หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 14

สุดท้ายแล้วทารกน้อยก็ถูกเยี่ยนอ๋องปลอบ

เขาร้องไห้เสียยกใหญ่ จนสุดท้ายต้องมาสะอึกสะอื้นในอ้อมอกของเยี่ยนอ๋อง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าน่าสงสารเพียงใด

ต่อมน้ำตาของเด็กอายุไม่ถึงสองเดือนยังทำงานได้ไม่เต็มที่ เขาไม่ได้น้ำตาไหลออกมาทุกครั้งที่ร้องไห้ แต่นั่นทำให้ผู้ที่พบเห็นรู้สึกปวดใจเหลือเกิน

เยี่ยนอ๋องอุ้มทารกน้อยซึ่งยังคงมีสีหน้าเศร้าสร้อยขึ้นมา แล้วถลึงตาใส่เซียวเจิ้นถิงซึ่งกำลังทำอะไรไม่ถูก ราวกับกำลังถามว่า ‘เจ้าเป็นพ่อประสาอะไร ทำให้ลูกกลัวได้ถึงขนาดนี้?’

เซียวเจิ้นถิงสองมือไพล่หลัง แหงนหน้ามองฟ้า

เยี่ยนอ๋องตกอยู่ในภวังค์

เขาจำไม่ได้แล้วว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อกี่ปีก่อน ในตอนนั้นเขายังอยู่ในตำหนักเย็น ทันใดนั้นพี่ชายของเขาก็วิ่งเข้ามา ‘เจ้ามองสิ่งใดบนท้องฟ้าหรือ’

เขามิได้สังเกตพฤติกรรมของตนเอง ทว่าเขาสังเกตเห็นจากเยี่ยนจิ่วเฉา เมื่อใดที่เยี่ยนจิ่วเฉาต้องการบ่ายเบี่ยงหัวข้อสนทนา ดวงตาคู่นั้นของเขาก็จะมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

คนที่คลุกคลีกันเป็นเวลานานมักได้รับอิทธิพลจากอีกฝ่าย ท่าทางเช่นนี้ของเซียวเจิ้นถิง ทำให้เยี่ยนอ๋องนึกถึงเยี่ยนจิ่วเฉา ทันใดนั้นเยี่ยนอ๋องก็ตระหนักได้ว่าหลายปีที่ตนเองหายไป เซียวเจิ้นถิงเข้ามาดูแลเยี่ยนจิ่วเฉาแทนตน

ถึงแม้เยี่ยนจิ่วเฉาจะตีตัวออกห่างจากเซียวเจิ้นถิงและซั่งกวนเยี่ยน ทว่าเซียวเจิ้นถิงผู้นี้ก็ยังคอยปกป้องเขาอยู่เสมอ

ยามที่ฉงเอ๋อร์ต้องการการคุ้มครอง ก็เป็นเซียวเจิ้นถิงที่อยู่ข้างกายเขา

เยี่ยนจิ่วเฉาได้ชื่อว่าอารมณ์ร้าย หลังจากเยี่ยนอ๋องกลับมายังจวนคุณชายย่อมเคยได้ยินมาบ้าง เพราะฉะนั้นเขาจึงสงสัยว่ายามที่เด็กคนนั้นทำให้โมโห เซียวเจิ้นถิงจัดการอย่างไร ตลอดหลายปีที่ผ่านมาถึงยังรักเขาราวกับเป็นลูกในไส้ได้อย่างไร

เรื่องที่เซียวเจิ้นถิงดื่มยาซึ่งทำให้ไม่มีลูกนั้น เยี่ยนอ๋องเคยได้ยินมาบ้าง เซียวเจิ้นถิงไม่ได้กำลังเสแสร้ง เขาทำเพื่อซั่งกวนเยี่ยนและฉงเอ๋อร์จริงๆ ไม่เช่นนั้นคงไม่ดื่มยานั่น และทนแบกรับคำครหามาโดยตลอด

เยี่ยนจิ่วเฉามองดูเจ้าตัวน้อยในอ้อมอก จากนั้นก็เหลือบมองเซียวเจิ้นถิงซึ่งละสายตาจากท้องฟ้าแล้ว

เซียวเจิ้นถิงทำท่าทำทางราวกับเด็กซึ่งเพิ่งทำความผิด มือไม้เป็นพัลวัน ไม่รู้ว่าควรเก็บไว้ที่ใด

ใต้หล้านี้จะมีพ่อคนใดน่าเวทนาเท่าเขาอีกเล่า? ลูกร้องไม่เท่าไรก็ไม่ไหวเสียแล้ว…

“ให้แม่นมอุ้มไปป้อนนมเถิด เขาหิวแล้ว” เยี่ยนอ๋องบอกเซียวเจิ้นถิง น้ำเสียงของเขามิได้ฟังดูเย็นชาเฉกเช่นก่อนหน้านี้แล้ว

เซียวเจิ้นถิงจึงเรียกแม่นมมาอุ้มทารกน้อยทันที

จะว่าไปก็น่าแปลก เด็กคนนี้ชอบให้ท่านอ๋องกอด ทันทีที่กินอิ่มก็ไม่อยากอยู่กับแม่นมอีกต่อไป เขาทำเสียงอู้ๆ อี้ๆ แม่นมจึงพาเขากลับมาส่ง

แน่นอนว่า ทันทีที่เยี่ยนอ๋องอุ้ม ทารกน้อยก็ไม่งอแงอีก

ดวงตาใสจ้องมองอยู่สักพัก ก็ผล็อยหลับไปในอ้อมอกของเยี่ยนอ๋อง

ไม่รู้ว่าเขาเสพติดอ้อมกอดของเยี่ยนอ๋องหรืออย่างไร เยี่ยนอ๋องจึงวางเขาลงไม่ได้ ทันทีที่วางลง ปากเล็กก็เริ่มเบะ…และร้องไห้ออกมา เยี่ยนอ๋องจึงทำได้เพียงกอดเขาไว้

เซียวเจิ้นถิงยืนนิ่งอยู่ด้านข้างราวกับรูปปั้น ดวงตาของเขากลมโตราวกับดวงตาของวัว ท่าทางคล้ายกับกำลังรออย่างใจจดใจจ่อ

อวี๋หวั่นรู้สึกว่าตนเองไม่จำเป็นต้องไปดูฉากละครตลก เธอค่อยๆ ถอยกลับมายังห้องของตน แล้วถามลุงวั่นว่า “แม่ทัพใหญ่เซียวชำนาญทางเช่นนี้ เห็นทีคงไม่ได้มาเป็นครั้งแรก…”

เรื่องนี้ ลุงวั่นก็เคยได้ยินคนในจวนพูดเหมือนกัน ยามที่ซั่งกวนเยี่ยนออกไปวัดเพื่อขอพรให้คุณชาย ก็จะให้ลูกอยู่ที่บ้าน ในจวนมีแม่นม ตามหลักแล้วไม่น่าจะเป็นปัญหาแต่อย่างใด กระนั้นก็ไม่รู้ว่าทำไมทารกตัวน้อยเอาแต่ร้องไม่หยุด มิหนำซ้ำยังไม่ยอมกินนมอีกด้วย

เซียวเจิ้นถิงปราบข้าศึกด้วยจิตใจอันหนักแน่น ทว่าเมื่อต้องดูแลทารกตัวเท่าฝ่ามือกลับทำตัวไม่ถูก ด้วยความอับจนหนทาง จึงตัดสินใจอุ้มลูกไปหาซั่งกวนเยี่ยน ไหนเลยจะรู้ว่าออกจากจวนได้ไม่เท่าไรก็บังเอิญพบเยี่ยนอ๋องระหว่างทาง

เยี่ยนอ๋องคิดแล้วคิดอีกว่าเพราะเหตุใดทารกน้อยจึงงอแงเช่นนี้ อาจเป็นเพราะไม่สบาย จึงรับเด็กมาตรวจดู กลับกลายเป็นว่าทารกหยุดร้องไห้เสียอย่างนั้น

“ตอนคุณชายยังเล็กก็ติดท่านอ๋องอย่างนี้เหมือนกันขอรับ จะร้องไห้หรือดื้อมากแค่ไหน ทันทีที่ท่านอ๋องอุ้มก็หาย” ลุงวั่นหวนนึกถึงเยี่ยนจิ่วเฉาตัวน้อยในห่อผ้า และอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

ทารกถ่ายเบารดกางเกง เซียวเจิ้นถิงจึงไปหยิบของบนรถม้า

อวี๋หวั่นเดินเข้าไปในห้องหนังสือ แล้วมองไปยังเจ้าตัวน้อยซึ่งกำลังหลับสบายในอ้อมอกของเยี่ยนอ๋อง

“เหมือนจื่อจวิน” เยี่ยนอ๋องพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

อวี๋หวั่นพยักหน้า แล้วเปิดห่อผ้าออกเพื่อดูมือของทารกน้อย เยี่ยนอ๋องกล่าวไว้ไม่ผิด เด็กคนนี้ถอดแบบมาจากซั่งกวนเยี่ยน เยี่ยนจิ่วเฉารูปร่างหน้าตาเหมือนเยี่ยนอ๋อง เพราะฉะนั้นต่อให้เป็นพี่น้องมารดาคนเดียวกัน แต่เด็กคนนี้กับเยี่ยนจิ่วเฉาคงจะต่างกันมากทีเดียว

มือของเขาใหญ่กว่าทารกในวัยเดียวกันทั่วไป หากว่าตามเซียวเจิ้นถิง นี่เป็นมือที่เหมาะแก่การจับอาวุธ สมแล้วที่เป็นทายาทของเซียวเจิ้นถิง!

แต่เมื่อมองดูอย่างละเอียด จะพบว่าเขามีบางอย่างที่เหมือนกับเยี่ยนจิ่วเฉา นั่นก็คือบนศีรษะมีขวัญสองวง ริมฝีปากก็คล้ายกันมาก

คิดๆ ดูแล้ว อันที่จริงเยี่ยนจิ่วเฉาก็เหมือนกับซั่งกวนเยี่ยน เพียงแต่ท่าทาง รูปร่าง ความเป็นบุรุษ รวมไปถึงสายตาเย็นชาของเขานั้นเหมือนกับเยี่ยนอ๋องมากกว่า

เจ้าตัวเล็กนอนอยู่สักพัก ก่อนจะลืมตาขึ้นมาด้วยความงัวเงีย

อวี๋หวั่นร้อง ‘โอ้’ ดวงตาคู่นี้ งามเหลือเกิน!!

อวี๋หวั่นอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปหา “มาเร็ว พี่สะใภ้จะอุ้มเจ้าเอง”

ทารกน้อยกลับเบือนหน้าหนี แล้วซุกเข้าอ้อมแขนของเยี่ยนอ๋อง

อวี๋หวั่น “…”

เธอถูกเด็กรังเกียจแล้วหรือ?

ไม่สิ เจ้าเพิ่งอายุได้สองเดือน เจ้าจะรังเกียจใครกัน?!

เจ้าตัวเล็กอยู่ในจวนคุณชายตลอดช่วงบ่าย เขาเป็นเด็กดี ไม่ร้องไห้งอแงในตอนกลางคืน ป้อนนมสามมื้อก็เพียงพอแล้ว เมื่อเซียวเจิ้นถิงเห็นว่าเขาหลับสนิทแล้ว จึงอุ้มเขาขึ้นมา…หรือจะพูดให้ละเอียดก็คืออุ้มเขาซึ่งอยู่ในตะกร้า หมายหันหลังกลับออกจากจวนคุณชายไปอย่างไม่คิดชีวิต

อวี๋หวั่นจะไปส่งเขา

เซียวเจิ้นถิงรีบบอกว่า “ไม่ต้องไปส่งหรอก เจ้าท้องแก่แล้ว พักผ่อนเถิด”

“เดินมากสักหน่อย จะได้คลอดง่ายเจ้าค่ะ” ที่จริงอวี๋หวั่นอยากบอกว่า ‘ข้าไม่เป็นไรเลยเจ้าค่ะ ตัวเบาเหมือนนกนางแอ่นเลย!’

เซียวเจิ้นถิงมองอวี๋หวั่นครู่หนึ่ง เมื่อมั่นใจว่าท้องของเธอใหญ่กว่าท้องของซั่งกวนเยี่ยนในตอนนั้นเสียอีก จึงคิดว่าเธอไม่ได้พูดเพียงเพราะเกรงใจเขา จึงตกลงให้เธอเดินไปส่ง

เซียวเจิ้นถิงชะลอฝีเท้าลง มือทั้งสองข้างแข็งเกร็งเพราะถือตะกร้าเอาไว้

ท่าทางเช่นนี้ อวี๋หวั่นมองเพียงครั้งเดียว ก็รู้สึกขบขันอยู่ในใจ ราษฎรในต้าโจวและผู้ใต้บังคับบัญชาของเซียวเจิ้นถิงต้องคิดไม่ถึงเป็นแน่ว่าแม่ทัพเซียวผู้ยิ่งใหญ่ของพวกเขาจะมีท่าทางเงอะงะเช่นนี้ได้

คนที่ไม่รู้ อาจคิดว่าในตะกร้ามีระเบิดอยู่ก็เป็นได้

เรื่องการเดินทางของพวกเขา อวี๋หวั่นเล่าให้เซียวเจิ้นถิงฟังไปแล้ว ปฏิกิริยาของเซียวเจิ้นถิงนั้นไม่มากเท่าเยี่ยนอ๋อง ไม่ใช่เพราะเขาไม่เป็นห่วงอวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉา แต่เป็นเพราะเขาได้พบกับเจียงไห่ และได้รู้เรื่องที่ทั้งสองเดินทางไปยังเผ่าปีศาจมาแล้วบางส่วน

เขารู้ว่าเยี่ยนจิ่วเฉาดูดซับพลังของอ๋องแห่งเผ่าปีศาจไว้

เขาเป็นผู้ชำนาญยุทธ์ ย่อมรู้ว่าวิชาที่อ๋องแห่งเผ่าปีศาจฝึกนั้นไม่ธรรมดา และผู้ที่สามารถถ่ายโอนพลังของเขาไปไว้ที่ตนเองนั้นต้องมีพรสวรรค์เลิศล้ำ เรียกว่าหมื่นปีปรากฏเพียงคงเดียวก็คงไม่เกินจริง

ดังนั้น เขาจึงมีความเชื่อมั่นในการเดินทางครั้งนี้ของพวกเขามากขึ้น แน่นอนว่าเขาไม่ได้บอกเรื่องนี้กับซั่งกวนเยี่ยนและเยี่ยนอ๋อง เชื่อมั่นก็เรื่องหนึ่ง ทว่าทุกเรื่องย่อมมีโอกาสผิดพลาด เขากลัวว่าจะทำให้พวกเขามีความหวัง หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ทั้งสองอาจต้องแบกรับความผิดหวังมากกว่าที่ควรจะเป็น

“ท่านพ่อพบเจียงไห่หรือเจ้าคะ?” อวี๋หวั่นประหลาดใจ

“อืม” เซียวเจิ้นถิงตอบ “เขาเกิดเรื่องที่เผ่าปีศาจ ลูกศิษย์ของสำนักเฟยอวี๋ตามหาเขาจนพบ และพาเขากลับไปยังสำนักเฟยอวี๋ ลูกศิษย์คนนั้นเป็นคนบอกเขาว่าไม่ต้องตามหาพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าดูดซับพลังของอ๋องแห่งเผ่าปีศาจไป แข็งแกร่งมาก ไม่จำเป็นต้องให้เขาไปบุกน้ำลุยไฟ แต่เขาเป็นคนดื้อรั้น เมื่อไม่กี่เดือนก่อนตามมาถึงต้าโจว”

“ท่านพ่อรู้ไหมเจ้าคะว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?” อวี๋หวั่นถาม

เซียวเจิ้นถิงส่ายหน้า “ข้าแค่พบหน้าเขา หลังจากนั้นก็ไม่เห็นเขาอีก ข้าคิดว่าเขาน่าจะออกจากต้าโจวไปแล้ว”

“เฮ้อ เจ้าคนนี้…” อวี๋หวั่นถอนหายใจอย่างจนปัญญา เธอไม่รู้ว่าควรพูดว่าอย่างไร จะบอกว่าเขาหัวรั้น เขาก็หัวรั้นจริงๆ แต่ถ้าไม่ใช่เพราะความหัวรั้นดื้อดึงเช่นนี้ของเขา ในตอนนั้นเขาคงไม่รั้งอยู่ข้างกายตน และผ่านช่วงเวลายากลำบากมาด้วยกันมากมาย

อวี๋หวั่นพูดว่า “ข้าหวังว่าเขาจะรีบกลับไปสำนักเฟยอวี๋โดยเร็ว”

ต่อให้ไม่กลับไป เขาอาจได้ยินข่าวคราวของพวกเขาในไม่ช้า ตั้งแต่ที่พวกเขาเข้าไปยังหนานจ้าว ก็มิได้ปิดบังแต่อย่างใด ขอเพียงเจียงไห่ยังอยู่ในเขตแดนของต้าโจวหรือหนานจ้าว ย่อมต้องได้ยินว่าเธอและเยี่ยนจิ่วเฉากลับเมืองหลวงมาแล้ว

ทันใดนั้นเซียวเจิ้นถิงก็เอ่ยอีกเรื่องหนึ่งขึ้นทันใด “ใช่สิ ข้าได้ยินเรื่องของฉงเอ๋อร์กับรัชทายาท ช่วงที่ฝ่าบาทประชวรหนัก จิ้งอ๋องทำหน้าที่อย่างแข็งขัน เขาอยากนั่งในตำแหน่งรัชทายาทมานาน บัดนี้แม้จะได้ตำแหน่งมาแล้ว แต่ก็ยังมีผู้สำเร็จราชการมาช่วงชิงอำนาจในการดูแลกิจการแผ่นดินของเขาอีก เขาคงดีใจไม่ออก”

ที่เขามายังจวนคุณชายในวันนี้ ไม่ใช่เพื่อลูกเพียงอย่างเดียว อีกเหตุผลหนึ่งก็เพื่อเตือนเรื่องนี้กับจวนคุณชาย

อวี๋หวั่นไม่สนใจว่าเยี่ยนไหวจิ่งจะดีใจหรือเสียใจ แต่ถ้าหากว่าเขาไม่พอใจแล้วคิดจะลงมือกับจวนคุณชายละก็ อวี๋หวั่นก็ไม่ยอมเช่นกัน

ในใจของอวี๋หวั่นและเซียวเจิ้นถิงล้วนรู้ดีว่าฮ่องเต้มิได้ล่วงรู้และเข้าใจพลังที่แท้จริงของเยี่ยนจิ่วเฉา เขาเพียงต้องการใช้เยี่ยนอ๋อง ทว่าเมื่อเทียบกับเรื่องที่ฮ่องเต้จะใช้ใคร ในตอนนี้ทั้งสองคนเป็นห่วงพระวรกายของฮ่องเต้มากกว่า

เยี่ยนอ๋องมีความสามารถในการบริหารบ้านเมือง ตามหลักแล้วเขาเป็นผู้ที่ควรสืบทอดบัลลังก์ต่อจากฮ่องเต้ หากฮ่องเต้สามารถดูแลราชสำนักได้ ย่อมไม่มีทางให้ผู้อื่นมาดูแลกิจการแผ่นดินแทน

“พระองค์กลัวว่าตนเองจะประชวรหนัก… และไม่อาจอยู่พ้นปีนี้หรือ?” เยี่ยนจิ่วเฉานำยาตำรับลับของสกุลซือคงมาจากหมิงตู ดูแล้ว ยานี้ก็คงไม่ได้ทำให้ฮ่องเต้กลับมาแข็งแรงเต็มร้อย

เพียงแต่ว่า เมื่อเทียบกับร่างกายซึ่งเป็นอัมพาตก่อนหน้านี้ บัดนี้ฮ่องเต้พูดได้คล่องขึ้นแล้ว

“หากฝ่าบาทอยู่ไม่พ้นปีนี้ เช่นนั้นบัลลังก์…” ประโยคต่อมา เซียวเจิ้นถิงไม่ได้พูด

อวี๋หวั่นเข้าใจ เยี่ยนไหวจิ่งเป็นรัชทายาท เมื่อใดที่ฮ่องเต้สวรรคต เขาย่อมได้ขึ้นเป็นฮ่องเต้คนใหม่อย่างถูกต้องตามทำนองคลองธรรม

แต่พวกเขา…จะวางใจให้เยี่ยนไหวจิ่งขึ้นเป็นฮ่องเต้จริงหรือ?

หลังจากที่เยี่ยนไหวจิ่งขึ้นเป็นฮ่องเต้ สิ่งแรกที่เขาจะทำคงเป็นการกำจัดเยี่ยนจิ่วเฉา จากนั้นก็พาอวี๋หวั่นเข้าวัง

เรื่องความเสน่หาที่เยี่ยนไหวจิ่งมีต่อตน อวี๋หวั่นไม่ได้บอกกับเซียวเจิ้นถิง แต่ถึงแม้จะไม่รู้เรื่องนี้ เซียวเจิ้นถิงก็มองออกว่าหลังจากที่เยี่ยนไหวจิ่งได้ขึ้นนั่งบนบัลลังก์ เยี่ยนจิ่วเฉาจะไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขอีกต่อไป

……………………..

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]