ทุกคนในอาณาจักรหนานจ้าวรู้ดีว่าราชบุตรเขยของจวนประมุขหญิงเป็นบุคคลต่ำต้อย แตกต่างจากองค์หญิงน้อยที่ออกมาครั้งหนึ่ง ต้องนำธงเกียรติยศมาเรียงเป็นขบวนใหญ่โต ราชบุตรเขยแม้กระทั่งองครักษ์ติดตามก็ยังไม่มี เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ก็ดูเรียบง่ายอย่างยิ่ง ไม่เหมือนกับนายท่านตระกูลใหญ่ทั่วไปที่แต่งตัวหรูหราสง่างาม และสวมเพียงชุดยาวสีน้ำเงินเท่านั้น
เขาถือหนังสืออยู่เล่มหนึ่ง นั่งอยู่บนเก้าอี้ยาวบุนวม เหยียดยืดตัวตรง ร่างกายผอมสูง
เขามีมือเรียวหยก นั่นคือมือของผู้ร่ำเรียนหนังสือ ปลายนิ้วของเขาราวกับจะมีกลิ่นของหนังสือติดอยู่
แสงแดดสาดส่องเข้ามากระทบกับหน้ากากสีเงิน
เยี่ยนจิ่วเฉารู้รูปลักษณ์ของราชบุตรเขยจากปากของไป๋เสี่ยวเซิงมาก่อนแล้ว จึงไม่ได้ตกใจเมื่อมองเห็นหน้ากากนั้น ทว่ากลับยิ่งแน่ใจในตัวตนของเขามากขึ้น
เยี่ยนจิ่วเฉามองเขาชั่วครู่หนึ่ง เขาก็มองเยี่ยนจิ่วเฉาครู่หนึ่งเช่นกัน
บรรยากาศภายในรถม้าดูแปลกไปเล็กน้อย
เยี่ยนจิ่วเฉาเข้ามาเพราะมีจุดประสงค์ของตนเอง ทว่าราชบุตรเขยกลับยอมรับฉากตรงหน้านี้อย่างเฉยเมย ไม่ได้แสดงอาการตื่นตระหนกใดๆ แม้แต่น้อย เขายังคงนั่งนิ่งเงียบอยู่ตรงนั้น อารมณ์สงบราบเรียบราวกับหยกราวกับน้ำ ทว่าภายในดวงตากลับเผยความตกใจที่กระทั่งเขาเองก็ไม่ทันรู้สึกตัว
แน่นอนเยี่ยนจิ่วเฉาสามารถรับรู้ความแปลกประหลาดของเขาได้ ไม่ใช่ความแปลกประหลาดที่เผยออกมาเพราะมีคนแปลกหน้าอาจหาญบุกรุกเข้ามาในรถม้า แต่เป็น…สายตาที่เยี่ยนจิ่วเฉาไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้ เยี่ยนจิ่วเฉารู้สึกราวกับเลือดในร่างกายไหลทวนกระแส
“นี่ เจ้าเป็นใคร? ไอ้บ้าจากที่ใดกัน? ผู้ใดอนุญาตให้เจ้าล่วงเกินขึ้นมาบนรถม้าของนายท่าน?” สารถีที่ถูกเยี่ยนจิ่วเฉาทำให้ตกตะลึงได้สติกลับมา รีบร้อนยกม่านรถม้าขึ้น หมายจะลากเยี่ยนจิ่วเฉาออกไป ทว่ากลับถูกเยี่ยนจิ่วเฉาผลักจนตกลงไป
“โอ๊ย”
สารถีรถม้าล้มพับลงกับพื้น
ขณะที่เยี่ยนจิ่วเฉาผลักสารถี สายตากลับจ้องมองอยู่ที่ใบหน้าของราชบุตรเขยเนือยนิ่ง
ชายร่างสูงใหญ่ทั้งสอง ไม่มีใครเอื้อนเอ่ยสิ่งใด
ภาวะหยุดชะงักที่ถูกสารถีเข้ามาโวยวายกลับยิ่งทำให้บรรยากาศแปลกประหลาดมากขึ้นไปอีก ขนาดราวกับทุกอย่างถูกแช่แข็ง
ชั่วเวลานี้เอง ทันใดนั้นเยี่ยนจิ่วเฉาก็ก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว และดึงหน้ากากของเขาออก
ว่ากันว่าองค์หญิงน้อยเข้าไปดูชาดที่ประมุขหญิงได้สั่งไว้ในร้าน ทุกคนภายในร้านต่างทิ้งงานทุกอย่างในมือเพื่อไปปรนนิบัติดูแลนาง แขกภายในร้านก็ถูกกวาดต้อนออกไป ร้านค้าอันกว้างขวางเหลือนางที่เป็นลูกค้าเพียงคนเดียว
องค์หญิงน้อยไม่ได้รับรู้เรื่องราวนี้แม้แต่น้อย
ใกล้ถึงวันเกิดของประมุขหญิงแล้ว เดิมทีองค์หญิงน้อยคิดจะซื้อเห็ดหลินจือให้เป็นของขวัญนาง ทว่าเห็ดหลินจืออูซานชิ้นแรกถูกสองพี่น้องตระกูลเห้อเหลียนกระเป๋าหนักซื้อไปแล้ว เห็ดหลินจือแดงชิ้นที่สองก็ถูกคนอื่นแย่งไปอีก นางโกรธเคืองยิ่งนัก ภายใต้ความสิ้นหวังนั้นท่านพ่อของนางก็บอกนางว่า ชาดของประมุขหญิงใกล้จะหมดแล้ว ให้นางซื้อตลับใหม่ไปให้
เป็นถึงประมุขหญิงมีหรือจะใช้ชาดจนเกือบหมด? นั่นก็แค่คำพูดที่ใช้ปลอบใจบุตรเท่านั้น ขอเพียงเป็นสิ่งของที่บุตรให้ ไม่ว่าเป็นสิ่งใดประมุขหญิงก็ล้วนชื่นชอบทั้งนั้น
ที่นี่คือร้านขายชาดที่อายุนานกว่าร้อยปีของเมืองหลวง ลือกันว่ามีสูตรลับที่สืบทอดกันมารุ่นต่อรุ่น ชาดที่ทำออกมาไม่เพียงแต่มีเนื้อที่เนียนละเอียด สีสันสวยงาม กลิ่นที่หอมหวาน แต่ยังมีผลช่วยในการรักษาความงามอีกด้วย เป็นที่นิยมมากกว่าชาดของพระราชวังเสียอีก
แท้จริงแล้วราชบุตรเขยเคยมอบแป้งแต่งหน้าของร้านนี้ตลับหนึ่งให้นางมาก่อน ประมุขหญิงกับราชบุตรเขยมีความรักใคร่ลึกซึ้ง ตั้งแต่นั้นมาบนโต๊ะจึงไม่เคยขาดสิ่งของจากร้านนี้เลย
องค์หญิงน้อยให้ความสำคัญกับความก้าวหน้าของชาดตลับนี้มาก เพื่อแสดงความรู้สึกที่มีต่อท่านแม่ นางไม่ยืมมือข้ารับใช้ ทั้งยังเดินทางมาเร่งงานที่ร้านด้วยตนเองทุกวัน จนคนในร้านต่างแตกตื่น แทบจะไม่มีจิตใจไปทำกิจอื่นใดอีก
แต่องค์หญิงน้อยจะสนใจสิ่งเหล่านี้หรือ? นางสนใจแต่ของขวัญวันเกิดของท่านแม่นางเท่านั้นละ!
แท้จริงแล้วชาดตลับเดียว เร่งทำเพียงหนึ่งวันหนึ่งคืนก็ได้แล้ว ทว่าองค์หญิงน้อยคนนี้เอาใจยาก หากทำออกมาเร็วเกินไป นางก็จะคิดว่าเจ้าทำลวกๆ ไม่ตั้งใจ หากทำออกมาช้าเกินไป นางก็จะสงสัยว่าเจ้าขาดความใส่ใจ เพียงแค่เมื่อเปรียบเทียบทั้งสองแบบ คนหลังง่ายจะจัดการมากกว่า
เถ้าแก่เอ่ย “องค์หญิงน้อย ท่านอาจารย์เฉินผู้นี้คือท่านอาจารย์ผู้ชำนาญการของร้านเรา ในช่วงนี้เขาปรับปรุงสูตรใหม่ให้ท่านตลอด เพื่อทำให้ออกมาดีที่สุด ตลับชาดเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่เขาทำออกมา ทว่ายังไม่เป็นที่พอใจนัก ท่านดูสิ”
ไหนเลยองค์หญิงน้อยจะเข้าใจเรื่องพวกนี้? แสร้งมองผ่านๆ แล้วเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “อาจารย์คนเดียวจะเพียงพอได้อย่างไร? ร้านเจ้าไม่มีคนแล้วรึ? ข้าคิดว่าพวกเจ้าคงไม่อยากทำการค้ากับข้า!”
เถ้าแก่รีบร้อนตอบ “องค์หญิงน้อยกล่าวหนักไปแล้ว พวกเราจะไม่อยากทำการค้ากับท่านได้อย่างไร? คือเช่นนี้ อาจารย์ผู้ชำนาญการของร้านเราไม่อยู่ในเมืองหลวง มีเพียงท่านอาจารย์เฉินอยู่ผู้เดียว ส่วนเด็กฝึกมือใหม่มิใช่เพราะเกรงจะทำออกมาได้ไม่ดีพอหรือ? เราได้ส่งคนไปเชิญอาจารย์ท่านอื่นๆ มาโดยเร็วแล้ว”
องค์หญิงน้อยทำท่าทางฮึดฮัด “ค่อยใช้ได้หน่อย อย่างไรชาดที่ข้าต้องการก็ไม่อาจมีสิ่งใดผิดพลาด! สีสัน รูปแบบ และกลิ่นล้วนต้องถึงกับความต้องการของข้า เข้าใจหรือไม่?”
เถ้าแก่พยักหน้าโก้งโค้ง “ได้ ได้ ได้ขอรับ องค์หญิงน้อยโปรดวางใจ ชาดตลับที่ทำให้ท่าน จะต้องใช้วัตถุดิบที่ดีที่สุด และไม่ทำให้ท่านผิดหวังแน่นอน”
องค์หญิงน้อยกล่าวข่มขู่ “หากกล้าสร้างภาพหลอกลวงข้า ข้าจะจัดการเจ้าทั้งตระกูล!”
เถ้าแก่ทั้งกลัวทั้งเกรง “มิกล้า มิกล้า! แม้จะยืมความกล้ามาสักร้อยหนึ่งก็ยังไม่กล้า”
องค์หญิงน้อยตักเตือนเสร็จแล้ว ก็ก้าวเข้ารถม้าไปอย่างสบายใจ
ใบหน้าของสารถีปูดบวม เนื้อตัวสกปรกมอมแมม
องค์หญิงน้อยมองเขาด้วยความรังเกียจปราดหนึ่ง “เกิดอันใดขึ้น? เจ้ามีสภาพเช่นนี้จะรับใช้ดูแลท่านพ่อของข้าได้เยี่ยงไร?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]