วิหารราชครูตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของเมืองหลวง ซึ่งเป็นคนละทิศกับวิหารพิษโดยสิ้นเชิง วิหารพิษมีกำแพงธรรมชาติอย่างเขาพิษ ทว่าวิหารราชครูกลับตั้งอยู่บนพื้นที่ราบว่างเปล่า
เห็นเช่นนี้ อย่าคิดว่าจะลอบเข้าวิหาราชครูได้อย่างง่ายดาย
เมื่อเทียบกับบ้านเรือนที่อยู่กระจัดกระจาย วิหารราชครูก็เหมือนปราสาทน้ำแข็งที่ถูกคุ้มกันแน่นหนา กำแพงของปราสาทสูงหนึ่งร้อยฉื่อ ตั้งตระหง่านเกือบถึงฟ้า แม้คนที่เป็นวิชาตัวเบาก็ยังไม่อาจปีนขึ้นไปได้ พวกเขาจำเป็นต้องใช้เครื่องมือช่วย นี่เป็นเหตุผลที่อาม่าต้องให้พวกเขาเตรียมพร้อม
น่าเสียดาย พวกเขามีทุกอย่างพร้อมแล้วรอเพียงโอกาสเท่านั้น
ด้านบนปราสาทมีทหารรักษาการณ์ลาดตระเวนอยู่ไม่ขาดสาย พวกเขาซุ่มดูเป็นเวลาสามวันสามคืน แต่ก็ยังไม่พบโอกาสที่จะหลบเลี่ยงจากสายตาของผู้คุมได้
บนต้นไม้ใหญ่นอกปราสาท เยว่โกวถอนสายตาที่เฝ้ามองการเคลื่อนไหวของปราสาทกลับมาและถามชิงเหยียน “เรายังต้องรอต่อไปอีกหรือ? เปลี่ยนเป็นจุดอื่นดีหรือไม่?”
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา ไม่รู้ว่าพวกเขาเปลี่ยนจุดสังเกตการณ์ไปกี่จุดแล้ว
ชิงเหยียนย่นคิ้วกล่าวว่า “ไม่เปลี่ยนแล้ว เฝ้ารออย่างแน่วแน่ต่อไปเถิด ข้าไม่เชื่อว่าเราจะรอไม่ถึงโอกาสแม้แต่ครั้งเดียว”
รออีกหนึ่งวัน ในค่ำคืนวันที่สี่ อาเว่ยก็ปลุกชิงเหยียน “รีบตื่นเร็ว ด้านบนมีคนดื่มจนเมาแล้ว”
ชิงเหยียนลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
อาเว่ยกล่าว “ข้าได้ยินเขาอาเจียน”
ชิงเหยียนครุ่นคิด “ในเมื่ออาเจียนหมดแล้ว เช่นนี้ก็แปลว่าต้องมีคนมาผลัดเปลี่ยนเวรยามแล้ว?”
พวกเขาต้องรีบปีนขึ้นไปก่อนที่ทหารยามจะมา บางทีมันอาจเป็นโอกาสที่ดี ชิงเหยียนเต็มไปด้วยพลังฮึกเหิม ปลุกเยว่โกวและเจียงไห่ หยิบผ้าดำมาคลุมใบหน้า เดินไปทางปราสาท
เมื่อพวกเขามาถึงมุมกำแพง ก็พบว่าปราสาทนั้นสูงกว่าที่พวกเขาเห็นจากระยะไกล
ตามแผนเดิม คือเจาะกำแพงขึ้นไป แต่ด้วยความสูงระดับนี้ เกรงว่าพวกเขาไม่ทันเจาะขึ้นไป คนเฝ้ายามก็คงจะมาเสียแล้ว
ขณะนั้นเอง เจียงไห่ก็ดึงกล่องที่มีขนาดใหญ่กว่ากำปั้นเล็กน้อยออกมาจากอ้อมแขน
“นี่คือสิ่งใด?” ชิงเหยียนถาม
เจียงไห่กล่าว “เครื่องเคลื่อนย้าย ซื่อจื่อให้ข้านำติดตัวมาด้วย” ก่อนออกเดินทาง เยี่ยนจิ่วเฉาได้มอบเครื่องเคลื่อนย้ายให้กับเขา
ชิงเหยียนหัวเราะเยาะ “สิ่งของล้ำค่าถึงเพียงนี้ ซื่อจื่อไม่กลัวเจ้าขโมยหนีไปเรอะ”
เจียงไห่เหลือบมอง “อิจฉาก็บอกตรงๆ”
ฮึ่ย น่าอิจฉายิ่งนัก! เขาห่วงใยเสี่ยวจิ่วขนาดนี้ แต่เสี่ยวจิ่วกลับไม่เคยให้ของสิ่งใดกับเขาเลย
เจียงไห่เห็นเขาอิจฉาก็รู้สึกโล่งใจ ให้ตายอย่างไรเจียงไห่ก็ไม่มีทางบอกชิงเหยียนว่า เดิมทีเยี่ยนจิ่วเฉาต้องการมอบให้ชิงเหยียน แต่เขาบังเอิญไปพบก่อน เยี่ยนจิ่วเฉาคิดว่าให้เขาก็ไม่ต่างกัน จึงให้เขานำมันมา
“พวกเจ้าจะไม่ขึ้นไปแล้วใช่ไหม?” อาเว่ยวายร้ายผู้ยิ่งใหญ่กล่าวอย่างไร้อารมณ์ “หากไม่ขึ้นแล้วก็รอข้าอยู่ข้างล่างนี่!”
ชิงเหยียนตบศีรษะด้านหลังของอาเว่ย “ไอ้เด็กนี่ ถึงคราวที่เจ้าต้องพูดแล้วเรอะ!”
เจียงไห่เปิดเครื่องเคลื่อนย้าย ยิงปลายตะขอเกี่ยวขึ้นไปแขวนที่ขอบกำแพง คนทั้งสี่สวมถุงมือสีเงิน จับเชือกเหล็กที่ติดกับตะขอปีนขึ้นไปบนปราสาท
ระหว่างที่ปีนอยู่นั้น ชิงเหยียนบังเอิญเหยียบเข้ากับอะไรบางอย่าง พลันถามหยั่งเชิงกับอาเว่ย “อย่าบอกนะว่าเจ้าคนผู้นั้นอาเจียนมาด้านนอก”
อาเว่ยตอบ “ก็ใช่น่ะสิ ไม่เช่นนั้นข้าจะได้ยินได้อย่างไร?”
ชิงเหยียนกระอักกระอ่วน!
เมื่อพวกเขาขึ้นไปถึงปราสาท เหล่าผู้คุมก็เมามายหมดสติ
พวกเขาซ่อนตัวอยู่ที่ด้านนอกทางเดิน
ไม่นาน ผู้คุมที่มาเฝ้าเวรแทนสองคนก็เดินออกมาบริเวณทางเดิน คนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างขยะแขยง “ไร้ประโยชน์ยิ่งนัก เพียงสุราหนึ่งชามก็เละเทะได้ถึงเพียงนี้! เอาละๆ เจ้าให้คนมาเอาตัวลงไปเถิด คืนนี้ข้าจะเฝ้าแทนเขาเอง หากมีใครถาม ก็บอกแค่ว่าเขาไม่สบาย อย่าได้บอกว่าดื่มจนเมาเชียว”
“ทราบ” เพื่อนอีกคนเดินจากไป
ผู้คุมทดแทนแบกร่างผู้คุมที่เมาไม่ได้สติอยู่บนพื้นขึ้นหลัง พวกเจียงไห่ทั้งสี่ใช้โอกาสจากช่องโหว่ที่คนทั้งสองกำลังวุ่นวายเดินเข้าไปในทางเดินอย่างรวดเร็ว และเดินลงบันไดวนไปยังด้านล่างของป้อม
ชิงเหยียนมองไปรอบๆ และกล่าวว่า “วิหารราชครูกว้างใหญ่ยิ่งนัก วั่นซูเก๋ออยู่ที่ใดกันแน่?”
“ตามข้ามา” เจียงไห่กล่าว
ชิงเหยียนถึงกับผงะ บุรุษผู้นี้เป็นใครกันแน่? ไม่เพียงแต่คุ้นเคยกับจวนของประมุขหญิง แต่ยังคุ้นเคยกับพื้นที่ภายในวิหารราชครูอีกด้วย
“มัวนิ่งอึ้งอะไร?” เจียงไห่ถาม
“ไม่มีอะไร” ชิงเหยียนกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นหูของเขาก็ขยับ “มีคนกำลังมา!”
คนทั้งสี่รีบซ่อนตัวด้านหลังเสาขนาดใหญ่ กลั้นหายใจไม่ให้ผุดเล็ดลอดออกมา
บุรุษผู้นี้เดินเข้าใกล้เข้ามา พวกเขาถึงมองเห็นลักษณะได้อย่างชัดเจนว่าที่แท้เขาก็เป็นราชครูที่เคยพบในหนานจ้าว
“เป็นราชครู” ชิงเหยียนมุบมิบปากอย่างไร้เสียง ทำสัญลักษณ์ให้พวกเขากดกลั้นลมหายใจอย่างระมัดระวังมากขึ้น
พวกเขาเข้าใจความหมายดี แม้แต่แรงเต้นของชีพจรก็ยังกดไว้เช่นกัน
ราชครูท่าทางร้อนรนราวกับมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น จึงไม่ทันสังเกตเห็นกลุ่มคนที่หลบอยู่หลังเสา
จนกระทั่งราชครูเดินจากไป ชิงเหยียนและคนอื่นๆ จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
ไม่ช้าเจียงไห่ก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ “ข้ารู้จักราชครู เพราะฮูหยินเคยช่วยเหลือศิษย์ของราชครูมาก่อน ราชครูเคยไปเยี่ยมเยียนถึงจวน แล้วพวกเจ้ารู้จักราชครูได้อย่างไร? พวกเจ้าเป็นใครกันแน่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]