หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 155

หมอหลวงแห่งราชวงศ์ต้าโจวยกความดีความชอบให้อวี๋หวั่นมากเกินไป หลังจากอวี๋หวั่นจากไปไม่นาน หมอหลวงก็มาถึง และถึงแม้เธอจะไม่ทำอะไร หมอหลวงก็ช่วยเขาได้อยู่ดี ทว่าเขาอ่อนแอผิดปกติ นอนอยู่ร่วมสิบวันถึงครึ่งเดือนกว่าจะลุกจากเตียงได้

พอคิดเช่นนี้ ตนเองก็มีความดีความชอบอยู่ไม่น้อย

อวี๋หวั่นลงจากรถม้า

เด็กชายทั้งสามยื่นหัวออกจากผ้าม่านของหน้าต่าง และใช้สายตาดุร้ายมองศิษย์น้อยหวั่นเฟิง

หวั่นเฟิงตกตะลึงกับสายตาของเด็กน้อยทั้งสาม

“มีอันใดหรือ?” อวี๋หวั่นหันมองตามสายตาของเขา ทันใดนั้นเด็กอ้วนทั้งสามก็สับเปลี่ยนสีหน้าอย่างฉับพลัน เป็นการแสดงออกด้วยท่าทีที่แสนน่ารัก!

อวี๋หวั่นตกหลุมรักในความน่ารักของบุตรชายอีกครั้ง จนแทบไม่อยากออกจากประตู และกอดทั้งสามไว้ในอ้อมแขนพร้อมกับจุ๊บพวกเขา

เมื่ออวี๋หวั่นหันหน้าไปคุยกับหวั่นเฟิง เด็กอ้วนตัวน้อยก็ทำหน้าตาดุร้ายอีกครั้ง!

หวั่นเฟิงตะลึงงันกับท่าทีของเด็กอ้วนทั้งสาม โชคดีที่ราชครูลงมาจากรถ หวั่นเฟิงจึงรีบหันตัวกลับไปพยุงราชครู “ท่านอาจารย์”

สายตาของอวี๋หวั่นตกกระทบกับราชครู

ช้าก่อน นี่ไม่ใช่ผู้อาวุโสที่พบกันด้านนอกสวนชมสัตว์ผู้นั้นเมื่อสองสามวันก่อนหรอกหรือ? มิน่าท่าทางดูไม่เหมือนคนทั่วไป ที่แท้ก็เป็นราชครูของหนานจ้าว

เขามาขอบคุณถึงที่นี่ด้วยตนเองเลยหรือ? เรื่องนั้นก็ผ่านมานานแล้ว เหตุใดก่อนหน้านี้ไม่มา?

ราชครูคำนับอวี๋หวั่นตามธรรมเนียมของต้าโจว

อวี๋หวั่นโค้งกายคำนับเล็กน้อยเป็นการคำนับกลับ

ภาษาต้าโจวกับหนานจ้าวมีความคล้ายคลึงกัน นอกจากมีสำเนียงของตัวเองแล้วก็ไม่มีอุปสรรคสำคัญใดในการสื่อสาร

ราชครูให้หวั่นเฟิงไปขนของขวัญขอบคุณลงมา และเอ่ยกับอวี๋หวั่น “ขอบคุณพระชายาซื่อจื่อในบุญคุณที่ท่านช่วยเหลือ”

“ท่านราชครูเกรงใจเกินไปแล้ว” อวี๋หวั่นพยักหน้าและเอ่ยกับราชครู “ท่านราชครูมาเยี่ยมเยียนถึงที่นี่ ตามหลักแล้วควรเชิญท่านเข้าไปพูดคุยกันด้านในจวน ทว่าท่านราชครูก็คงเห็นว่าข้ากำลังจะออกเดินทาง และซื่อจื่อก็ไม่อยู่ด้วย”

ความหมายก็คือ ท่านมาในเวลาที่ไม่เหมาะสม

หวั่นเฟิงกระแอมในลำคออย่างอึดอัดใจ เขาก็บอกแล้วว่าไม่ควรไปเยี่ยมในเวลานี้ ต้าโจวให้ความสำคัญกับขนบธรรมเนียมมากกว่าหนานจ้าว และได้ยินมาว่าก่อนมาเยี่ยมเยียนถึงบ้านพวกเขาต้องได้รับคำเชิญเสียก่อน ทว่าท่านอาจารย์ก็ยังต้องการมา เขาไม่อาจหยุดยั้งไว้ได้!

ราชครูกล่าว “ไม่เป็นไร ได้ส่งของขวัญขอบคุณให้ก็พอแล้ว”

อวี๋หวั่นมิได้ปฏิเสธ พลันพยักหน้าให้เจียงไห่ เจียงไห่ก้าวไปรับของขวัญขอบคุณในมือของหวั่งเฟิง ทว่าทันใดนั้นลูกปัดก็หลุดออกมาจากแขนเสื้อของหวั่นเฟิงและตกลงไปที่หน้ารองเท้าของอวี๋หวั่น

จุดนี้ไม่สะดวกให้บุรุษสัมผัส สาวใช้ก็ไม่อยู่ อวี๋หวั่นจึงก้มลงหยิบมันขึ้นมา

มันคือลูกปัดขนาดเท่ากำปั้นของทารก เดิมที่มันมีสีขาวมุก ทว่าเมื่ออวี๋หวั่นเก็บขึ้นมา มันก็เปล่งแสงสว่างขึ้นเล็กน้อย

หวั่นเฟิงมองลูกปัดด้วยความงุนงง จากนั้นก็มองไปที่แขนเสื้อของเขา

“นี่” อวี๋หวั่นคืนลูกปัดให้หวั่นเฟิง

“โอ้…ขอบ ขอบคุณมาก” หวั่นเฟิงรับลูกปัดมาด้วยความสับสนและใส่กลับเข้าไปในแขนเสื้อ

หวั่นเฟิงช้อนตามองเส้นผมของอวี๋หวั่น เส้นผมนั้นเงางามดุจผ้าซาติน เป็นมันวาวและนุ่มนวลยามต้องแสงอาทิตย์

หวั่นเฟิงขยับลำคอด้วยความประหม่า

เจียงไห่ก้มหน้าตลอดตั้งแต่ต้นจนจบ

ราชครูกล่าวลา แล้วพาหวั่นเฟิงที่กำลังอยู่ในอาการงงงวยขึ้นรถม้า

หลังจากอวี๋หวั่นให้เจียงไห่นำของขวัญขอบคุณไปฝากไว้ที่องครักษ์ ก็ขึ้นรถม้าเดินทางกลับหมู่บ้าน

“ท่านอาจารย์” หลังจากรถม้าเลี้ยวขับออกมายังถนนที่ผู้คนพลุกพล่านวุ่นวาย หวั่นเฟิงก็หยิบลูกปัดออกมาจากแขนเสื้อ “ไยข้าถึงมีลูกปัดอยู่บนตัว? ลูกปัดอันใดกัน? เมื่อครู่ข้าเห็นมันส่องแสง? เหตุใดมาอยู่ในมือข้าแล้วมันกลับไม่ส่องแสง?”

ราชครูกล่าวว่า “นี่คือลูกปัดกู่ มีเพียงราชันสัตว์พิษเท่านั้นที่จะทำให้มันเปล่งประกายได้”

“รา…ราชันสัตว์พิษ?” เมื่อหวั่นเฟิงนึกถึงภาพลูกปัดส่องแสงในมือของอวี๋หวั่น ดวงตาของเขาก็จ้องมองอย่างตกตะลึง “นางมีราชันสัตว์พิษอยู่ในมือ? ท่านอาจารย์จงใจใส่ลูกปัดบนตัวข้าเพื่อทดสอบนางใช่หรือไม่? ไยท่านถึงทำเช่นนี้?”

ราชครูไม่ได้เอ่ยสิ่งใด

ความสงสัยนับไม่ถ้วนผุดขึ้นในใจของหวั่นเฟิง ในช่วงที่ความคิดสับสนวุ่นวาย ทันใดนั้นประกายความคิดหนึ่งก็สว่างขึ้น “ช้าก่อน ท่านอาจารย์คงไม่ได้…สงสัยว่าของศักดิ์สิทธิ์ของหนานจ้าวจะอยู่ในมือนางกระมัง?”

ราชครูไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธ เพียงแต่หยิบผ้าเช็ดหน้าที่ถูกพับไว้อย่างดีมาคลี่ออกช้าๆ เผยให้เห็นผมยาวเส้นหนึ่งอยู่ด้านใน

หวั่นเฟิงเบิกตากว้าง “นี่…นี่คงไม่ใช่เส้นผมของนางกระมัง”

ท่านอาจารย์ นี่ท่านถนัดสิ่งใดกันแน่?!

หากของศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมืออวี๋หวั่นจริง เช่นนั้นเส้นผมของเธอก็ต้องเปื้อนไปด้วยลมหายใจของของศักดิ์สิทธิ์ ราชันสัตว์พิษที่อยู่ในมือเธอจะเป็นสิ่งที่พวกเขากำลังตามหาอยู่หรือไม่ ราชครูมีวิธีของตนเอง

รถม้าแล่นไปบนถนนสายหลักอย่างราบรื่น เด็กอ้วนทั้งสามรู้สึกง่วงทันทีที่ขึ้นบนรถม้าแทบจะกลายเป็นกฎที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้

เมื่อเจียงไห่แน่ใจว่าเด็กน้อยทั้งสามหลับไปแล้ว เขาก็ขับรถม้าไปพลางกระซิบกับอวี๋หวั่น “ฮูหยิน ลูกปัดเม็ดนั้นมีบางอย่างแปลกๆ”

“ข้าเห็นแล้ว มันส่องแสงในมือข้า ทว่าไม่ส่องแสงในมือของหวั่นเฟิง” แม้ว่าหวั่นเฟิงจะรีบเก็บมันอย่างรวดเร็ว ทว่าไม่อาจรอดพ้นสายตาอันเฉียบคมของเธอ

เจียงไห่มุ่นขมวดคิ้ว “ฮูหยินคุ้นเคยกับเด็กนั่นหรือขอรับ?”

อวี๋หวั่นตอบอย่างไม่ใส่ใจ “เคยพบกันสองครั้งเท่านั้น”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]