หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 141

หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2] – บทที่ 141 โชคดีขัดลิขิตสวรรค์
ชาวบ้านต่างเป็นประจักษ์พยานในเหตุการณ์มหัศจรรย์ที่เกิดขึ้น ในที่สุดบุตรชายคนที่สามของสกุลอวี๋ก็ได้รับการล้างมลทิน เขาไม่ใช่นักโทษคดีช่วงชิงความดีความชอบทางการทหารอีกต่อไป เขาเป็นผู้ที่ช่วยชีวิตราษฎร! สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือ เขาได้รับแต่งตั้งเป็นท่านโหว…จงหย่งโหว!

คนทั้งหมู่บ้านต่างตื่นตะลึงกันถ้วนหน้า

“ยังไม่รับราชโองการอีก?”

“กระหม่อมขอบพระทัยฝ่าบาท!” อวี๋เซ่าชิงก้มศีรษะถวายบังคม จากนั้นก็ลุกขึ้นมารับราชโองการจากขันทีวัง

ขันทีวังใบหน้ายิ้มแย้ม พลางเอื้อมมือไปหยิบแส้ขนหางจามรี แต่กลับพบว่าทุกอย่างว่างเปล่า แส้ขนหางจามรีของเขาถูกเด็กอ้วนทั้งสามหยิบไปแล้ว “…”

“ไอ้หยา…พวกเจ้าใคร…ใครก็ได้หยิกข้าที” ผู้ใหญ่บ้านซึ่งคุกเข่าอยู่ด้านข้างถึงกับแข้งขาอ่อนเปลี้ย ลุกไม่ขึ้น

ทันทีที่เขากล่าวออกไป นางเฉินซึ่งอยู่ด้านข้างก็หยิกเข้าที่บั้นเอวของเขาเต็มแรงหนึ่งที เขาร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด “โอ๊ยย นางหนู! เจ้าหยิกข้าจริงๆ รึ!”

นางเฉินตวัดสายตาไปมองเขา โทษข้าอีก?

ผู้ใหญ่บ้านถูกหยิกจนเจ็บ จึงมั่นใจแล้วว่าตนไม่ได้ฝันไป ครานี้จึงหันไปมองอวี๋เซ่าชิงด้วยความตื่นเต้น “เจ้าสาม ยินดีด้วย!”

ฝูงชนต่างลุกขึ้นยืน ป้าไป๋เดินเข้ามาต่อยหัวไหล่ของอวี๋เซ่าชิงเบาๆ “เจ้าสาม ได้เป็นท่านโหวแล้ว!”

คนในหมู่บ้านไม่ค่อยได้ออกไปเห็นโลกภายนอก ไม่รู้ว่าท่านโหวเป็นบรรดาศักดิ์ที่ใหญ่เพียงใด ทว่าเมื่อได้ยินก็รู้สึกว่ายอดเยี่ยมเหลือเกิน

“ใหญ่กว่าตำแหน่งนายอำเภออีกกระมัง?” ป้าจางกล่าวเปรียบเทียบ

“นายอำเภออะไรกัน ข้าว่าใหญ่กว่าเจ้าเมืองเสียอีก!” ชุ่ยฮวาเดินดุ่มเข้ามา คนในหมู่บ้านจำนวนไม่น้อยปลดประจำการจากกองทัพ สือโถวมักจะคอยซักถามพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องราวในกองทัพเสมอ ไปๆ มาๆ นางก็พอจะได้ความรู้มาบ้างเช่นกัน นางรู้ว่าเหนือนายอำเภอยังมีตำแหน่งเจ้าเมือง แต่เหนือจากเจ้าเมืองมีอะไรนั้น นางเองก็ไม่กระจ่าง

คนสกุลอวี๋ต่างรู้สึกปีติยินดียิ่ง ป้าสะใภ้ใหญ่ร้องไห้ไปตั้งแต่แรกแล้ว ลุงใหญ่ขอบตาแดงเล็กน้อย เขาจับแขนน้องชาย รู้สึกราวกับลำคอตีบตัน พูดอะไรไม่ออกอยู่นาน

เป็นอวี๋เฟิงซึ่งเอ่ยปากด้วยความจริงใจ “ยินดีด้วยอาสาม”

อวี๋เซ่าชิงยิ้มพลางตบบ่าของเขาเบาๆ

เมื่อป้าจางเห็นว่าป้าสะใภ้ใหญ่ร้องไห้จนน้ำหูน้ำตาไหล จึงรีบพูดว่า “เจ้าร้องไห้ทำไมเล่า? เจ้าสามได้เป็นท่านโหวก็นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดี!”

ป้าสะใภ้ใหญ่ปาดน้ำตา “นั่นสิ! เป็นเรื่องน่ายินดี! ข้าไม่ได้ควรดีใจหรอกหรือ?”

หลังจากที่น้องสามถูกใส่ร้าย แม้พวกเขาจะไม่ได้พูด แต่ในใจกลับรู้สึกเป็นทุกข์แทนเขา ไปทำอย่างไรให้ความดีความชอบที่ตนเองทำมาถูกคนแซ่เหยียนนั่นแย่งไปได้กันนะ? คนสกุลเหยียนเป็นบ้าอะไร รังแกครอบครัวของพวกเขาไม่เลิกรา!

บัดนี้มลทินซึ่งแบกรับมาเนิ่นนานได้รับการชำระล้างจนสิ้น เจ้าสามไม่จำเป็นต้องถูกกักอยู่ในหมู่บ้านอีกต่อไป ก่อนหน้านี้แม้จะเข้าเมืองหลวงไปพบหน้าลูกสาวยังทำไม่ได้ บัดนี้อาหวั่นไม่น้อยหน้าผู้ใดอีก มีท่านพ่อเป็นวีรบุรุษ เป็นท่านโหว! อาหวั่นก็จะเป็นคุณหนูจวนท่านโหว!

“ไอ้หยาๆ…” ป้าสะใภ้ใหญ่ตื่นเต้นจนเป็นลมไป…

ลุงใหญ่เชิญขันทีวังร่วมโต๊ะ เดิมทีขันทีวังนึกอยากปฏิเสธ แต่เมื่อคิดว่าเป็นหมู่บ้านของอวี๋หวั่น ไม่ว่าอย่างไรตนก็ต้องมาสำรวจสักครั้ง นอกจากนั้นแล้วเขาก็ยังมีรับสั่งของฮ่องเต้ซึ่งยังไม่ได้ประกาศอีก

เมื่อขันทีวังเดินเข้าไปในบ้านใหม่สกุลติง เขาก็เห็นอวี๋หวั่นและนางเจียงซึ่งป่วยกระเสาะกระแสะ

เขาตื่นตะลึงกับความงดงามของนางเจียง คนแซ่อวี๋นี่โชคดีเหลือเกิน หญิงงามในวังสามพันนาง เมื่อนำมารวมกันแล้วก็ยังงามไม่เท่าภรรยาของเขาเพียงคนเดียว เมื่อพิจารณาดูแล้ว โชคด้านสตรีของอวี๋เซ่าชิงนับว่าดีกว่าฮ่องเต้เป็นไหนๆ

เพียงแต่ว่า…ดูเหมือนนางร่างกายอ่อนแอ

นางเจียงถือผ้าเช็ดหน้า ทำท่าไซซีกุมหทัยแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่รู้ว่าท่านขันทีเดินทางมา เสียมารยาทแล้ว”

ไม่เสียมารยาท ไม่เลยสักนิด!

“เดิมทีคิดว่าจะออกไปรับราชโองการด้วย…แต่ว่า…แค่กๆ…”

นางเจียงไอออกมาอย่างอ่อนแรง

หญิงงามที่ร่างกายอ่อนแอก็ควรพักผ่อนอยู่ในบ้าน แต่เดิมขันทีวังคิดว่าจะกราบทูลไปตามจริง บัดนี้เขาตัดสินใจว่าจะไม่กราบทูลว่านางเจียงไม่ได้มารับราชโองการ

อวี๋เซ่าชิงพ้นผิดและได้รับการแต่งตั้งเป็นท่านโหว ชาวบ้านทยอยกันมาแสดงความยินดี บ้างก็มอบไข่ไก่ให้ บ้างก็ให้ไก่เป็นๆ มีบางคนให้เป็ดและกระต่ายป่า ของส่วนใหญ่ที่ชาวบ้านนำมามอบให้คือผักซึ่งพวกเขาปลูกเอง ลุงใหญ่ไม่รู้ว่าขันทีวังชอบกินอาหารแบบใด ใคร่อยากถาม ก็ไม่รู้ว่าจะเอ่ยปากว่าอย่างไร จึงเลือกแม่ไก่มาสองตัว ตัวหนึ่งนำไปทำไก่น้ำแดง อีกตัวหนึ่งนำไปทำเป็นน้ำแกง นอกจากนั้นก็ยังผัดกับข้าวพื้นบ้านอีกสองสามอย่าง เพื่อต้อนรับขันทีวังเป็นอย่างดี

ขันทีวังได้ยินกิตติศัพท์การทำอาหารของลุงใหญ่สกุลอวี๋ ทว่าฝีมือการทำอาหารของสามัญชนทั่วไป นอกจากพ่อครัวเทพเป้าแล้ว ก็ไม่มีผู้ใดเข้าตาเขาอีก เป็นเพราะเห็นแก่หน้าจวนคุณชาย จึงตั้งใจจะลองชิมสักคำสองคำ ปรากฏว่ากลับหยุดกินไม่ได้เสียอย่างนั้น…

ขันทีวังเป็นขันที อาหารที่เขากินมักจะรสอ่อนกว่าปกติ กระนั้นเขาก็ไม่ได้บอกคนสกุลอวี๋ ไม่คิดว่าลุงใหญ่จะคำนึงถึงจุดนี้ด้วย จึงทำอาหารประเภทตุ๋นน้ำแดงรสชาติอ่อน ไม่เพียงเท่านี้ น้ำแกงไก่ยังทำเป็นอาหารยา เมื่อดื่มเข้าไปหนึ่งชาม ก็พลันรู้สึกสบายตัว

เป็นครอบครัวที่ยอดเยี่ยมเหลือเกิน เพียงแต่…น่าเสียดาย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]