ทว่าเคียงกษัตริย์ดั่งเคียงพยัคฆ์ การถูกฮ่องเต้เลือกอาจเป็นโชคของนาง แต่สิ่งที่ทำให้ฮ่องเต้ถวิลหานางนั้นล้วนมาจากความสามารถของนาง นางทนมาได้ถึงเพียงนี้จึงมีโอกาส นางระวังตัวมากกว่าผู้ใด แต่วินาทีที่นางกรีดร้องออกไปนั้น นางก็รู้ว่าทุกอย่างได้จบสิ้นแล้ว
สิ่งที่นางพยายามมาตลอดหนึ่งเดือนนั้นได้ละลายหายไปกับน้ำเสียแล้ว
ขันทีวังได้ยินเสียงร้อง เขาวิ่งกระวีกระวาดเข้าไป ทันทีที่เข้าไป นางกำนัลซึ่งเข้าเวรกลางคืนในตำหนักล้วนแต่ถูกเสียงกรีดร้องของเจาเฟยทำให้ตกใจกลัว
ทุกคนยืนออกันอยู่ที่เตียง พวกนางเกือบจะกรีดร้องออกมาเช่นกันเมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้า
เมื่อคืนฮ่องเต้ใช้แรงมากไปสักหน่อย จึงเป็นคนสุดท้ายที่ตื่นนอน กระนั้นก็ไม่ได้ตื่นสายกว่าสักเท่าไร เมื่อลืมตาตื่นขึ้นก็เห็นดวงตาของคนในตำหนักจ้องมองตนด้วยความตะลึงงัน ฮ่องเต้ขมวดคิ้วแล้วตรัสถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”
นอกจากขันทีวังแล้ว คนอื่นๆ ต่างคุกเข่าลงกับพื้น เจาเฟยก็หยิบอาภรณ์ขึ้นมาปกปิดร่างกาย แล้วปีนลงจากเตียงมาคุกเข่าด้านล่าง
ฮ่องเต้ตรัสถามด้วยความสงสัย “โหวกเหวกอะไรกันแต่เช้า?”
ทุกคนล้วนแต่ก้มหน้า ไม่มีผู้ใดกล้าปริปากพูด
เป็นขันทีวังที่ต้องเสี่ยงชีวิต ยกนิ้วขึ้นมาชี้อย่างกล้าๆ กลัวๆ
ฮ่องเต้ก้มลงมองดู ขนหน้าอกหายไปแล้ว!
พระองค์สูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่งด้วยความตกใจ จากนั้นก็เลิกผ้าห่มดูและพบว่าขนขาซึ่งกว่าจะงอกขึ้นมาใหม่ได้ ก็หายไปแล้วเช่นกัน! ไม่เพียงเท่านั้น ขนที่เท้าก็หายไปด้วย!
นี่…นี่มันเกิดอะไรขึ้น? มารดาผู้ใดทำเช่นนี้!?
จากนั้นจึงเปิดดูใต้กางเกงชั้นในอย่างไม่เต็มใจสักเท่าไร เมื่อเห็นว่านกเขาสวรรค์ไร้ซึ่งขนหลงเหลืออยู่ ก็แทบจะกระอักเลือดออกมา!
ขันทีวังมองตามสายตาของฮ่องเต้ไปก็ถึงกับอ้าปากค้าง เอ…ตรงนั้นเป็นจุดที่เหนือความคาดหมาย…
ทว่านี่ยังไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวที่สุด
ขณะที่ฮ่องเต้กำลังจะโมโหจนใบหน้าบูดบึ้งนั้นเอง ขันทีวังก็หยิบกระจกมา
ทันทีที่ฮ่องเต้เห็นศีรษะโล้นในกระจก ก็ทนมองต่อไปไม่ไหว ลมจับล้มลงไปทันที
ขันทีวังไม่รู้ว่าเรื่องเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร เจาเฟยตกใจกลัวสุดขีด นางร่ำไห้ เนื้อตัวสั่นเทิ้ม “ไม่ใช่ข้า…ไม่ใช่ข้า…ไม่ใช่ข้าจริงๆ…”
ขันทีวังรู้ดีว่าเจาเฟยไม่กล้าทำเช่นนั้นเป็นแน่
…ที่สำคัญก็คือวิธีนี้ โกนขนเสียเกลี้ยงเกลาจนดูประหนึ่งไม่เคยมีขนขึ้นมาก่อน ขันทีวังมองขึ้นฟ้า เฮ้อ ทำได้อย่างไรกัน?
เรื่องนี้ไม่อาจแพร่งพรายสู่ภายนอก ไม่เช่นนั้นฮ่องเต้ทรงต้องขายหน้าประชาชี ขันทีวังสั่งให้ทุกคนเหยียบเรื่องนี้ให้มิด เจาเฟยก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น จากนั้นขันทีวังก็ใช้เหตุผลว่าฮ่องเต้ทรงประชวรเป็นไข้หวัด เพื่อสั่งยกเลิกพระราชกิจในราชสำนัก
ฮ่องเต้คงจะโมโหมาก จนหมดสติไปเสียนาน หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยามก็ฟื้นขึ้นมา เมื่อตระหนักได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับตนก็ลมจับไปอีกครั้ง เป็นเช่นนี้จนช่วงเย็นจึงจะสามารถมองสภาพของตนซึ่งบัดนี้ได้กลายเป็นปักษาไร้ขนไปเสียแล้ว
“ฝ่าบาท ทรงดื่มชาสักหน่อยเถิดพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีวังส่งชาให้พระองค์ดื่มเพื่อลดไฟโทสะ
ฮ่องเต้ปัดถ้วยชาในมือของเขา “ไปเรียกเด็กเวรนั่นมา!”
ขันทีวังชะงักไปครู่หนึ่ง “หมาย…หมายถึงคุณชายเยี่ยนหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
ฮ่องเต้ระเบิดโทสะ “จะเป็นเด็กเวรที่ไหนได้อีกเล่า?!”
ขันทีวังจึงรุดไปยังจวนคุณชาย อวี๋หวั่นกลับหมู่บ้านไป เยี่ยนจิ่วเฉากำลังจะไปรับเธอที่หมู่บ้านเหลียนฮวา เพิ่งจะเดินออกจากประตูจวน ขันทีวังก็มาหยุดเขาไว้
“คุณชายได้โปรดเข้าวังไปกับข้าน้อยด้วยเถิด”
ขันทีวังไม่ได้บอกว่าเป็นเรื่องอะไร แต่ฮ่องเต้ไม่ได้เรียกเขาเข้าวังง่ายๆ เยี่ยนจิ่วเฉาคิด ไปกับขันทีวังก่อนดีกว่า
ครั้งนี้ไม่ได้ไปยังห้องทรงพระอักษร แต่พวกเขาเดินไปยังห้องบรรทม
ในห้องบรรทมอบอวลไปด้วยกลิ่นอำพันทะเล เยี่ยนจิ่วเฉาขมวดคิ้ว แม้ว่าอำพันทะเลจะเป็นของดี แต่ก็ไม่ใช่กลิ่นที่เขาชื่นชอบนัก
ฉากกั้นลายทิวทัศน์นั้นวางอยู่หน้าเตียง เมื่อขันทีวังพาเยี่ยนจิ่วเฉาเข้ามาแล้ว จึงออกจากห้องไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]