ถูกทรมานเขาก็ไม่ยอมบอกความจริง หากไม่ทรมานก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เขาได้แต่นั่งวางท่าอยู่เช่นนั้น พูดจาราวกับตนเป็นนายท่าน จนพัศดีในคุกหลวงโมโหเขาแทบตาย กระนั้นข้างกายของโจวไหวก็มีคนที่ฮ่องเต้ส่งมาอารักษา เขานึกอยากจะอัดโจวไหวสักทีสองทีก็ทำไม่ได้
พัศดีของคุกหลวงดื่มชาเย็นๆ เพื่อลดไฟโทสะ “โจวไหว ข้าต้องถามเจ้ากี่ครั้งเจ้าถึงจะยอมบอกความจริง?”
“ความจริงอะไร?” โจวไหวถามอย่างเอื่อยเฉื่อย
พัศดีกล่าวว่า “หลังจากที่แม่ทัพเซียวได้รับรายชื่อมาแล้ว เขาไม่ได้พบกับเหยียนฉงหมิงโดยลำพังเลยใช่หรือไม่?”
โจวไหวแค่นเสียงขึ้นจมูก “เจ้าถามข้า หรือว่าถามใคร?”
พัศดีโมโหจนปอดแทบระเบิด คุณชายเยี่ยนเร่งเร้าต้องการผลโดยเร็ว ฮ่องเต้ก็ทรงกดดันไม่ต้องการผล โจวไหวก็ดันเดาพระทัยฮ่องเต้ได้ จึงเอาแต่เล่นลิ้นไม่เลิก
พัศดีกล่าวว่า “เท่าที่ข้ารู้ รายชื่อสายลับได้มาในวันที่ถูกบุกโจมตีค่ายซีเป่ยในกลางดึก จากนั้นข้าศึกก็ไล่ต้อนพวกเจ้าเข้าไปในหุบเขาหิมะ เจ้าอยู่ข้างกายแม่ทัพเซียวตลอด เขาเจอใคร เจ้าก็เจอเช่นกัน เรื่องนี้เจ้ารู้อยู่แก่ใจ ข้าแนะนำให้เจ้าตอบมาตามตรง ไม่เช่นนั้นลำพังโทษหนีการจับกุมหลายต่อหลายครั้งของเจ้า ก็ทำให้เจ้าติดคุกหัวโตไปครึ่งค่อนชีวิตแล้ว!”
โจวไหวแค่นเสียงด้วยความรังเกียจ
พัศดีกำหมัดแน่น เขาเกือบหลุดปากออกไปว่า ‘จับเขาไปทรมาน’ แต่เมื่อเหลือบไปเห็นองครักษ์ของฮ่องเต้ยืนอยู่ข้างโจวไหว จึงพูดว่า “เจ้าอย่าคิดว่าข้าไม่มีวิธีทรมานเจ้า ข้าพูดเพียงประโยคเดียวก็ชี้เป็นชี้ตายเจ้าได้แล้ว”
โจวไหวมองเขาอย่างไม่ยี่หระ นัยน์ตาของเจ้าปราศจากความกลัว “ใช้เครื่องทรมานกับข้าเลย หากข้าร้องออกมาก็ถือว่าข้าแพ้”
พัศดีจ้องไปในดวงตาของเขา รู้ว่าโจวไหวไม่ได้โกหก ก่อนที่จะจับเขาเข้ามาในคุกหลวง พวกเขาได้สืบประวัติของโจวไหวมาแล้ว เขาเป็นคนสิ้นไร้ไม้ตอก ทั้งชีวิตเขาภักดีต่อเซียวเหยี่ยนแต่เพียงผู้เดียว ปีก่อนเขาไปเป็นเหยื่อล่อในการสืบข้อมูลลับของซยงหนู เขาถูกจับได้ วิธีของคนเหล่านั้นโหดเหี้ยมกว่าการทรมานในคุกหลวงมาก พวกเขาให้โจวไหวกินยาเสียด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่อาจล้มโจวไหวได้
เขานับว่าเป็นกระดูกชิ้นแข็งที่ผู้ใดก็กัดไม่ได้ ยิ่งหากฮ่องเต้ไม่ยื่นมือมาช่วย ก็ไม่รู้ว่าคุกหลวงจะง้างปากเขาได้หรือไม่
พัศดีเดินออกไปด้วยความเดือดดาล
โจวไหวหัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นชา ปล่อยให้คนจับตัวไปด้วยความรู้สึกเปี่ยมชัยชนะ
จะว่าไปสิ่งที่ฮ่องเต้ทรงปฏิบัติต่อเขานับว่าไม่เลว ไม่เพียงสั่งห้ามทรมานเขา ยังทรงส่งองครักษ์คนสนิทมาอารักขาเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าหากเขาหลบหนีไป คนเหล่านี้ก็คงจะทำเป็นหลับหูหลับตา แต่เขาหาได้โง่เง่าเพียงนั้นไม่ เยี่ยนไหวจิ่งนึกเสียดายที่จับเขาเข้าคุกหลวง หากเขาออกไปก็ต้องตกอยู่ในเงื้อมมือของเยี่ยนไหวจิ่ง หรือไม่ก็เยี่ยนจิ่วเฉา สรุปแล้วไม่มีที่ใดสบายเท่าในคุกหลวง
โจวไหวกินข้าวเสร็จก็เอนกายลงนอนบนแผ่นไม้
คนแซ่อวี๋อยากให้เขาเป็นพยานให้หรือ? ฝันไปเถอะ!
เพียงครู่เดียวโจวไหวก็ก้าวเข้าสู่ดินแดนแห่งความฝัน
ขณะที่เขากำลังสะลึมละสือ ก็รู้สึกคล้ายกับมีคนผลักประตูออก ความคิดแรกของเขาคือมือสังหารบุกเข้ามา ทว่าความคิดที่ตามมาก็คือองครักษ์ของฮ่องเต้ซึ่งยืนอยู่ข้างนอก ใครหน้าไหนจะบุกเข้ามาเช่นนั้น? แปดในสิบส่วนก็คงเข้ามาเพื่อดูว่าเขาตายหรือยัง
โจวไหวนอนอย่างสบายใจต่อไป แต่เขานอนไปได้เพียงครู่เดียว ก็รู้สึกว่ามีมือเย็นเฉียบข้างหนึ่งคว้าลำคอของเขาไว้
ลำคอของเขาถูกบีบแน่น
เขาคว้ามือนั้นไว้ด้วยสัญชาตญาณ แต่เขากลับได้ยินเสียงกึกกักสองครั้ง จากนั้นแขนของเขาก็หลุดออกจากข้อต่อ
มันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เขายังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนองด้วยซ้ำ
ต้องเข้าใจก่อนว่าวิชายุทธ์ของเขามิได้เป็นรององครักษ์เงาแต่อย่างใด แม้แต่หน่วยกล้าตายของฮ่องเต้ก็ไม่แน่ว่าจะเอาชนะเขาได้ แต่เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้นกัน? เขายังไม่ทันลงมือ ก็ถูกคนหักแขนไปเสียแล้ว
เขาอยากร้องออกมา แต่กลับพบว่าลำคอของตนไม่อาจเปล่งเสียงได้
เขาคิดจะเงยหน้าไปมองอีกฝ่าย กระนั้นก็ขยับศีรษะไม่ได้
มือข้างนั้นจับคอของเขา แล้วสะบัดอย่างง่ายดายราวกับสะบัดกระสอบป่าน จากนั้นก็ลากเขาออกจากคุก
ไม่รู้ว่าองครักษ์ด้านนอกล้มลงไปตั้งแต่เมื่อไร นักโทษทั้งหลายต่างก็หลับไหล ทางเดินเงียบสงัด มีเพียงเสียงของร่างเขาซึ่งถูกลากไปกับพื้น
ระเบียงทางเดินให้ความรู้สึกราวกับเป็นปากของอสูรยักษ์
ชั่วชีวิตนี้ โจวไหวไม่เคยรู้สึกครั่นคร้ามผู้ใดมาก่อน แต่ว่าในตอนนี้ ในใจของเขาก็พลันบังเกิดลางสังหรณ์ไม่ดี
แกร็ก
กลอนของห้องทรมานถูกปลดออก
โจวไหวถูกลากเข้าไปในห้องทรมาน แล้วผูกไว้กับเครื่องทรมานเย็นเฉียบ ศีรษะของโจวไหวถูกกระแทกจนเป็นแผลระหว่างทาง เลือดสดไหลลงมาจนดวงตาของเขาพร่ามัว เขามองลักษณะของอีกฝ่ายไม่ชัด แต่เขาพอจะเดาได้ว่าอีกฝ่ายมาด้วยเหตุใด
เขาหัวเราะแดกดัน “หากเจ้าจะมาบังคับให้ข้าเป็นพยานให้อวี๋เซ่าชิงละก็ ข้าอยากจะเตือนเจ้าว่าอย่ามายุ่มย่ามจะดีกว่า ต่อให้ข้าตาย ข้าก็จะไม่ยอมให้คนผู้นั้นมีชีวิตที่ดีได้หรอก!”
“เช่นนั้นหรือ?”
อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นเบาๆ
โจวไหวชะงักไปครู่หนึ่ง
สตรีรึ?
“ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าจะเป็นพยานให้อวี๋เซ่าชิงหรือไม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]