หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 183

รถม้าเคลื่อนมาถึงจวนสกุลเห้อเหลียน

ทุกคนต่างมีเรื่องในใจ ไม่มีใครมีกะจิตกะใจชมทัศนียภาพของเมืองหลวง และมิได้ใส่ใจมองจวนสกุลเห้อเหลียนอย่างละเอียด

เห้อเหลียนเป่ยหมิงเข้าไปรายงานฮูหยินผู้เฒ่า

พวกเขานั่งรออยู่บนรถม้า แต่ละคนล้วนมีสีหน้าหนักใจ

ตลอดทางมาที่นี่ ยิ่งเห็นว่าเห้อเหลียนเป่ยหมิงมีพลังอำนาจเพียงใด ก็ยิ่งล้มเลิกความคิดที่จะหลบหนี ทางรอดเดียวของพวกเขาก็คือทำให้ฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเห้อเหลียนยอมรับว่าอวี๋หวั่นเป็นหลาน

ถ้าหากอวี๋หวั่นเป็นหลานแท้ๆ ของอีกฝ่ายก็ว่าไปอย่าง แต่อวี๋หวั่นเป็นหลานตัวปลอม นั่นทำให้ทุกคนอดกังวลไม่ได้

เจียงไห่ถอนหายใจยาวๆ เฮือกหนึ่ง “ที่จริงแล้วจะทำเช่นนี้ไม่ได้ ประเดี๋ยวข้าจะขวางพวกเขาเอาไว้ ชิงเหยียนกับเยว่โกวพวกเจ้าพาคุณชาย ฮูหยิน แล้วก็อาม่าหนีไป”

ชุยเฒ่า: แล้วข้าละ?!

เยว่โกวซึ่งนั่งเงียบมาตลอดทางเอ่ยปากว่า “ข้ามีแรงมาก ข้าถ่วงพวกเขาไว้เห็นจะเหมาะสมกว่า พวกเจ้าหนีไปซะ”

ชิงเหยียนมองทั้งสอง “หนีไปไหนไม่ได้หรอก ตอนนี้พวกเราเข้ามาในจวนเห้อเหลียนแล้ว พวกเจ้ายังคิดจะหนีอีกหรือ?”

ทุกคนเงียบลงพร้อมกัน “…”

อวี๋หวั่นยิ้ม กล่าวว่า “พวกเจ้าอย่าได้กังวลไป ข้าเอาใจผู้ใหญ่เก่ง ขอเพียงฮูหยินผู้เฒ่าชอบข้า ไม่แน่ว่าอาจจะยอมรับข้าก็ได้”

นี่เป็นความจริง อย่าว่าแต่ผู้ใหญ่สกุลอวี๋ บรรดาลุงๆ ป้าๆ ในหมู่บ้าน มีใครไม่ชอบอวี๋หวั่นบ้างเล่า? ทุกคนล้วนพูดกันว่าเด็กคนนี้โตแล้วรู้ความ มีความสามารถ ไม่เย่อหยิ่งจองหอง เชี่ยวชาญทั้งการค้าและการแพทย์ จิตใจดี หน้าตาสะสวย ในแถบนี้ไม่มีผู้ใดโดดเด่นเท่านาง

ถ้าหากบอกว่าเหตุผลที่ชาวบ้านชื่นชอบอวี๋หวั่นเป็นเพราะความรู้จักมักคุ้น เช่นนั้นซั่งกวนเยี่ยนและฮูหยินผู้เฒ่าสกุลเซียวซึ่งแต่ไหนแต่ไรมามิได้รู้จักอวี๋หวั่นมาก่อนก็ยังเอ็นดูอวี๋หวั่น ก็เพียงพอที่จะบอกได้แล้วว่านี่คือเสน่ห์ของอวี๋หวั่น

เด็กคนนี้พูดเอาไว้ไม่ผิด ไม่แน่ว่าฮูหยินผู้เฒ่าอาจจะชอบตน และยอมรับว่าเป็นหลานสาวก็ได้

ฮูหยินผู้เฒ่าไม่รู้เรื่องที่เห้อเหลียนเป่ยหมิงไปไหว้หลุมศพน้องชาย เพียงแต่คิดว่าเขาไปเยี่ยมเยียนหลานชายเหมือนปีก่อนๆ ฮูหยินผู้เฒ่านั่งอยู่ในห้องอย่างเบื่อหน่าย ไม่กินไม่ดื่ม นี่เป็นสัญญาณของอาการป่วย

อาการป่วยของฮูหยินผู้เฒ่านั้นไม่แน่นอน บางครั้งก็เศร้าสร้อย กินไม่ได้นอนไม่กลับ บางครั้งก็เลอะเลือน พูดจาไม่รู้เรื่อง บางครั้งก็นั่งนิ่งๆ ราวกับไร้จิตวิญญาณ

เมื่อบ่าวแจ้งว่าเห้อเหลียนเป่ยหมิงมาถึงแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่าก็ไม่มีปฏิกิริยาโต้ตอบ

เมื่อเห้อเหลียนเป่ยหมิงเดินเข้าไปและพูดเรื่องของ ‘น้องชาย’ ฮูหยินผู้เฒ่าจึงจะมีปฏิกิริยาตอบสนอง

แต่นั่นก็เป็นระยะเวลาเพียงครู่เดียว จากนั้นนางก็มองออกไปนอกหน้าต่างอีก

เห้อเหลียนเป่ยหมิงรู้ดีว่าหลายปีมานี้มี ‘น้องชาย’ มาหาบ่อยครั้งเหลือเกิน จนฮูหยินผู้เฒ่าไม่เชื่อแล้วว่าเขาจะพา ‘น้องชาย’ มาได้จริงๆ

“ท่านแม่ไปดูสักหน่อยเถิด” เห้อเหลียนเป่ยหมิงกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “หากไม่ใช่คนจากบ้านของน้อง ข้าก็จะจับเขาออกไป”

ฮูหยินผู้เฒ่าเบ้ปาก และเดินออกไปยังโถงบุปผาพร้อมกับเห้อเหลียนเป่ยหมิง

อวี๋หวั่นและคนอื่นๆ เพิ่งจะถูกนำตัวเข้ามา

นี่เป็นครั้งแรกที่อวี๋หวั่นได้พบหน้าฮูหยินผู้เฒ่าแห่งสกุลเห้อเหลียนซึ่งเป็นที่เล่าขาน อีกฝ่ายสวมกระโปรงสีกลีบบัว

เสื้อผ้าไหมสีเลือดหมู ผมสีดอกเลาเกล้าขึ้นไปเป็นมวยเดี่ยว ปิ่นปักผมหยกประดับอัญมณี ทั้งยังสวมผ้าคาดศีรษะลายและสีเดียวกับเสื้อ สีหน้าของนางไม่สู้ดีนัก ทว่าท่าทางของนางสง่างามสมกับเป็นชนชั้นสูง

สาวใช้หน้าตาสะสวยคนหนึ่งค่อยๆ พยุงฮูหยินผู้เฒ่าเข้ามา

อวี๋หวั่นรู้ว่าช่วงเวลาตัดสินชะตาชีวิตของเธอได้มาถึงแล้ว จะเป็นหรือตายล้วนขึ้นอยู่กับว่าเธอจะผ่านด่านนี้ไปได้หรือไม่

อันที่จริงเห้อเหลียนเป่ยหมิงให้ของสำหรับยืนยันตัวตนกับเธอแล้ว เป็นห่อผ้าที่ใช้ห่อน้องชายขณะที่ยังเป็นทารก กระนั้นก็ได้ยินว่าเขาได้ให้ของยืนยันตัวตนแก่ ‘น้องชาย’ ที่มาทุกคน แต่ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ยอมรับใครเลยสักคน

เพราะฉะนั้นเห้อเหลียนเป่ยหมิงจึงไม่รู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าใช้สิ่งใดมาตัดสินว่าคนเหล่านั้นเป็นตัวปลอม

‘บางทีอาจเป็นเพราะเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ’

นี่เป็นคำพูดของเห้อเหลียนเป่ยหมิง

หากเป็นเช่นนั้น โอกาสที่อวี๋หวั่นจะทำสำเร็จนั้นมีน้อยมาก แต่ในเมื่อได้ยิงศรออกแล้วแล้วย่อมไม่อาจย้อนคืน อวี๋หวั่นสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วใช้ผ้าเช็ดหน้าทาพริกเอาไว้มาเช็ดเบาๆ ที่ขอบตา ตาแดงๆ ของเธอมองไปยังฮูหยินผู้เฒ่า “ท่านย่า…”

จากนั้นฮูหยินผู้เฒ่าก็เดินมา

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังมองมา อวี๋หวั่นก็บีบน้ำตาร้องไห้ยิ่งกว่าเดิม ความสามารถทางการแสดงของเธอเทียบไม่ได้ครึ่งหนึ่งของนางเจียง อาม่า ชิงเหยียนและคนอื่นๆ ต่างเบือนหน้านี้ ไม่อาจทนดูต่อไปได้…

ไหนเลยจะรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าสะบัดมือออกจากสาวใช้ในทันใด และเดินเข้ามาด้วยความตกตะลึง

ฮูหยินผู้เฒ่ายื่นมือออกมา นั่นเป็นท่าทางของความตื่นเต้น หมายความว่านางได้พบกับญาติที่พลัดพรากจากกันแล้ว!

ความดีใจพลันถาโถมอยู่ในใจของอวี๋หวั่น เธอยื่นมือออกไปหาฮูหยินผู้เฒ่า “ท่านย่า…”

แต่ฮูหยินผู้เฒ่ากลับเดินผ่านเธอไป…

อวี๋หวั่น “…”

“หลานชายข้า…”

อวี๋หวั่นตื่นตะลึง ใคร…ใครเป็นหลานชายของท่าน?

อวี๋หวั่นหันหลังกลับไปมอง ก็เห็นว่าฮูหยินผู้เฒ่ากำลังร่ำไห้พลางกอดสามีของเธอ

เยี่ยนจิ่วเฉาซึ่งกำลังมึนงง “…”

คนอื่นๆ ที่งงยิ่งกว่าเยี่ยนจิ่วเฉา “…”

เห้อเหลียนเป่ยหมิงตกใจจนอ้าปากค้าง เขาไม่คาดคิดเลยว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น ไม่เหมือนกับที่จินตนาการเอาไว้เลยสักนิด…

“กะ…เกิดอะไรขึ้นกัน?” ชุยเฒ่ากระซิบถามอวี๋หวั่น

อวี๋หวั่นกัดฟันแล้วตอบว่า “ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเกิดอะไรขึ้น? ข้างงกว่าท่านเสียอีก!”

อวี๋หวั่นจดจำทุกอย่างที่ฮูหยินผู้เฒ่าชอบและไม่ชอบ จำจนสมองแทบระเบิด ส่วนเยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้ทำอะไรเลย กินแล้วก็นอน นอนแล้วก็กิน แต่เมื่อมาถึงตอนนี้ เขากลับกลายเป็น ‘หลานชาย’ ของฮูหยินผู้เฒ่าไปได้?!

ทำไมเขาถึงเป็นผู้โชคดีจากเหตุการณ์นี้ไปได้?!

ชุยเฒ่ากระแอม “อะแฮ่ม ข้าว่าฮูหยินผู้เฒ่า ท่านไม่ได้จำคนผิดหรอกใช่ไม่ขอรับ? เขาไม่ใช่หลานชายของท่านนะขอรับ”

ฮูหยินผู้เฒ่ากอดเยี่ยนจิ่วเฉาแน่น นางหันมาทำตาขวางใส่ชุยเฒ่า “ข้าไม่ได้จำคนผิด! เขาหน้าตาดีที่สุด! ย่อมต้องเป็นหลานข้า!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]