พวกเขาลงจากรถม้ากลับไปยังบ้านหลังเก่า
พวกเขากินอาหารเย็นมาแล้ว ทว่าป้าสะใภ้ใหญ่กับนางเจียงยังไม่กิน เพราะรอให้พวกเขากลับมา พวกเขาจึงกินอาหารกับทั้งสองอีกครั้ง
ป้าสะใภ้ใหญ่ทำเต้าหู้ผัดหอมแดง หมูตุ๋นฟองเต้าหู้ ซุปหน่อไม้หมูรมควัน และเครื่องเคียงอีกสองสามอย่าง
“ท่านป้าสะใภ้นั่งลงเถิด ข้าไปเอง” อวี๋หวั่นเดินไปที่ห้องครัว หยิบชามและตะเกียบในมือของนาง
ป้าสะใภ้ใหญ่ผลักมือเธอออก “ไปนั่งเถิด เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”
อวี๋หวั่นยิ้ม “ท่านเอ่ยราวกับท่านอยู่บ้านเฉยๆ อย่างนั้นล่ะ”
ป้าสะใภ้ใหญ่ยุ่งกับงานบ้านและธุรกิจของโรงงานจนแทบไม่ได้พัก
อวี๋หวั่นยืนกรานจะรับชาม
“เด็กคนนี้นี่!” ป้าสะใภ้ใหญ่ส่งสายตาดุ
“เจินเจินถือไว้” เด็กหญิงตัวน้อยยืนเขย่งเท้า
ป้าสะใภ้ใหญ่ยื่นชามให้ นางแบกไปที่ห้องโถงด้วยท่าทางน่าขบขัน
“เอ๋ เถี่ยตั้นน้อยล่ะ?” อวี๋หวั่นถาม เธอเข้าไปในห้อง ทว่ากลับไม่เห็นหนุ่มน้อยที่นับวันยิ่งติดเธอขึ้นเรื่อยๆ น่าแปลกยิ่งนัก
นางเจียงยิ้มไม่เอ่ยสิ่งใด
ป้าสะใภ้ใหญ่คีบหมูสามชั้นติดมันอย่างดีชิ้นหนึ่งให้นางเจียง “เขาโกรธเจ้าแล้ว!”
อวี๋หวั่นเลิกคิ้วแปลกใจ “โกรธ? เรื่องใดกัน?”
ว่ากันว่าชาวนามักกินจุ แม้พวกเขาจะกินมาจากในเมืองแล้ว ทว่าเมื่ออยู่บนโต๊ะอาหาร ผู้ชายทุกคนก็มาพร้อมกับข้าวชามโต อวี๋ซงกินหมดสามชามในคราวเดียวแต่ก็ยังอยากกินมากกว่านี้ เมื่อเหลือบไปเห็นอวี๋หวั่น จึงค่อยๆ วางชามและตะเกียบลง
อวี๋หวั่นไม่ค่อยหิว เธอกินน้ำแกงเพียงเล็กน้อยและไปหาเถี่ยตั้น
เถี่ยตั้นน้อยนอนอยู่ข้างเตียงอวี๋เฟิง ก้นเล็กของเขาโด่งขึ้น ศีรษะมุดอยู่ในอ้อมแขนทำทีไม่สนใจ
อวี๋หวั่นเดินมาข้างหลังอย่างแผ่วเบา และเรียกเถี่ยตั้นน้อย
เถี่ยตั้นน้อยกลับยิ่งมุดแน่นกว่าเดิม
อวี๋หวั่นตบก้นเล็กๆ “เหตุใดหรือ? เจ้าโกรธพี่จริงๆ หรือ?”
เถี่ยตั้นน้อยมุดศีรษะลงกับมือข้างหนึ่ง อีกข้างยื่นไปปัดมือของอวี๋หวั่นที่ด้านหลัง
ไอ้หยา ไม่ยอมให้เธอแตะตัวด้วยซ้ำ
อวี๋หวั่นไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ เธอดึงตัวเถี่ยตั้นน้อยที่กำลังบูดบึ้งขึ้นมา เถี่ยตั้นน้อยดิ้นรนขัดขืน ทว่าไหนเลยจะเป็นคู่ต่อสู้ของอวี๋หวั่นได้? ไม่นาน อวี๋หวั่นก็ดึงเขาขึ้นมาได้สำเร็จ
อวี๋หวั่นก้มลงมองเขา
เขาสะบัดหน้าด้วยความโกรธ!
อวี๋หวั่นทำเสียงจิ๊จ๊ะ บีบใบหน้าเล็กสีแทนเพราะแดดเผาของเขา “ยังจะสะบัดหน้าใส่ข้าอีก รู้รึไม่ว่าเจ้าตีก้นของเจ้าเอง?”
เถี่ยตั้นน้อยโกรธเกรี้ยว “ท่านตีสิ ท่านตีสิ!”
อวี๋หวั่นคลี่ยิ้มมองเขา “พูดได้แล้วรึ?”
เถี่ยตั้นน้อยกอดอกแน่นพร้อมหันหน้าหนี “หึ!”
“เจ้าโกรธพี่เรื่องใด? เจ้าต้องบอกพี่ ไม่เช่นนั้นคราหน้า หากพี่ทำผิดซ้ำ เจ้าก็จะโกรธอีกมิใช่หรือ?” อวี๋หวั่นพยายามโน้มน้าว
เถี่ยตั้นน้อยรู้สึกว่าพี่สาวมีเหตุผล จึงหันหน้ามาบอกกับอวี๋หวั่นอย่างขมขื่น “ผู้ใดให้ท่านไปข้างนอกแล้วไม่พาข้าไปด้วย!”
“เรื่องนั้นสินะ…” อวี๋หวั่นลืมไปว่าหนุ่มน้อยผู้นี้หลงรักการเดินทาง อวี๋หวั่นยิ้มในใจ พลันเอ่ยด้วยสีหน้าหมดหนทาง “เจ้าโทษพี่ไม่ได้ ตอนจะเดินทางพี่เรียกเจ้าแล้ว ผู้ใดให้เจ้าหลับสนิทขนาดนั้น พี่เรียกแล้วก็ไม่ตื่น”
“ข้า…ข้า…ข้าทำเช่นนั้นที่ไหนกันเล่า?” ใบหน้าเถี่ยตั้นน้อยเปลี่ยนเป็นสีแดง
พี่สาวผู้ชั่วร้ายยังคงกล่าวโทษเขา “ที่ผ่านมาไม่ใช่ว่าเจ้าตื่นเองหรือ? ครานี้เจ้าไม่ตื่น พี่จึงคิดว่าเจ้าไม่อยากไป”
“โอ้ย ข้าอยากไป ข้าอยากไป!” เถี่ยตั้นน้อยกระทืบเท้าปึงปัง
ภายในใจอวี๋หวั่นกำลังหัวเราะอย่างสะใจ เหตุใดเด็กช่างหลอกง่ายดาย?
น้องชายกำลังจะร้องไห้ ก็ยังแกล้งเขาด้วยความรู้สึกสนุก
ฉันเป็นพี่สาวที่ชั่วร้ายเสียจริง
อวี๋หวั่นล้อเล่นกับเขาพอสมควร จึงชี้ไปที่ห้องโถงแล้วเอ่ยว่า “เช่นนั้นถามพี่รองของเจ้าว่าวันพรุ่งนี้เขาดูแลเจ้าได้หรือไม่ แล้วพี่จะพาเจ้าไปด้วย”
“ใยต้องเป็นข้า?” อวี๋ซงเอ่ยด้วยความไม่พอใจ
“เพราะท่านช่วยแบ่งเบางานไม่ได้อย่างไรล่ะ” เถี่ยตั้นน้อยพูดจี้ใจดำ
อวี๋ซงที่ถูกน้องชายตนเองดูถูก “…”
อวี๋เฟิงได้ฝีมือการทำอาหารมาจากบิดาอยู่บ้าง ยามที่ทำก็ดูมีแวว ทว่าอวี๋ซงไม่เหมือนพี่ชายที่ต้มหรือผัดได้ ไม่เหมือนอวี๋หวั่นที่ใช้มีดหั่นเนื้อได้ การมีอยู่ของเขาช่างไร้ประโยชน์ ไม่แปลกที่จะถูกส่งไปดูแลเถี่ยตั้นน้อย ทว่าคนตัวโตเช่นเขา ใยจึงถูกเด็กน้อยดูหมิ่นดูแคลนได้?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]