กว่าจะแก้ปัญหาเรื่องโจรลักม้าเรียบร้อยก็ผ่านไปครึ่งค่อนคืน ชาวบ้านต่างก็ตกใจกลัวกันจนรู้สึกอ่อนเพลีย
“กลับบ้านไปพักผ่อนเถิด” ผู้ใหญ่บ้านเอ่ยขึ้น เขานึกบางเรื่องออก จึงมองไปยังอวี๋หวั่น
อวี๋หวั่นเข้าใจทันที มุมปากของเธอยกขึ้น “พรุ่งนี้ไม่ต้องทำงาน ทุกคนอยู่บ้านพักผ่อนเถอะ”
ผู้คนต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก แม้ว่าการหาเงินเป็นเรื่องสำคัญ แต่พวกเขาเผชิญกับเรื่องน่าสะพรึงกลัวมาตลอดทั้งคืน ก็ล้วนต้องการเวลาสงบสติอารมณ์
“จะไม่กระทบกับกิจการใช่หรือไม่?” ป้าไป๋เอ่ยถาม นางมือไม้คล่องแคล่ว นางกับป้าหลัวทำงานแนวหลัง ซึ่งที่จริงแล้วก็คืองานเก็บกวาดและทำอาหารนั่นเอง
นางได้ยินมาว่า คนที่มาจากชนบทและอายุมาก ทำงานหนึ่งวันจะได้เงินเพียงสิบเหรียญทองแดง อาหวั่นกลับให้ตั้งยี่สิบเหรียญทองแดง นางรู้สึกขอบคุณคนสกุลอวี๋ ทั้งยังให้ความสำคัญกับงานนี้เป็นอย่างมาก
อวี๋หวั่นหัวเราะ กล่าวว่า “ไม่กระทบหรอก ป้าไป๋วางใจได้”
เธอไม่ได้กล่าวเช่นนี้เพียงเพราะความเกรงใจ แต่พวกเขายังไม่ได้เซ็นสัญญาส่งมอบสินค้ากับนายท่านฉินอย่างเป็นทางการ พวกเขาผลิตได้เท่าไรก็ขายไปเท่านั้น ไม่ได้มีกฎตายตัว
หลังจากนั้น ชาวบ้านต่างก็ทยอยกันไปแสดงความขอบคุณ ‘แขก’ ของบ้านสกุลอวี๋
หลังจากที่บ้านสกุลอวี๋เริ่มประกอบกิจการ มักมีแขกชั้นสูงมาหา ชาวบ้านต่างก็คิดว่าพ่อครัวเทพเป้าเป็นแขกที่มาเจรจาการค้ากับพวกเขาด้วยเช่นกัน
“ไม่ใช่แขกๆ!” ป้าสะใภ้ใหญ่พูดด้วยความตื่นเต้น เถี่ยตั้นน้อยและเจินเจินต่างนอนหลับอยู่ในอ้อมอกของพี่ชายทั้งสอง นางโบกมือเป็นเชิงให้ทั้งสองพาเด็กน้อยกลับไปนอนที่บ้าน ประเดี๋ยวจะไม่สบายเสียก่อน
หลังจากที่พวกเขาพาน้องชายและน้องสาวไปแล้ว ป้าสะใภ้ใหญ่ก็บอกกับชาวบ้านว่า “เป็นพ่อของน้องสาม!”
ปฏิกิริยาแรกของฝูงชนก็คือ พ่อของน้องสามไม่ใช่พ่อของสามีเจ้า? เขาเสียไปตั้งนานแล้ว คิดว่าพวกเราไม่รู้หรือ?
ผู้ใหญ่บ้านเป็นคนแรกที่เข้าใจ เขากล่าวอย่างตะลึงงันว่า “พะ…พ่อแท้ๆ ของน้องสามรึ?”
เรื่องที่อวี๋เซ่าชิงไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของนายท่านสกุลอวี๋นั้นไม่ใช่ความลับ เพียงแต่ว่าผ่านมานานหลายสิบปีแล้ว บุตรชายคนที่สามของสกุลอวี๋ก็ไม่เคยเอ่ยถึงเรื่องตามหาบิดามารดาผู้ให้กำเนิด ดังนั้นทุกคนจึงคิดเพียงว่าบุตรชายคนที่สามของสกุลอวี๋ ก็เป็นคนสกุลอวี๋ ตลอดชีวิตก็เป็นเช่นนั้น
“เอ่อ…” ผู้ใหญ่บ้านตกใจ “ตกลงว่าเกิดอะไรขึ้นหรือ?”
ป้าสะใภ้ใหญ่ตอบว่า “เรื่องมันยาว สรุปแล้วคือ เป็นเพราะมีเกิดเรื่องขึ้น น้องสามจึงพลัดหลงกับครอบครัว”
บอกเป็นนัยได้ว่าอวี๋เซ่าชิงมิใช่เด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง
ป้าสะใภ้ใหญ่พูดต่อ “หลายปีมานี้ครอบครัวของน้องสามตามหาเขามาตลอด สวรรค์ไม่เคยทอดทิ้งคนที่พยายาม ในที่สุดก็หาเจอแล้ว!”
“เรื่องนี้เป็นเรื่องดี เป็นเรื่องใหญ่!” ผู้ใหญ่บ้านรู้สึกตื่นเต้น สองคนที่เขารู้สึกเคารพมากที่สุดในหมู่บ้านนี้ คนแรกคือลุงใหญ่ของอาหวั่น อีกคนหนึ่งก็คือบิดาของอาหวั่น ผู้ใหญ่บ้านอายุมากกว่าบิดาของอาหวั่นไม่กี่ปี เรียกว่ามองดูเขาเติบโตมาตลอดก็ย่อมได้ คนผู้นั้นมีปณิธาน เขาคิดเสมอว่าภายภาคหน้า คนผู้นี้จะต้องได้ทำการใหญ่ เพียงแต่มิได้คาดคิดว่าเขาประสบพบเจอกับเรื่องไม่ปกติมาตั้งแต่เกิดแล้ว บิดาของเขาสามารถ ‘ล้ม’ โจรลักม้าสามสิบคนในเวลาชั่วลัดนิ้วมือเดียวเช่นนี้ เกรงว่าน่าจะเป็นผู้มีความสามารถระดับสูงกระมัง
ผู้ใหญ่บ้านเดินไปยังเบื้องหน้าของพ่อครัวเทพเป้า ยกมือขึ้นคำนับ “จะให้เรียกผู้อาวุโสว่าอย่างไรดี?”
“เป้า (鲍)” พ่อครัวเทพเป้าตอบ
หากผู้จัดการชุยอยู่ที่นี่ ย่อมต้องเดาได้ว่าอีกฝ่ายคือพ่อครัวเทพเป้าซึ่งชื่อเสียงก้องไกลในใต้หล้า ทว่าผู้ใหญ่บ้านนั้นต่างออกไป เขามิได้สนใจเรื่องนี้ จึงไม่เคยได้ยินกิตติศัพท์ของพ่อครัวเทพเป้ามาก่อน คิดเพียงว่าเป็นนามสกุลที่แปลกประหลาดเหลือเกิน
เป้า(抱)?
มีนามสกุลนี้ด้วยรึ?
ผู้ใหญ่บ้านแสดงความขอบคุณด้วยอย่างจริงใจ เกริ่นไปได้เพียงเล็กน้อย ป้าไป๋ซึ่งอยู่ด้านหลังก็เอ่ยขึ้นว่า “หวังหมาจื่อ! หยุดเดี๋ยวนี้นะ! เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น เอ๋?”
เมื่อครู่แม่หม้ายหลิวถูกโจรลักม้ารังแก หวังหมาจื่อรุดเข้าไปใช้ร่างของตนกำบังแม่หม้ายหลิวโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
ในตอนนั้นชาวบ้านกำลังตกใจกลัวสุดขีด มีเพียงหวังหมาจื่อที่แสดงความกล้าหาญ มิได้เห็นแก่ตนเอง กระนั้นเมื่อป้าไป๋ร้องออกมา หวังหมาจื่อก็เผยสีหน้ารู้สึกผิด สีหน้าของฝูงชนก็ค่อนข้างซับซ้อน
หวังหมาจื่อคิดว่าจะแสร้งทำเป็นหูหนวกและเดินออกมา
ป้าไป๋คว้าแขนของเขาเอาไว้ “อย่าเพิ่งไป! อธิบายมาก่อน!”
หวังหมาจื่อเหลือบมองไปยังแม่หม้ายหลิวด้านหลังฝูงชน บุตรสาวของแม่หม้ายหลิวเข้าสู่นิทราไปแล้ว นางกำลังอุ้มบุตรสาวอยู่ นางก้มหน้างุด ทำอะไรไม่ถูก
หวังหมาจื่อร้อนรนจนไม่รู้ว่าจะตอบว่าอย่างไร
ป้าไป๋กล่าวว่า “เจ้าชอบน้องหลิวใช่ไหม? ข้าบอกเจ้าเลยนะ สามีของน้องหลิวไม่อยู่แล้ว แต่นางก็ไม่ได้ถูกรังแกได้ง่ายๆ หากเจ้ากล้าเอาเปรียบนางละก็ ข้านี่แหละจะจัดการเจ้าเป็นคนแรก!”
แม่หม้ายหลิวเป็นภรรยาของจู้จื่อ ครั้นจู้จื่อยังมีชีวิตอยู่ เขาเคยทำงานอยู่ที่บ่อปลา เขาใช้ความรู้เรื่องการเลี้ยงปลาที่พอจะมีอยู่บ้างหาเลี้ยงชีพ ภายหลังถูกจับไปเสริมทัพ บ่อปลาจึงถูกปล่อยร้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]