เยี่ยนจิ่วเฉานึกถึงสิ่งที่เห็นในยามที่ดึงหน้ากากนั้นออกจากใบหน้าของอีกฝ่าย สิ่งแรกที่เขาเห็นคือรอยแผลเป็นที่ปรากฏอยู่บนครึ่งใบหน้าข้างซ้าย รอยแผลเป็นนั้นดูเหมือนเกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อน จึงไม่อาจหายเป็นปกติได้แล้ว ไม่ใช่เพราะไม่มียารักษา อย่างไรเขาก็เป็นราชบุตรเขย ยาที่ดีที่สุดในหนานจ้าวล้วนถวายขึ้นสู่เบื้องหน้าของเขาได้ทั้งหมด มีเพียงเพราะบาดแผลที่เกิดขึ้นในตอนแรกนั้นลึกเกินกว่าจะหาทางรักษาให้หายได้
ในวินาทีนั้น เยี่ยนจิ่วเฉาลืมคิดเรื่องที่เขาเป็นใคร
ครั้นเมื่ออยู่ที่ต้าโจว เยี่ยนจิ่วเฉาได้ยินจากไป๋เสี่ยวเซิงมาก่อนว่าราชบุตรเขยสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าไว้ตลอด มีข่าวลือว่าใบหน้าของเขาบาดเจ็บเสียหาย เขาเองก็ยังไม่เชื่อ ไม่คิดว่ามันจะเป็นเรื่องจริง
แน่นอนว่าในที่สุดเขาก็ได้มองเห็นใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน
ถึงแม้จะมีแผลเป็นที่น่าเกลียดน่ากลัวนั้น แต่เขาก็ยังดู…
เยี่ยนจิ่วเฉาหยุดความคิด ยกมือขึ้นปิดใบหน้าข้างหนึ่ง และถามอวี๋หวั่น “หากเห็นข้าเช่นนี้ เจ้ายังจำข้าได้อยู่หรือไม่?”
อวี๋หวั่นพยักหน้าด้วยความประหลาดใจ “แม้จะปิดทั้งหมด ข้าก็ยังจำท่านได้อยู่ดี! ไยถึงถามเช่นนี้?”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น” เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ย
“หือ?” อวี๋หวั่นยิ่งสับสนงงงวย
อวี๋หวั่นพบว่าหลังจากเธอถามว่าราชบุตรเขยใช่เยี่ยนอ๋องหรือไม่ คำพูดของสามีเธอก็ดูแปลกไป ไม่อาจคาดเดาได้ แต่คิดแล้วก็ไม่แปลกอะไร หากราชบุตรเขยเป็นเยี่ยนอ๋องจริงๆ เขายังมีชีวิตอยู่ นี่ก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว แต่เขาทอดทิ้งบุตรและภรรยา นับว่าเป็นเรื่องที่รับได้ยากยิ่ง แต่หากราชบุตรเขยไม่ใช่เยี่ยนอ๋อง เช่นนั้นเยี่ยนอ๋องก็ไม่ได้ทรยศหักหลังภรรยาและบุตรของเขา แม้ว่าทั้งหมดนี้จะเป็นความเชื่อมั่นศรัทธาในหัวใจของเยี่ยนจิ่วเฉา แต่กลับเป็นการตัดความหวังสุดท้ายของเขาจนหมดสิ้น
ภายในใจของเขา…คงจะขัดแย้งกันไม่น้อยกระมัง แต่อย่างไร นั่นก็เป็นบิดาที่เขาเคารพนับถือมาตลอด
แท้จริงแล้วเยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้คิดมากเหมือนอวี๋หวั่น เขาโตพอแล้ว ไม่ใช่เด็กที่วิ่งไล่ตามหลังท่านพ่ออีกต่อไป ที่เขาทำอยู่ตอนนี้ก็เพียงเพื่อตามหาความจริงเท่านั้น
เขาเอ่ยต่อ “แม้ว่าใบหน้านั้นจะเปลี่ยนไปมาก มีรอยแผลเป็น มีร่องรอยที่เกิดขึ้นเมื่อผ่านวันเวลา แต่ไม่มีทางที่ข้าจะจำผิด”
อวี๋หวั่นมองดูเขา คำพูดนี้หมายความว่า…
เยี่ยนจิ่วเฉาถอนหายใจเบาๆ “เป็นใบหน้าท่านพ่อของข้า”
ไม่รู้เพราะเหตุใด เมื่อได้ยินคำตอบเช่นนี้ อวี๋หวั่นไม่ได้ตกใจอย่างที่คิด อาจเพราะในใจของเธอรู้สึกถึงความเป็นไปได้ที่ราชบุตรเขยคือเยี่ยนอ๋อง น้ำเสียงของเธอดูปกติ “เช่นนั้นเหตุใดพวกท่านถึงไม่คุยกัน? ไม่ใช่ว่าเขาเห็นท่านแล้วหรือ?”
เยี่ยนจิ่วเฉามองไปที่เมฆดำที่ลอยอยู่บนฟ้าพลางเอ่ยว่า “เขาเห็นข้าแล้ว แต่ดูเหมือนเขาไม่รู้จักข้า หรือก็เพราะเขาจำข้าไม่ได้”
เยี่ยนอ๋องจากไปตั้งแต่เยี่ยนจิ่วเฉาอายุได้แปดขวบ นี่ก็ผ่านมาสิบห้า สิบหกปีแล้ว รูปลักษณ์ของเยี่ยนจิ่วเฉาก็แตกต่างจากตอนที่เขายังเป็นเด็ก หากจะเห็นเพียงครู่หนึ่งแล้วจำไม่ได้ก็ไม่แปลก ทว่า…คนที่เคยเห็นเยี่ยนอ๋องต่างก็บอกว่าเยี่ยนจิ่วเฉาเติบโตมาเหมือนกับเยี่ยนอ๋องตอนที่อายุน้อยไม่มีผิด เยี่ยนอ๋องเห็นคนที่เหมือนตนเองขนาดนี้ เป็นไปได้หรือที่จะไม่คิดสิ่งใดเลย?
เดาไม่ออกเลยหรือว่าเป็นบุตรชายของตนเอง?
หรือว่าเยี่ยนอ๋องได้ลืมภรรยาและบุตรชายไปนานแล้ว ตัดทิ้งอดีตเพื่อเริ่มต้นชีวิตใหม่กับตี้จีองค์เล็ก?
แล้วเหตุใดใบหน้าของเขาถึงถูกทำลาย?
ทั้งหมดนี้อวี๋หวั่นยังคิดไม่ตก แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเข้าใจทุกอย่าง ตอนนี้พวกเขาอยู่ในเมืองหลวงแล้ว อย่างไรเสียความจริงก็ต้องผุดขึ้นมาให้เห็นแจ่มแจ้งสักวัน
เธอจับมือเยี่ยนจิ่วเฉา “เริ่มเย็นแล้ว เรากลับบ้านกันเถิด”
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่โต้ตอบ
แต่เมื่ออวี๋หวั่นดึงเขาให้เดินกลับไปก็ไม่ได้ต่อต้าน
ทั้งสองไปที่ชีสยาย่วนก่อน
ชุยเฒ่ายืนเท้าเอวอยู่หน้าประตูเรือน เมื่อเหลือบไปเห็นเงาร่างสองคนที่กำลังเดินมาอยู่ไม่ไกลนัก ก็รีบแทะขาหมูแล้วเอ่ยว่า “ข้าบอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร! นี่ก็กลับมาแล้วไม่ใช่รึ!”
ชุยเฒ่าพลันรู้สึกโล่งใจ กลอกตามองบนครั้งใหญ่ก่อนจะแทะขาหมูแล้วเดินกลับห้องไป
ชายชราและเจียงไห่เห็นว่าทั้งสองกลับมาได้อย่างปลอดภัย ก็ไม่พูดอะไรแล้วหันหลังเดินกลับห้องเช่นกัน
“ท่านลุงใหญ่” อวี๋หวั่นยิ้มทักทายให้เห้อเหลียนเป่ยหมิงผู้มาไม่ทันการสลายตัวของผู้คนในรอบแรก
“ข้ามาดูเด็กๆ น่ะ พวกเขาไม่อยู่ ข้าขอตัวก่อน” เห้อเหลียนเป่ยหมิงเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ผลักรถเข็นกลับเรือนไป
อวี๋หวั่นมองอย่างเข้าใจ ยิ้มพร้อมกับจับมือเยี่ยนจิ่วเฉา “ทุกคนเป็นห่วงท่านยิ่งนัก”
เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยอย่างเย็นชา “ผู้ใดต้องการให้พวกเขาห่วง?”
อวี๋หวั่นมองใบหูที่ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อของเขา พลันยกยิ้มมุมปาก
ในมื้อค่ำ อาเว่ยกับชิงเหยียนกลับมาถึงจวนแล้ว ป้ายหยกที่ต้องการก็มาถึงมือแล้ว เพื่อไม่ให้ถูกจับได้ ชิงเหยียนจึงพาอาเว่ยไปสำนักปรมาจารย์พิษในพื้นที่ที่ต่างกัน โชคดีที่ไม่มีหนังสือวีซ่าในสมัยโบราณ มีเพียงการปั๊มลายนิ้วมือเท่านั้น แต่ก็ไม่ได้สร้างความลำบากให้ชิงเหยียนแต่อย่างใด ก่อนออกเดินทาง เขาได้ปั๊มลายนิ้วมือคนสองสามคนลงในแป้งเปียกไว้แล้ว เวลาปั๊มลายนิ้วมือ ขอเพียงแค่อาเว่ยจัดการอย่างว่องไวก็จะสามารถปิดฟ้าข้ามทะเลได้แล้ว
แน่นอนอาเว่ยไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง
หลังจากทานอาหาร เยี่ยนจิ่วเฉาก็ไปอาบน้ำแช่ยา ส่วนอวี๋หวั่นไปที่ห้องของอาม่า หารือเรื่องการเดินทางไปยังเขาพิษ
อวี๋หวั่นกล่าว “คางคกหิมะอยู่ที่ใดบนเขาพิษ?”
ชายชราตอบ “ข้าก็ไม่รู้ ต้องไปตามหา”
อวี๋หวั่นผงะ “มันอยู่ที่เขาพิษจริงหรือ?”
ชายชราเอ่ย “ใช่ เคยมีคนพบเห็นมันที่เขาพิษมาก่อน แต่จนกระทั่งยามนี้ก็ยังไม่เคยมีผู้ใดได้ครอบครองมัน หนึ่งเพราะที่อยู่ของมันแปลกประหลาด สองมันจำศีลตลอดทั้งปี สามปีจะตื่นขึ้นมาครั้งหนึ่ง และจะตื่นอยู่นานเพียงใดก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของมัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]