เพียงแต่ว่า เหล่าเด็กหญิงล้วนแสดงความสามารถ เมื่อมาถึงคราวของเขา กลับไม่เป็นเช่นนั้น
ยังเร็วเกินไปที่จะทำพิธีบวงสรวงสวรรค์ ทุกคนอยู่ว่างๆ ก็คืออยู่ว่างๆ
องค์ชายใหญ่สวมกอดองค์หญิงใหญ่ที่มีอายุเกือบห้าขวบ “มา เล่นหมากกระดานกันสักตา”
องค์ชายสามไม่ยอมน้อยหน้า จูงมือองค์หญิงวัยสามขวบมา “ไหน วาดภาพกันสักหน่อย”
บรรดาองค์หญิงมีความสามารถยิ่งนัก ไม่รู้ว่าคุณชายน้อยทั้งสามของจวนคุณชายจะมีความสามารถใดบ้าง สายตาทุกคนมองไปที่เยี่ยนจิ่วเฉา
เยี่ยนจิ่วเฉาลูบหัวเด็กจ้ำม่ำทั้งสามอย่างใจเย็น “กินอะไรสักหน่อย”
ทุกคน “…”
ณ โถงในตำหนักเจาหยาง อวี๋หวั่นได้พบปะกับเหล่าสตรีราชนิกูล โดยพื้นฐานเธอไม่ได้มีนิสัยชอบเข้าสังคม แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอทำไม่ได้ หากเธอต้องการเอาใจใคร ก็แทบไม่มีครั้งไหนที่เอาใจไม่ได้ เธอมีลีลาการสนทนาที่เหมาะสม ดูสง่างามภูมิฐาน ไม่เหมือนกับดรุณีที่เติบโตมาในชนบทแม้แต่น้อย บนเรือนร่างของเธอไม่พบกลิ่นอายความเป็นชนบทที่หยาบกระด้าง แต่ก็มิได้เย่อหยิ่งจองหองไม่เห็นหัวผู้ใด ไม่มากเกินไป ไม่น้อยเกินไป เมื่อทำได้ไม่อวดดี เมื่อทำไม่ดีไม่ผลุนผลัน ทุกสิ่งล้วนพอเหมาะพอดี
เด็กหญิงวัยหกขวบวิ่งหาฮองเฮาและกระซิบสองสามคำ ยามที่กระซิบก็มองอวี๋หวั่นจากมุมหางตาไปพลาง อวี๋หวั่นมองไปที่นางอย่างงวยงง แต่นางกลับวิ่งหนีไป
ฮองเฮาหัวเราะอย่างมีความสุขและตรัสกับอวี๋หวั่น “องค์หญิงจิ่วชอบเจ้า”
อวี๋หวั่นได้ศึกษาลำดับวงศ์ตระกูลของราชวงศ์ จึงรู้จักองค์หญิงจิ่วผู้แสนขี้อายคนนี้ มารดาของนางคือมู่กุ้ยผิน มู่กุ้ยผินจากไปเร็ว นางเติบโตมาในหวงจื่อเตี้ยน หวงจื่อเตี้ยนเป็นที่ที่องค์ชายและองค์หญิงอาศัยอยู่ เหล่านางสนมที่มีสถานะสูงศักดิ์พอ จะสามารถนำองค์ชายและองค์หญิงไปเลี้ยงดูอยู่ข้างกายได้ และส่วนใหญ่ซึ่งมีสถานะไม่สูงนัก ก็จะถูกพาตัวทายาทไปที่หวงจื่อเตี้ยน
เมื่อไม่กี่วันก่อนฮองเฮาไปเดินเล่นที่สวน และบังเอิญพบกับองค์หญิงจิ่วที่กำลังจับผีเสื้อ นางรู้สึกว่าเด็กหญิงตัวเล็กๆ ช่างดูใสซื่อน่ารัก จึงพากลับไปเลี้ยงดูที่ตำหนัก มนุษย์ เมื่ออายุมากขึ้นก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงความรู้สึกเหงา และนางก็ไม่อาจร่วมหลับนอนได้อีกแล้ว หากต้องการรั้งฮ่องเต้ไว้ คงต้องหาวิธีอื่น
วิธีการที่ฮองเฮาใช้สร้างความมั่นคง อวี๋หวั่นไม่ได้ให้ความคิดเห็นอีก อวี๋หวั่นมองไปที่เด็กคนนั้น องค์หญิงจิ่วหน้าแดง ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังมามา โผล่ให้เห็นเพียงดวงตากลมโตที่เป็นประกายน้ำแวววาว
อวี๋หวั่นนึกถึงเด็กน้อยทั้งสาม พวกเขาก็เคยซ่อนอยู่หลังประตูด้วยท่าทางกระมิดกระเมี้ยน พลางใช้สายตาเช่นนี้มองเธอเช่นกัน เธอแน่ใจว่าองค์หญิงจิ่วชอบเธอจริงๆ ไม่ใช่คำพูดถนอมน้ำใจของฮองเฮา อวี๋หวั่นคลี่รอยยิ้มเป็นมิตร
องค์หญิงจิ่วก็หัวเราะ
ทันใดนั้น แม่นางชุยก็เดินเข้ามาด้วยท่าทีรีบร้อน กระซิบรายงานฮองเฮาสองสามคำ ฮองเฮาพลันขมวดคิ้ว ทุกคนสังเกตเห็นท่าทีแปลกประหลาดของฮองเฮา ฮองเฮาก็เผยยิ้มอ่อนโยน “ใกล้ถึงเวลาแล้ว ข้าไปไม่นานเดี๋ยวก็กลับ”
ทุกคนค้อมกายคำนับ
เมื่อเดินผ่านหน้าอวี๋หวั่น ฮองเฮาก็ยื่นมือออกมา “หวั่นเอ๋อร์ไปกับข้าเเถิด”
“เพคะ” อวี๋หวั่นจับมือฮองเฮาเดินออกจากตำหนักเฟิ่งชี โดยมีแม่นางชุยกับบรรดาข้าหลวงและขันทีเดินตามอยู่ห่างๆ
เมื่อไร้คนนอก ฮองเฮาพลันถอนหายใจเหยียดยาว “องค์หญิงแห่งซยงหนูมีอารมณ์ฉุนเฉียวอีกแล้ว ไม่ว่าจะกล่าวอย่างไร นางก็ปฏิเสธจะสวมชุดแต่งงาน ข้าได้ยินว่าเจ้ามีความสัมพันธ์อันดีกับองค์หญิงแห่งซยงหนู แล้วนางก็ยังเคยไปเยี่ยมเจ้าที่หมู่บ้านเหลียนฮวา เจ้าช่วยไปโน้มน้าวนางให้ข้าสักหน่อยได้หรือไม่?”
ผู้หญิงคนนั้นไปหมู่บ้านเหลียนฮวาเพื่อแย่งท่านพ่อของเธอไงละ…เธอกับองค์หญิงแห่งซยงหนูเหลือก็แต่ยังไม่ได้ตีกันกลางถนนเท่านั้น ตรงไหนที่เรียกว่าความสัมพันธ์อันดี…
หากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้นในวันแต่งงาน ทั้งราชวงศ์จะต้องอับอาย อวี๋หวั่นสูดหายใจ “หม่อมฉันจะลองดูเพคะ แต่จะสำเร็จหรือไม่ หม่อมฉันมิอาจรับรองได้”
ฮองเฮาจับมือของอวี๋หวั่นด้วยความซาบซึ้ง “ข้าเข้าใจ”
อวี๋หวั่นไปยังห้องขององค์หญิงแห่งซยงหนู ทันทีที่เดินไปถึงประตูก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายภาษาจงหยวนและภาษาถิ่นที่ผสมผสานกันอย่างซับซ้อน
“ข้าไม่แต่ง ข้าไม่แต่ง! ข้าบอกไปแล้วว่าข้าไม่แต่ง!”
“@ # ¥% @ #%!”
อวี๋หวั่นเข้าใจสองประโยคแรก แต่ภาษาซยงหนูประโยคหลังราวกับเป็นภาษาทูตสวรรค์ที่เธอฟังไม่เข้าใจ
“เราไม่ได้คุยกันไปแล้วรึ? หากเจ้ายอมแต่งงานอย่างเชื่อฟัง เจ้าต้องการสิ่งใดพี่ให้เจ้าได้ทุกอย่าง!”
“ข้าอยากกลับไปซยงหนู!”
“ยกเว้นสิ่งนี้!”
“เช่นนั้น @ #% # ¥!”
อวี๋หวั่นได้ฟังภาษาทูตสวรรค์อีกครั้ง
ในที่สุด องค์ชายรองแห่งซยงหนูก็กระแทกประตูออกมา ยามเดินผ่านไหล่ของอวี๋หวั่น เขาโกรธจนจำไม่ได้ว่าอีกฝ่ายที่มาเป็นพระชายา เมื่อได้สติกลับมา จึงกลับไปมองอวี๋หวั่น แต่อวี๋หวั่นก็เข้าห้องขององค์หญิงแห่งซยงหนูไปแล้ว
“ข้าบอกแล้วว่าข้าไม่แต่ง!”
องค์หญิงแห่งซยงหนูได้ยินเสียงใครบางคนเข้ามา นางคิดว่าพี่ชายของนางกลับมาอีกครั้ง จึงไม่หันกลับไปมอง
อวี๋หวั่นกล่าว “ข้าเอง”
ในที่สุด หัวใจที่หล่นวูบของฮองเฮาก็กลับมาสู่จุดเดิม “ข้ารู้อยู่แล้วว่าเจ้ามีวิธี! เจ้าช่วยข้าไว้ครั้งใหญ่ทีเดียว!”
ฮ่องเต้ให้นางจัดการงานอภิเษกสมรส นี่เป็นงานสำคัญชิ้นแรกที่นางได้ทำหลังออกมาจากตำหนักเฟิ่งชี หากมีความผิดพลาดใดเกิดขึ้น ต่อไปคงไม่ต้องคิดจะเอาตราประทับฮองเฮากลับคืนมาอีก
อวี๋หวั่นยิ้มหน้าตาย
หวังว่าในคืนแรกของการส่งตัวเข้าหอ เมื่อเฉิงอ๋องได้เห็นใบหน้าองค์หญิงแห่งซยงหนูที่ปูดบวม จะไม่ตกใจกลัวจนสิ้นลมไปเสียก่อน…
เมื่อถึงเวลา ฮ่องเต้และฮองเฮาก็นำเหล่าราชนิกุลและข้าราชบริพารทั้งฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ไปยังแท่นบูชาของตำหนัก ฮ่องเต้และฮองเฮาทำการบวงสรวงสวรรค์ เหล่าองค์ชายที่เคร่งครัดในศาสนาอยู่ด้านหลังคนทั้งสอง หลังจากนั้นบรรดาราชนิกุลและข้าราชบริพารทั้งหลายก็คุกเข่าลงสองฟากฝั่ง
“คุกเข่า–”
“ลุกขึ้น–”
อวี๋หวั่นก้มคำนับด้วยสายตาเนือยนิ่งไม่ไหวติง ขั้นตอนเหล่านี้วั่นมามาสอนเธอตอนที่อยู่จวนคุณชายไม่ต่ำกว่าร้อยครั้ง ดังนั้นแม้เป็นการบวงสรวงสวรรค์ครั้งแรก แต่เธอก็ทำได้เป็นอย่างดีทีเดียว
ได้ยินว่าทูตหนานจ้าวก็มาด้วย แต่มองเห็นพวกเขาได้จากที่ใดเธอก็ไม่ทราบ
เมื่อเธอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นฮ่องเต้กับฮองเฮาและบรรดาองค์ชายที่กำลังคุกเข่าคำนับ เธอไม่ได้ตั้งใจมองหาเยี่ยนจิ่วเฉา แต่กลับสังเกตเห็นเขาเป็นคนแรก ชายผู้นี้ ไม่ว่าอยู่ที่ใดก็เฉิดฉายได้ทุกที่จริงๆ แตกต่างจากท่าทีหยิ่งผยองและเกเรในอดีต ในตอนนี้เขาสง่างามดังเทพเซียนยิ่งกว่าเดิม เขาไม่ใช่องค์ชาย แต่กลับดูเหมือนเทวราชาที่ยิ่งใหญ่กว่าผู้ใด
ฮ่องเต้เริ่มชราลง หลังจากคุกเข่าลงหลายครา ร่างกายก็เริ่มชุ่มไปด้วยเหงื่อ ทว่าพระองค์ไม่กล้าเช็ด เพราะกลัวจะทำให้วิกผมหลุด
ในที่สุดการบวงสรวงสวรรค์ก็สิ้นสุดลง ฮ่องเต้และฮองเฮายังต้องไปที่เฟยหลวนเตี้ยน เพื่อเป็นประธานในพิธีอภิเษกสมรสระหว่างเฉิงอ๋องกับองค์หญิงแห่งซยงหนู ในที่สุดพิธีทั้งหมดก็สิ้นสุดลง และวิกผมของฮ่องเต้ก็ติดไม่อยู่อีกต่อไป
ฮ่องเต้รีบจับพระเศียรของพระองค์ “กลับ กลับตำหนัก!”
ฮองเฮากลับตำหนัก เฉิงอ๋องและเจ้าสาวก็ไปที่จวนเฉิงอ๋อง เยี่ยนจิ่วเฉาและพระชายาก็ไปยังจวนเฉิงอ๋องเช่นกัน ในฐานะลูกพี่ลูกน้องของเฉิงอ๋อง
แขกที่จวนเฉิงอ๋องเยอะยิ่งนัก! เยี่ยนจิ่วเฉาเลิกคิ้ว จากนั้นก็จูงเด็กจ้ำม่ำทั้งสาม เดินอวดโฉมอย่างบ้าคลั่ง
อวี๋หวั่นเดินไปยังที่นั่งแขกสตรี ขณะที่กำลังเดินผ่านสวนดอกไม้ขนาดเล็ก ก็รู้สึกว่ามีใครบางคนเดินตามมา
เธอจ้องมองอย่างชะงักงัน คนปริศนาผู้นั้นก็พลันคว้ามือของเธอ
………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]