไม่มีผู้ใดสนใจเหตุผลที่ซูมู่ถูกย้ายออกจากเรือนชิงเฟิงแล้ว สิ่งที่พวกเขาสนใจก็คือฮูหยินน้อยเป็นคนช่วยซูมู่เอาไว้
“ใครบอกกันว่าฮูหยินน้อยย้ายซูมู่ไปอยู่เรือนชิงเฟิงเพราะไม่ชอบนาง? หากไม่ชอบจริงๆ เหตุใดไม่ปล่อยให้นางจมน้ำตายไปเล่า?” สาวใช้ซึ่งมีหน้าที่ดูแลสวนผลไม้เอ่ยขึ้น
เพื่อนอีกคนหนึ่งพยักหน้า “ฮูหยินน้อยรักพี่รองมาก ทุกวันต้องให้คนนำอิงเถาไปส่งให้ที่สำนักบัณฑิต”
สาวใช้ครุ่นคิด “เช่นนั้น ที่ฮูหยินน้อยย้ายนางไปอยู่เรือนจู๋เยวี่ยก็นับว่าให้เกียรตินางแล้ว”
เพื่อนตอบว่า “ก็ใช่น่ะสิ ข้างกายของฮูหยินน้อยมีจื่อซู ทั้งยังมีเถาเอ๋อร์และหลีเอ๋อร์ที่มาอยู่ก่อน ซูมู่อยู่ในเรือนชิงเฟิงย่อมต้องอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่นางไปยังเรือนจู๋เยวี่ยก็ได้เป็นสาวใช้ใหญ่ทันที หากถูกตาต้องใจคุณชายรองสกุลอวี๋เข้าละก็…”
ก็จะกลายเป็นสาวใช้ประจำห้อง ถ้าหากโชคดีก็อาจได้เป็นภรรยาของคุณชายรอง ไม่ว่าอย่างไรก็ดีกว่าอยู่ในเรือนชิงเฟิงเป็นไหนๆ
นอกเสียจากว่า…
นางตั้งใจจะยั่วยวนคุณชาย เพื่อให้ได้เป็นอนุภรรยาของคุณชาย
หากเป็นเช่นนั้นจริง ที่ฮูหยินน้อยลงโทษให้นางออกจากเรือนชิงเฟิงก็นับว่าเป็นเรื่องที่สมควรแล้ว
ไม่ว่าความจริงเป็นอย่างไร ประเด็นหลักของเรื่องนี้ก็ได้เปลี่ยนจากอวี๋หวั่นไม่ชอบหน้าสาวใช้คนหนึ่งไปเป็นซูมู่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีเป็นที่เรียบร้อย
“ข้าละคิดว่านางจะเป็นคนสงบเสงี่ยมเจียมตัวเสียอีก ไม่นึกเลยว่าจะสร้างเรื่องมากมายถึงเพียงนี้ บ่าวอย่างพวกเราย่อมต้องพึ่งพาเจ้านาย เจ้านายให้ทำสิ่งใดก็ต้องทำ อยากให้ย้ายไปไหนก็ต้องไป นางใกล้ชิดกับคุณชายน้อยจนลืมตัวไปกระมัง? ยังกล้าขอร้องให้ฮูหยินน้อยย้ายนางกลับมา พอไม่ให้ย้ายกลับก็กระโดดน้ำ ประชดใครหรือ?”
จากยืนยันความบริสุทธิ์และทนความเศร้าโศกไม่ไหว บัดนี้ได้กลายเป็นว่าซูมู่ตีโพยตีพายเสียเอง
“นั่นน่ะสิ ประชดใครกัน? เหตุใดฮูหยินน้อยบังเอิญไปอยู่ตรงนั้นพอดี? ถ้าถามข้า ข้าว่านางคงคำนวณไว้แล้ว จึงจงใจกระโดดลงไปในน้ำให้ฮูหยินเห็นกระมัง?”
การปรากฏตัวของอวี๋หวั่นทำให้บรรดาสาวใช้เข้าใจได้ทันที มิเช่นนั้นจะว่ากันว่าสตรีสามคนละครหนึ่งเรื่อง[1]หรือ? สมองของพวกนางสามารถจินตนาการไปได้ต่างๆ นานา
หากจะบอกว่าซูมู่ทำเรื่องไม่ดีเอาไว้มาก แต่นั่นมิได้รวมกับการกระโดดน้ำจบชีวิตตนเองเพื่อประชดผู้อื่น กระนั้นนางมีคำอธิบายหรือไม่เล่า?
นางสร้างความลำบากให้อวี๋หวั่นมาไม่รู้กี่ครั้ง ตอนนี้อวี๋หวั่นจะทำให้นางลำบากเป็นเท่าตัว
อวี๋หวั่นนั่งอยู่ในห้อง กำลังฝึกจัดดอกไม้ เธอชอบต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงที่สุด ในฤดูร้อนเมื่อมีต้นไม้ชนิดนี้ ก็ไม่ต้องกังวลแล้วว่าเด็กๆ จะถูกยุงกัด เธอชอบต้นปั๋วเหอ(ต้นมิ้นต์)รองลงมา เพราะทำให้สมองปลอดโปร่ง มีสมาธิ
สาวใช้ในห้องต่างก็มุมปากกระตุก ท่านจัดดอกไม้จริงๆ หรือ? แน่ใจหรือว่าไม่ได้จัดต้นไม้…
ฝูหลิงเข้ามาในห้อง รายงานข่าวลือและเรื่องซุบซิบนินทาตามคำสั่งของอวี๋หวั่น
สีหน้าของทุกคนในนั้นล้วนแต่เต็มไปด้วยความวิตกกังวล พวกนางมองไปยังอวี๋หวั่น อวี๋หวั่นถอนหายใจแล้วพูดว่า “เฮ้อ ทำไมถึงกลายเป็นอย่างนี้ไปได้? เอาละ พวกเจ้าไปดูแลซูมู่ให้ดี อย่าให้นางได้ยินเรื่องพวกนี้ ไม่เช่นนั้นนางจะเศร้าใจยิ่งกว่าเดิม จื่อซูอยู่ก่อน ฝูหลิงเจ้าไปบอกห้องครัวเล็กให้ต้มโจ๊กให้ซูมู่”
พวกนางทยอยออกไป หลีเอ๋อร์ซึ่งออกไปเป็นคนสุดท้ายปิดประตูให้อวี๋หวั่น
ไม่มีใครนึกสงสัยว่าเหตุใดจื่อซูจึงเป็นคนเดียวที่ถูกเรียกให้อยู่ในห้องต่อ จื่อซูเป็นหัวหน้าสาวใช้ ฮูหยินน้อยคงมีเรื่องต้องบอกหรือไต่ถามนาง
ในห้องไม่มีคนอื่นแล้ว อวี๋หวั่นจึงเอ่ยขึ้นว่า “เจ้ามีเรื่องจะถามข้าหรือไม่?”
จื่อซูหลุบตา สองมือกำผ้าเช็ดหน้าแน่น
“อยากถามก็ถาม” อวี๋หวั่นปักต้นหม้อข้าวหม้อแกงลิงลงในแจกัน
จื่อซูลังเลอยู่ครู่หนึ่ง มองอวี๋หวั่นอย่างพินิจพิจารณา ในที่สุดก็เอ่ยถามความสงสัยซึ่งซ่อนอยู่ในก้นบึ้งของจิตใจ “ซูมู่นาง…นางวางยาพิษฮูหยินจริงหรือเจ้าคะ?”
“เปล่า” อวี๋หวั่นตอบทันควัน
“เช่นนั้นสารหนูในน้ำชา…” จื่อซูเอ่ยปากถาม สมองย้ำเตือนนางว่าไม่ควรถามต่อ แต่หัวใจของนางกลับหุนหันพลันแล่นเหลือเกิน
อวี๋หวั่นมิได้ทำให้นางต้องอึดอัดนานเกินไป จึงเอ่ยปากพูดแทนว่า “มิผิด ข้าใส่เอง”
จื่อซูอ้าปากค้าง
จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้ก็มิได้อยู่เหนือความคาดหมาย ทว่าเดาออกนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง ได้ยินอวี๋หวั่นยอมรับด้วยตนเองนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
ท่าทางสงบนิ่งของอวี๋หวั่นนั้นดูประหนึ่งกำลังสนทนาเรื่องดินฟ้าอากาศอย่างไรอย่างนั้น เธอหักกอดพุดซ้อนออกมา การเลี้ยงต้นพุดซ้อนจนมีดอกในฤดูกาลเช่นนี้มิใช่เรื่องง่าย ลุงวั่นทำได้ถึงเพียงนี้ อวี๋หวั่นก็อดชื่นชมไม่ได้
“ยังอยากถามอะไรอีกหรือไม่?”อวี๋หวั่นถาม
สายตาของอวี๋หวั่นไม่ได้อยู่ที่จื่อซูแม้แต่น้อย กระนั้นจื่อซูกลับรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก อึดอัดยิ่งกว่าครั้นเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮองเฮาเสียอีก
ปั้นซย่ากำลังดูแลซูมู่ซึ่งใบหน้าซีดเผือด
แม้จะตกน้ำไปเหมือนกัน แต่สถานการณ์ของซูมู่นั้นหนักหนากว่าของตนมาก บางทีฮูหยินน้อยอาจไม่ได้มิได้ผลักนางนางตกน้ำเพียงอย่างเดียว ทว่ายังทำอย่างอื่นด้วย เมื่อคิดได้เช่นนี้ ในใจของจื่อซู ก็พลันเกิดความกลัวขึ้นมา
“ข้ากับฝูหลิงมาแล้ว ไม่มีใครอยู่กับฮูหยิน พวกเจ้ารีบไปรับใช้ฮูหยินที่เรือนชิงเฟิงเถิด” จื่อซูสั่ง น้ำเสียงของนางนับว่านุ่มนวล
เป็นเพราะความกลัว แม้แต่ความหยิ่งยโสทะนงตนก็พลันอันตรธานไปสิ้น ทว่าสาวใช้เหล่านี้ยังเด็กนัก ไม่มีใครคิดมาก พวกนางเพียงแต่คิดว่าวันนี้จื่อซูใจดีเหลือเกิน
ปั้นซย่าและคนอื่นๆ ออกไปแล้ว จื่อซูบอกกับฝูหลิงว่า “พยุงนางขึ้นมา”
ฝูหลิงวางกล่องอาหารลง และเดินไปพยุง (กระชาก) ซูมู่ออกมา
ซูมู่ถูกอวี๋หวั่นสกัดจุดโดยไม่ทันระวังตัว พลังชีวิตได้รับความเสียหาย ร่างกายอ่อนแรง ไม่อาจต่อต้านคนที่กินข้าวมื้อละสิบชามอย่างฝูหลิงได้
จื่อซูมองนางหัวจรดเท้า “ฮูหยินน้อยให้โจ๊กมา เจ้ากินเถิด เปิดกล่องออกแล้วเอาโจ๊กให้นาง”
ประโยคหลังนางบอกกับฝูหลิง
ฝูหลิงหยิบโจ๊กร้อนๆ ซึ่งต้มจากพุทราจีนกับซันเย่า[2]ออกมาแล้วส่งให้ซูมู่ “นี่”
ซูมู่เบือนหน้าหนี “ข้าไม่อยากกิน”
ของของสตรีคนนั้น ใครจะไปรู้ว่าใส่ยาพิษหรือไม่!
จื่อซูบอกว่า “เจ้าไม่อยากกินก็ต้องกิน ฮูหยินบอกว่าให้เจ้ากินจนหมด ไม่ให้เหลือแม้แต่คำเดียว”
ซูมู่มองจื่อซูด้วยสายตาเย็นเยียบ
……………………………………….
[1] สตรีสามคนละครหนึ่งเรื่อง เปรียบเปรยว่าผู้หญิงมาอยู่รวมกันหลายคนแล้วเกิดเรื่อง
[2] ซันเย่า หรือห่วยซัวในภาษาแต้จิ๋ว เป็นสมุนไพรชนิดหนึ่ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]