หลังจากเข้าเรียนได้เพียงสองเดือนก็ได้อันดับที่หนึ่งของชั้น นอกจากจ้าวเหิง เขาคือบัณฑิตคนที่สองที่ทำให้สำนักบัณฑิตเกิดคลื่นลมได้ แม้ว่าก่วงเยี่ยถังห้องสองจะเป็นชั้นเรียนที่แย่ที่สุดในกั๋วจื่อเจียน แต่ก็ไม่สามารถต้านทานการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของอวี๋ซงได้ เบื้องหลังที่เกี่ยวข้องกับอวี๋ซงจึงถูกผู้คนขุดคุ้ยขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
ชาวนาจากหมู่บ้านเหลียนฮวา!
พี่ภรรยาของเยี่ยนจิ่วเฉา!
และอดีตพี่ภรรยาจ้าวเหิง!
เอ่อ…
ทันใดนั้นทุกคนก็หันเหความสนใจ จากเรื่องที่อวี๋ซงเพิ่งเข้ามาเรียนได้เพียงไม่กี่วันก็ได้อันดับหนึ่ง กลายมาเป็นเรื่องของน้องสาวอวี๋ซงที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นคู่หมั้นของจ้าวซิ่วไฉ
“จริงรึ? จ้าวซิ่วไฉกับพระชายาซื่อจื่อ?”
“จะมิใช่เรื่องจริงได้อย่างไร? หากเจ้าไม่เชื่อ ก็ลองไปถามคนอื่นดู ว่าพระชายาซื่อจื่อมาจากหมู่บ้านเหลียนฮวาหรือไม่? แล้วจ้าวเหิงเคยมาจากหมู่บ้านเหลียนฮวาหรือไม่?”
“แม้จะอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน…ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาเคยกำหนดแต่งงานกันนี่นา?”
“เรื่องนี้แพร่กระจายไปทั่วกั๋วจื่อเจียน มีเพียงเจ้าที่ยังเอาแต่สงสัย!”
ขณะที่อวี๋ซงกำลังไปทานอาหารที่โรงอาหาร ก็ได้ยินเสียงคนกลุ่มหนึ่งสนทนากันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ คนเหล่านั้นยังกล่าวต่อไปอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว กระทั่งมีคนหนึ่งในกลุ่มที่เห็นว่าอวี๋ซงกำลังจ้องมาที่พวกเขา คนทั้งกลุ่มจึงได้เงียบลง ทำทีราวกับไม่รู้ไม่ชี้
หวังต้าไฉเพื่อนร่วมห้องของอวี๋ซงกล่าว “อย่าไปสนใจพวกเขาเลย คนพวกนี้แค่มีเวลาว่างไม่มีสิ่งใดให้ทำ ข้าไม่เชื่อหรอกว่าน้องสาวของเจ้าเคยมีสัญญาการแต่งงานกับจ้าวเหิง”
“เคยมี” อวี๋ซงกล่าว
หวังต้าไฉสะดุ้ง “เอ่อ…”
อวี๋ซงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ทว่าจ้าวเหิงนั่นไม่คู่ควรกับน้องสาวข้า เราจึงยกเลิกการแต่งงาน”
“ทว่าพวกเขาบอกว่า…” หวังต้าไฉเอ่ยไปได้เพียงครึ่งหนึ่ง หลี่หยวนเป่าเพื่อนร่วมห้องอีกคนก็ส่งสายตาขัด
หลี่หยวนเป่าส่งสายตาให้เขา เจ้าโง่! วาจาเช่นนี้ก็ยังกล่าวได้หรือ?
หวังต้าไฉหุบปากลงอย่างขุ่นเคือง
อวี๋ซงกล่าวอย่างเย็นชา “พวกเขาบอกว่าน้องสาวของข้าบกพร่องในคุณธรรม จ้าวซิ่วไฉจึงยกเลิกการแต่งงานกับน้องสาวของข้าใช่หรือไม่?”
หวังต้าไฉเกาหัว “ไอ้หยา เจ้าอย่าได้เก็บไปใส่ใจเลย…”
ว่ากันว่าคุณค่าสิ่งใดก็ไม่อาจเทียบการเรียนได้ เมื่ออวี๋ซงมาที่กั๋วจื่อเจียนก็เพิ่งได้รู้ว่าผู้ร่ำเรียนเหล่านั้นส่วนมากคิดว่าตนเองบริสุทธิ์และสูงส่ง ทำตัวไม่กลัวฟ้า ไม่กลัวดิน ไม่รักเงินทองไม่หลงอำนาจ และมีความรู้เท่านั้น เริ่มแรกอวี๋ซงชื่นชมพวกเขาจากก้นบึ้งของหัวใจ แต่หลังจากอยู่ด้วยกันมานานก็เริ่มเห็นวิธีบางอย่าง แค่กินองุ่นไม่ได้ ก็เลยบอกว่าองุ่นเปรี้ยวเท่านั้น ยกย่องจ้าวเหิงก็เพราะจ้าวเหิงเรียนจากตำรา และพวกเขาก็กำลังเรียนอยู่เช่นกัน เมื่อคิดได้ดังนี้ การตามจ้าวเหิงให้ทันเป็นสิ่งที่ง่ายที่สุด ให้พวกเขาไปยกย่องอวี๋ซงที่มีสายสัมพันธ์เช่นนั้น พวกเขาเปลี่ยนแปลงชาติกำเนิดได้หรือ? พวกเขาสามารถเปลี่ยนให้มีน้องสาวแบบอวี๋หวั่นได้หรือ? สามารถมีอาแบบอวี๋เซ่าชิงได้อีกหรือ? และสามารถให้ฮ่องเต้ประทานรางวัลให้ด้วยพระองค์เองได้หรือ?!
“อวี๋ซง เจ้าอย่าโกรธอีกเลย” หลี่หยวนเป่าพยายามโน้มน้าว
“ข้าทำไม่ได้” อวี๋ซงกล่าว
ตั้งแต่เห็นน้องสาวขอโทษท่านอาจารย์อย่างนอบน้อม เขาก็แอบสาบานว่าจะไม่ทำให้เธอเดือดร้อนอีก
ทุกคนต่างโน้มไปหาจ้าวเหิง มิใช่เพราะจ้าวเหิงเป็นอันดับหนึ่งในสำนักบัณฑิตกั๋วจื่อเจียนหรอกหรือ?
รอดูวันใดที่เขาไม่ใช่ จะยังมีสักกี่คนที่โน้มไปหาเขา!
อวี๋ซงถือชามข้าวเดินจากไป
“เด็กผู้นี้นี่อย่างไร?” หลี่หยวนเป่าถามด้วยความงงงวย
หวังต้าไฉเกาหัว “ข้าก็ไม่รู้ แต่รู้สึกว่ารัศมีที่ออกจากตัวเขาดูแข็งแกร่งขึ้นมาก…”
อวี๋ซงกำหมัดแน่น เขาต้องการเหนือกว่าจ้าวเหิง หากหนึ่งวันไม่ได้ก็หนึ่งเดือน หนึ่งเดือนไม่ได้ก็หนึ่งปี ปีแล้วปีเล่า เขาจะสอบไปเรื่อยๆ ต้องมีวันหนึ่ง ที่จะได้เหยียบเจ้าสารเลวจ้าวเหิงลงไปในโคลน!
………………
วันที่ห้าเดือนเจ็ด สำนักบัณฑิตหยุดเรียนสองวันเนื่องจากอากาศร้อน
อวี๋หวั่นและเยี่ยนจิ่วเฉาพาเขากลับไปที่หมู่บ้านเหลียนฮวา
ทันทีที่คะแนนของอวี๋ซงประกาศในวันแรก อวี๋หวั่นก็ให้เจียงไห่กลับไปส่งข่าวดีที่หมู่บ้านแล้ว ป้าสะใภ้ใหญ่ตื่นเต้นจนนอนไม่หลับทั้งคืน นางซึ่งเป็นคนตระหนี่ถี่เหนียว กลับลุกขึ้นมาฆ่าเป็ดไก่มากมายอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เพื่อนำมาเลี้ยงคนงานในโรงงานและคนงานเหมือง
“อ้าว อาเซียงก็มาซักผ้าด้วยรึ” รุ่งอรุณ ป้าจางนั่งยองๆ ใช้ไม้ตีผ้าอยู่ข้างบ่อน้ำโบราณ พลางเอ่ยทักทายป้าสะใภ้ใหญ่ที่เดินมาพร้อมกะละมังไม้
อันที่จริงยามนี้ก็ไม่เช้านัก ตำแหน่งดีๆ ถูกคนจับจองไปหมดแล้ว วันอื่นๆ ป้าสะใภ้ใหญ่ไม่ได้มาสายเช่นวันนี้
“มา ตรงนี้” ป้าจางนำกะละมังเล็กใส่ลงในกะละมังใหญ่ และให้ป้าสะใภ้ใหญ่นั่งที่ของนาง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]