หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 20

คนสกุลอวี๋ถามถึงอวี๋เซ่าชิงและนางเจียง อวี๋หวั่นบอกเพียงว่าพวกเขามีเรื่องต้องจัดการที่หนานจ้าว เมื่อจัดการเสร็จแล้วจึงจะกลับมาต้าโจว

ได้พบกับครอบครัวที่ใหญ่ถึงเพียงนั้น พวกเขาย่อมมีเรื่องมากมายต้องจัดการ คนสกุลอวี๋ไม่คิดว่าเป็นเรื่องแปลกแต่อย่างใด พวกเขาเพียงแต่รู้สึกว่าโชคดีเหลือเกินที่อวี๋หวั่นมีสามีเป็นคนต้าโจว ไม่เช่นนั้นพวกเขาคงต้องย้ายไปอยู่หนานจ้าว ยากที่จะได้พบหน้ากัน

อวี๋หวั่นนอนกลางวันครู่หนึ่ง เด็กทั้งสามก็คุ้นชินกับการนอนกลางวัน แต่ช่วยไม่ได้ที่วันนี้พวกเขาเล่นสนุก วิ่งไปวิ่งมาในหมู่บ้านจนฟ้ามืด เมื่อถึงเวลาอาหารจึงกลับมาพร้อมกับเถี่ยตั้นและเจินเจิน

แรกเริ่มเดิมที เป็นเถี่ยตั้นน้อยที่พาพวกเขาและเจินเจินออกไปเล่น ทว่าเล่นไปเล่นมากลับกลายเป็นพวกเขาที่พาเถี่ยตั้นไปเล่น พวกเขาวิ่งจากหมู่บ้านเหลียนฮวาไปยังหมู่บ้านข้างๆ และวิ่งจากหมู่บ้านข้างๆ ไปยังอีกหมู่บ้านหนึ่ง เถี่ยตั้นน้อยไม่เคยวิ่งไปไกลเช่นนี้มาก่อน

อวี๋ซงและอวี๋เฟิงพาเยี่ยนจิ่วเฉาไปตกปลาตลอดช่วงกลางวัน อวี๋ซงอยู่ในวัยคึกคะนองและหยิ่งทระนง แม้ว่าการเรียนจะทำให้จิตใจของเขาสงบลง แต่ยังมีความ ‘ทระนงตน’ เหลืออยู่ หลังจากเดินหมากแพ้ต่อหน้าต่อตาอวี๋หวั่นและเถี่ยตั้นน้อย ในใจของเขายังไม่ยอมจำนน และยังคิดหาโอกาสทวงคืน

เดินหมากสู้เจ้าไม่ได้ ตกปลาต้องเอาชนะให้ได้!

ลำธารด้านหลังเขานั้นมีปลาอยู่มาก ที่บ้านเจ้าเลี้ยงแต่ปลาโง่ๆ ไว้ในบ่อใช่ไหมเล่า

อวี๋ซงคิดว่าด้วยประสบการณ์การตกปลาที่สั่งสมมานานหลายปี ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเอาชนะเยี่ยนจิ่วเฉาให้ได้

ไหนเลยจะรู้ว่าเขากลับถูกตอกหน้าอย่างแรง

ไม่รู้ว่าปลาในลำธารเหล่านั้นเป็นอะไรขึ้นมา พวกมันไม่กินเบ็ดของเขา แต่กลับกรูกันเข้าไปหาเบ็ดของเยี่ยนจิ่วเฉา เยี่ยนจิ่วเฉาไหนเลยจะต้องตกปลา สุ่มจับมาสักตัวสองตัวก็ยังได้!

อวี๋ซงเข้าไปจับบ้าง!

แต่เจ้าปลาป่าพวกนี้กลับกลอกตาใส่เขาด้วยความรังเกียจ แล้วว่ายหนีไป!

อวี๋ซง “…”

ถึงแม้เรื่องนี้จะประหลาด แต่สายตาของปลาเหล่านั้นดูรังเกียจเขาจริงๆ…

อวี๋ซงลอบมองเยี่ยนจิ่วเฉา เขาจำต้องบอกว่าใบหน้าของบุรุษคนนี้หล่อเหลาราวสวรรค์สรรสร้าง ก่อนหน้านี้เขายังไม่อาจหาคำมาอธิบายได้ ทว่าในตอนนี้ ประโยคหนึ่งจากบทกลอนผุดขึ้นในสมองของเขา…วิไลเยี่ยงหยกงาม เอกบุรุษไร้เทียบเทียม

เยี่ยนจิ่วเฉายังไม่ทันได้ทำอะไร เพียงแต่นั่งนิ่งๆ อยู่ริมลำธาร ใบหน้าดุจเทพเซียนของเขาก็เรียกปลามาได้แล้ว!

เขาแพ้อีกแล้วสิ

ความรู้ก็มีไม่เท่าเยี่ยนจิ่วเฉา ต่อให้พยายามจนเทียบเขาได้ ชาติกำเนิดก็ยังสู้ไม่ได้อยู่ดี เขาสามารถเดินไปตามเส้นทางของตนเพื่ออนาคตที่ดี ใครจะทำนายอนาคตได้เล่า? ใครจะรู้ เขาอาจเป็นขุนนางที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ก็เป็นได้

กระนั้นแล้ว สิ่งเดียวที่ต่อให้เขาพยายามมากเพียงใดก็ไม่มีวันเทียบเคียงเยี่ยนจิ่วเฉาได้ก็คือหน้าตา

ว่ากันว่าหน้าตาเป็นเพียงเปลือกนอก แสดงว่าพวกเขายังไม่เคยเห็นเยี่ยนจิ่วเฉา

งามถึงเพียงนี้ ต่อให้เป็นเพียงเปลือกนอกก็เอาชนะได้ทั้งใต้หล้า

อวี๋ซงรู้สึกว่าตนเองไม่อาจทนมองเยี่ยนจิ่วเฉาได้อีกต่อไป หากมองนานกว่านี้ เขาคงตกหลุมรักเยี่ยนจิ่วเฉาอย่างแน่นอน…

ยามอาทิตย์อัสดง อวี๋ซงจำใจยอมรับโชคชะตา และเดินถือถังใส่ปลาสองใบกลับบ้าน

ปลาในถังนั้น ส่วนใหญ่ล้วนเป็นปลาที่เยี่ยนจิ่วเฉาเรียกมาทั้งนั้น ที่เหลือเป็นปลาที่พี่ใหญ่ตกได้ ส่วนเขาน่ะหรือ ตกไม่ได้แม้แต่ตัวเดียว

แม้แต่ปลายังชอบเยี่ยนจิ่วเฉา เขาคงต้องยอมแพ้แล้วจริงๆ!

อวี๋ซงไหนเลยจะรู้ว่าคนงามจนมัจฉาจมวารีปักษีตกนภาอย่างเยี่ยนจิ่วเฉานั้น มิได้ใช้ความงามดึงดูดปลาให้ว่ายมาหาตน หากแต่ใช้พลังภายในบังคับปลาให้เข้ามาหาตนต่างหาก…

เมื่อเห็นแผ่นหลังอันเศร้าสร้อยของอวี๋ซง คุณชายจอมเจ้าเล่ห์ก็มีความสุขเหลือเกิน!!!

……

ตอนกลางวันใช้แรงไปมาก ทุกคนล้วนแต่กินอาหารเย็นด้วยความหิวโหย เด็กทั้งสามวิ่งเตาะแตะเข้าไปในห้องครัว แล้วเปิดพุงอันแห้งเหี่ยวของพวกเขาให้ลุงใหญ่ดู

ลุงใหญ่รู้สึกขบขัน

เขาหัวเราะร่า “ใกล้เสร็จแล้ว ประเดี๋ยวปู่ใหญ่จะทำนกพิราบตุ๋นน้ำแดงให้พวกเจ้ากิน แล้วก็มีห่านผัดซีอิ๊วกับเนื้อแพะย่าง!”

เด็กทั้งสาม: ซู้ดด!

พวกเขาเร่งรีบทำอาหารกลางวัน จึงทำกับข้าวทันเพียงไม่กี่อย่าง ลุงใหญ่จึงวางแผนว่าจะทำอาหารให้หลากหลายขึ้น ทว่าเมื่อลงมือทำจริง กลับไม่รวดเร็วอย่างที่คิด ลุงใหญ่กลัวว่าเด็กทั้งสามจะหิว จึงทำแป้งทอดต้นหอมให้พวกเขากินก่อน

ขอบของแผ่นแป้งนั้นทอดจนสุกเป็นสีเหลืองทอง กรอบนอกนุ่มใน กัดเข้าไปได้ยินเสียงของความกรอบ ความชุ่มฉ่ำของไข่และน้ำมันระคนกันในปาก อร่อยจนเด็กทั้งสามกินไม่หยุด!

ลุงใหญ่จึงรีบปลอบว่า “ไม่ต้องรีบร้อนไป ก่อนหน้านี้เด็กสามคนไม่ยอมพูด ตอนนี้พูดแล้วสองคน ไม่ได้เป็นปัญหาสักหน่อย ต้าเป่าเพียงแต่พูดช้ากว่าคนอื่น”

ไม่รู้ว่าต้าเป่าสัมผัสได้ว่ามีคนพูดถึงตนหรืออย่างไร เขาหันหน้ามาอย่างงงงวย และเห็นปู่ใหญ่กับท่านแม่ อวี๋หวั่นจึงยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ให้เขา ต้าเป่าหันหน้าไปด้วยความเขินอาย ใบหน้าเล็กเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ

อวี๋หวั่นหลุดหัวเราะออกมา

ใช่แล้วละ เด็กน่ารักและเฉลียวฉลาดเช่นนี้ ไม่มีปัญหาอะไรหรอก

ทั้งห้าคนพักอยู่ในบ้านสกุลอวี๋หนึ่งคืน พวกเขาพักอยู่ในเรือนซึ่งมีสามห้อง ตกกลางคืน ชาวบ้านจำนวนมากแวะเวียนมาหาและต้อนรับ วัตถุดิบสำหรับทำอาหารในวันนี้ มีจำนวนไม่น้อยได้มาจากชาวบ้าน ว่ากันว่าในพื้นที่ซึ่งการศึกษาเข้าไม่ถึง ผู้คนมักจะไม่รู้ธรรมเนียมปฏิบัติและมีโลกทัศน์แคบ แต่อวี๋หวั่นไม่ยักรู้สึกว่าคนหมู่บ้านเหลียนฮวาเป็นเช่นนั้น

ชาวบ้านในหมู่บ้านเหลียนฮวาล้วนแต่ขยันขันแข็ง มีความสามารถ อดทน ไม่โลภมาก และไม่ช่างประจบประแจง พวกเขาก็เหมือนกับขุนเขาและสายน้ำด้านหลังหมู่บ้าน พวกเขานั้นงดงาม เรียบง่าย และเป็นมิตร

ชาวบ้านสนิทกับพวกเขา แต่ก็ไม่ได้ประจบประแจง

อวี๋หวั่นเดินเข้าไปหยิบขนมกล่องหนึ่งจากในห้องครัว สี่พ่อลูกกำลังถูกชาวบ้านล้อมไว้ เยี่ยนจิ่วเฉาถูกเหล่าสตรีมีอายุในหมู่บ้านล้อมไว้ โดยมีป้าไป๋เป็นผู้นำ พวกนางมองไปยังเยี่ยนจิ่วเฉาราวกับสัตว์ร้ายมองไปยังเนื้อสด ไม่มีทางปล่อยไปเด็ดขาด! ส่วนเหล่าดรุณีแรกรุ่นก็กำลังหลงใหลความน่ารัก นอบน้อม เจื้อยแจ้ว และฉลาดเฉลียวของเด็กทั้งสามจนหน้าแดงระเรื่อ!

อวี๋หวั่น “…”

“เอ่อ…ข้าว่า…”

“อย่ากวนสิ!”

ป้าไป๋ไม่ได้มองอวี๋หวั่นด้วยซ้ำ นางเพียงโบกมือพลางพูดกับเธอ สายตาของนางจับจ้องไปยังเยี่ยนจิ่วเฉา “หลานเขยเล่าต่อสิ!”

อวี๋หวั่นลอบถอนหายใจ ในมือถือกล่องขนมไว้ แล้วเดินเข้าหาเด็กทั้งสามแทน “จะ…”

…กินอาหารว่างไหม?

เธอไม่ทันได้พูดออกไป แม่นางน้อยในหมู่บ้านล้วนยื่นมือมาหยุดเธอ และทำเสียง ‘ชู่วว’ ให้เธอเงียบ!

อวี๋หวั่น “…” อีกครั้ง

…………………………..

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]