ป้าสะใภ้ใหญ่ส่งสายตาให้บุตรชายทั้งสอง อวี๋เฟิงนั่งยอง อวี๋ซงพยุงท่านพ่อมาบนหลังของพี่ชาย แล้วเดินกลับบ้านไปพร้อมกัน
ป้าสะใภ้ใหญ่อยู่ช่วยอวี๋หวั่นเก็บกวาดถ้วยชามห้องกินอาหาร จากนั้นจึงอุ้มบุตรสาวซึ่งกำลังหลับปุ๋ยกลับบ้านไป
นางเจียงพยุงอวี๋เซ่าชิงไปถึงเตียง ในตอนที่นางกำลังจะลุกขึ้นนั้นเอง อวี๋เซ่าชิงซึ่งเมาไม่ได้สติก็ดึงนางเอาไว้ จนนางล้มลงไปนอนข้างกายของเขา
อวี๋เซ่าชิงลืมตาขึ้น นัยน์ตาของเขามิได้มีความเมามายหลงเหลืออยู่ เขามองไปยังภรรยาซึ่งเขาถวิลหาทุกค่ำคืน ฝ่ามือร้อนจับลงบนบั้นเอวนุ่ม ลูกกระเดือกขยับขึ้นลง แล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำแหบพร่าว่า “อาซู ข้าคิดถึงเจ้า”
นางเจียงขวยเขิน นิ้วเรียวขยับเป็นวงกลมบนอกของเขา
อวี๋เซ่าชิงถูกกระตุ้นจนสติเตลิดไปไกล ในสมองคิดเพียงว่าปรารถนานางเหลือเกิน ทว่าเขากลับต้องยับยั้งตนเอง ไม่ควรรีบร้อนเกินไป ไม่พบหน้ากันมาเสียนาน ไม่ว่าอย่างไรก็ควรจะเอ่ยคำหวานกับอาซูสักหน่อย ไม่เช่นนั้นหากมาถึงแล้วลงมือทำเรื่องพรรค์นั้นทันที ก็คงจะเป็นบุรุษเส็งเคร็งไปหน่อยกระมัง?
“อาซู…” ยังไม่ทันพูดจบ นางเจียงก็ถอดเสื้อผ้าออกอย่างฉับไว!
อวี๋เซ่าชิงซึ่งถูกถอดเสื้อผ้าออกจนหมด “…”
อวี๋เซ่าชิงซึ่งถูกทำอย่างนั้นอย่างนี้ “…”
……
ในหมู่บ้าน แม้แต่วัวสักตัวก็พบเห็นได้ยากยิ่ง หน้าบ้านของอวี๋หวั่นกลับมีม้าศึกสูงสง่าหนึ่งตัว
“เป็นม้าศึก!” เถี่ยตั้นน้อยตบอก โอ้อวดกับเพื่อนๆ ว่า “เมื่อวานข้าได้ขี่มันด้วยแหละ! วิ่งเร็วมาก!”
“ว้าว!”
นัยน์ตาของเด็กๆ ทั้งหลายล้วนเต็มไปด้วยความรู้สึกอิจฉา
ทุกคนในหมู่บ้านที่ถูกจับเข้ากองทัพไปล้วนส่งข่าวคราวกลับมา มีเพียงบิดาของเถี่ยตั้นน้อยที่ไม่เคยส่งข่าวคราวกลับบ้าน ดังนั้นทุกคนในหมู่บ้านต่างคิดว่าเถี่ยตั้นน้อยไม่มีพ่อ แต่บัดนี้พวกเขาล้วนรู้สึกอิจฉาเถี่ยตั้นน้อยจับใจ
“เถี่ยตั้น พ่อเจ้าสุดยอดมาก!” สือโถวพูด
“แน่นอนอยู่แล้ว!” เถี่ยตั้นน้อยยืดอก
“เจ้าให้พวกเราขี่ม้าของพ่อเจ้าได้หรือไม่?” โก่ววาจื่อซึ่งอายุน้อยกว่าเถี่ยตั้นหนึ่งปีเอ่ยขึ้น
“ทำ…ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก!” เถี่ยตั้นน้อยเอ่ยขึ้นด้วยความลังเล
“ขี้งก!” โก่ววาจื่อเบ้ปาก
มิตรภาพของเด็กก็เป็นเช่นนี้ ก่อนหน้านี้เรียกขานว่าพี่น้อง ผ่านไปอีกชั่วลัดนิ้วมือกลับทะเลาะกันเสียอย่างนั้น เด็กๆ ส่งเสียงจ้อกแจ้กจอแจ ในตอนนั้นเอง อู๋ซันก็หาหมู่บ้านเหลียนฮวาพบจนได้
เมื่อวานอวี๋เซ่าชิงรีบร้อนออกมา มิทันได้นำสัมภาระมาด้วย อู๋ซันจึงนำกล่องของมาส่งให้อวี๋เฒ่า ด้านในบรรจุของขวัญซึ่งอวี๋เซ่าชิงซื้อมาให้ครอบครัว เป็นเพราะเขาไม่รู้ว่าตนเองมีบุตรชาย จึงไม่มีของขวัญของเถี่ยตั้นน้อย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้เถี่ยตั้นน้อยโกรธจัด!
เถี่ยตั้นน้อยกระทืบเท้า “ไม่อยากให้ข้าเรียกท่านว่าท่านพ่อแล้วใช่ไหม?”
อวี๋หวั่นบีบหูน้อยๆ ของเถี่ยตั้น “ของเจินเจินก็ไม่มีนะ เจ้าเกิดมาช้าไปหน่อย ท่านพ่อไม่รู้”
เถี่ยตั้นน้อยปวดใจจนร้องไห้โฮ “ทำไมต้องให้ข้าเกิดมาช้าด้วยเล่า…”
อวี๋เซ่าชิงไม่รู้จะทำอย่างไร “พ่อจะเข้าเมืองหลวงไปซื้อให้เจ้า ซื้อให้สองชิ้นเลย!”
…….
อู๋ซันไม่คิดว่าอวี๋เซ่าชิงจากบ้านไปหกปี เมื่อกลับมาจะมีลูกชายเพิ่มมาอีกคนหนึ่ง เจ้าเด็กน้อยหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับอวี๋เฒ่า เมื่อเห็นอวี๋เซ่าชิงคนขึงขังต้องมาเค้นสมองปลอบเด็กเช่นนี้ อู๋ซันคิดแล้วก็อยากจะขำ
อวี๋เฒ่านะอวี๋เฒ่า เจ้ายังมีวันนี้!
อู๋ซันเป็นพี่น้องร่วมเป็นร่วมตายกันในสนามรบของอวี๋เซ่าชิง อวี๋หวั่นก็ต้องต้อนรับเขาเป็นอย่างดี นางเจียงออกมากล่าวทักทาย เพียงแต่ว่านางเจียงซึ่งป่วยกระเสาะกระแสะ วันนี้กลับดูมีเรี่ยวมีแรง ใบหน้าอิ่มเอิบเป็นพิเศษ
“น้องอู๋” นางเจียงเอ่ยทักทายอย่างอ่อนโยน
อู๋ซันตกตะลึงไปชั่วขณะหนึ่ง พี่สะใภ้ของเขางดงามประหนึ่งเทพเซียนก็ไม่ปาน มิน่าเล่าอวี๋เฒ่าไม่แม้แต่จะชายตามององค์หญิงซยงหนู ยอดหญิงงามของเฉ่าหยวนสิบคนมารวมกัน ยังงามไม่เท่าเสี้ยวหนึ่งของพี่สะใภ้เลยด้วยซ้ำ
ที่บ้านมีสาวงามดุจบุปผาชาติ จะมีใครเข้าตาได้อีกเล่า?
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าพี่สะใภ้ได้แต่งงานกับคนดีอย่างอวี๋เฒ่าผู้นี้ นับว่าเป็นโชคของนาง ทว่าวันนี้จึงตระหนักได้ว่าแท้จริงแล้วต้องบอกว่าเป็นอวี๋เฒ่าต่างหากที่โชคดี!
เมื่ออู๋ซันรู้จากปากของนางเจียงว่าอวี๋หวั่นเป็นคนส่งลูกชิ้น ผักดอง และแผ่นแป้งไปยังชายแดน เขาก็พลันรู้สึกซาบซึ้ง
“หลานสาว ของที่เจ้าส่งไปนั้นช่วยชีวิตเหล่าพี่น้องของพวกเราไว้จริงๆ!”
ลูกชิ้นหนึ่งลูกสามารถนำมาต้มเป็นน้ำแกงข้นได้หนึ่งหม้อ ผักดองหนึ่งแผ่นมีปริมาณเกลือเพียงพอกับคนกลุ่มหนึ่ง แผ่นแป้งหนึ่งแผ่นกินสิบกว่าวันก็ยังไม่หมด…เรียกว่าเป็นเสบียงกองทัพที่เหนือชั้นกว่าเสบียงกองทัพเสียอีก!
“ท่านลุงอู๋เกรงใจเกินไปแล้ว ที่จริงที่บ้านก็ยังมีอยู่ ข้าเพิ่งทำเสร็จวันนี้เอง ถ้าลุงอู๋ชอบ ข้าจะไปหยิบให้” อวี๋หวั่นเดินออกไปจากห้องครัวอย่างมีความสุข
กระนั้นในตอนที่เธอหอบลูกชิ้นที่เพิ่งทอดเสร็จ ผักดองที่เพิ่งทำเสร็จ และแผ่นแป้งออกมา อู๋ซันก็วิ่งแจ้นออกไปอย่างไม่เห็นเงา
……
เป็นดังคำพูดของอวี๋เซ่าชิง หลังจากสงครามจบลง ทหารที่ถูกเกณฑ์ไปเสริมทัพก็จะทยอยกันกลับบ้าน อวี๋เซ่าชิงเป็นคนแรก คนที่สองก็คือพี่ชายของนายพราน
“ไอ้หยาชุ่ยฮวา! นั่นใช่พี่ใหญ่บ้านเจ้าหรือไม่?” ป้าไป๋ซึ่งกำลังนั่งยองซักผ้า ก็สะกิดไหล่ของชุ่ยฮวา
ชุ่ยฮวาเงยหน้ามอง “พะ…พี่ใหญ่? พ่อสือโถว! พี่ใหญ่กลับมาแล้ว!”
พี่ใหญ่ของนายพรานถูกข้าศึกฟันหูขาดไปข้างหนึ่ง นายพรานและพี่ใหญ่กอดกันร้องไห้อยู่ที่ทางเข้าหมู่บ้าน
อีกครู่หนึ่ง บุตรชายสกุลหลี่ก็กลับมา เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ เพียงแต่ศีรษะของเขาล้านเสียแล้ว
หลังจากนั้นก็มีคนทยอยกันกลับมา
“กลับมากันหมดแล้วหรือ…” ป้าจางเริ่มรู้สึกกระวนกระวาย “ไยเอ้อร์หนิวยังไม่กลับมา?”
“ท่านแม่!”
ไม่ไกลออกไป เสียงของเอ้อร์หนิวก็ดังขึ้น
ป้าจางตื่นเต้นจนทำไม้ตีผ้าตก “เอ้อร์หนิวววววว เอ้อร์หนิววววววว”
นางร้องไห้พร้อมกับวิ่งเข้าหาลูกชาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]