เสี่ยวเป่าแอบออกไปช่วงเวลานอนกลางวัน พวกเขามีห้องของตัวเองในเรือนสวนอู๋ถง แต่พวกเขาไม่ได้ไปนอนบ่อยนัก พวกเขาใช้เวลาตอนกลางวันอยู่ในห้องของฮูหยินผู้เฒ่า และอยู่ที่ห้องของเยี่ยนจิ่วเฉากับอวี๋หวั่นในตอนกลางคืน
ทุกคนหลับแล้ว หญิงรับใช้ก็งีบหลับเช่นกัน เสี่ยวเป่าปีนลงจากเตียงเงียบๆ ไร้ผู้ใดตื่นขึ้นมา
หลังจากอวี๋หวั่นฝังเข็มให้เยี่ยนจิ่วเฉาเสร็จแล้วก็ไปที่ห้องของฮูหยินผู้เฒ่าเพื่อดูว่าเด็กน้อยทั้งสามซุกซนหรือไม่ กลับพบว่ามีไข่ดำคนหนึ่งหายตัวไป
คราแรกอวี๋หวั่นไม่คาดคิดว่าเด็กน้อยจะหนีออกจากบ้าน เธอคิดว่าเขาคงไปแอบกินอาหารที่ใดสักแห่ง เธอเดินไปยังที่ที่เสี่ยวเป่าอาจอยู่ที่นั่น และเดินไปหาที่เรือนต่างๆ ดูอีกครั้ง แต่เมื่อยังไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา เธอก็เดาได้ว่าเด็กชายอาจไม่ได้อยู่ที่เรือนอีกแล้ว
หากที่นี่เป็นต้าโจว อวี๋หวั่นคงกังวลว่าเด็กน้อยถูกศัตรูของจวนเยี่ยนอ๋องจับตัวไป ทว่าจวนเห้อเหลียนไม่มีทางเป็นเช่นนั้น พวกเขาเพิ่งมาอยู่ที่นี่ คนที่เคยมีปัญหากันก็มีไม่มาก และคนที่รู้ว่าพวกเขาอยู่ที่จวนเห้อเหลียนยิ่งมีน้อยกว่า คนของจวนตะวันตกก็ไม่สามารถเข้ามาถึงจวนตะวันออกแม้เพียงครู่เดียว
องค์หญิงน้อยแห่งจวนประมุขหญิงยิ่งเป็นไปไม่ได้ นางเป็นสตรีที่มีดีเพียงเปลือกนอกเท่านั้น ในขณะที่นางรังแกผู้อื่น นางก็ยังไม่กล้าก่อเรื่องมากเกินไป เพราะเกรงจะทำให้ประมุขหญิงไม่พอใจ…ความน่าสงสัยน้อยยิ่งกว่าจวนตะวันตกเสียอีก
อวี๋หวั่นครุ่นคิด เสี่ยวเป่าคงจะออกไปด้วยตัวเอง
อวี๋หวั่นสั่งให้ฝูหลิงกับจื่อซูไปตามหายังสถานที่ที่พวกเขามักไปบ่อยๆ อวี๋หวั่นบอกเยี่ยนจิ่วเฉาเกี่ยวกับการหายตัวไปของเสี่ยวเป่า เพียงแวบเดียวก็ไม่รู้ว่าเด็กน้อยไปแอบอยู่ที่ใดแล้ว ที่จวนคุณชายก็เป็นเช่นนี้ เด็กน้อยทั้งสามซ่อนตัวและปล่อยให้ลุงวั่นตามหาจนร้องไห้ ทว่าฮูหยินผู้เฒ่าไม่เข้าใจรสชาติวายร้ายของเด็กๆ อวี๋หวั่นเกรงว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะคิดมาก จึงให้เยี่ยนจิ่วเฉาอยู่ปลอบนาง
เคราะห์ดีที่วันนี้พ่อคุณทูนหัวตัวน้อยไม่งอแง จึงให้สัญญาอย่างดิบดี
อวี๋หวั่นยังคงกังวลเล็กน้อย “…หากฮูหยินผู้เฒ่าถามก็บอกว่าข้าไปซื้อชาด เสี่ยวเป่าตื่นแล้ว จึงงอแงจะออกไปกับข้า”
เยี่ยนจิ่วเฉามองเธออย่างเย็นชา “อวี๋อาหวั่น เจ้าไม่ไว้ใจในไอคิวของข้ารึ?”
คำว่าไอคิวอวี๋หวั่นเป็นคนสอนเขา เพียงครั้งเดียวเขาก็เรียนรู้และนำไปใช้ได้ทันที
อวี๋หวั่น “…”
ช่างเป็นการยกหินทับเท้าตัวเองอย่างแท้จริง
อวี๋หวั่นไปที่ห้องของเด็กๆ และพบว่ากระเป๋าย่ามที่เธอทำให้เสี่ยวเป่าหายไป นอกจากนี้ยังมีของเล่นชิ้นเล็กที่เยี่ยนจิ่วเฉาแกะสลักให้บุตรชายกับขวดนมของเสี่ยวเป่าด้วย
แหม ดูแล้วเหมือนสร้างสถานการณ์นะ
อวี๋หวั่นแน่ใจมากขึ้นเรื่อยๆ ว่าเด็กน้อยซ่อนตัวอยู่
“จะสู้กับแม่หรือ? เจ้ายังอ่อนหัดนัก” อวี๋หวั่นเดินไปที่ลานสวนของเห้อเหลียนเป่ยหมิง พร้อมกับอุ้มจิ้งจอกหิมะออกมา
อวี๋หวั่นให้จิ้งจอกหิมะดมกลิ่นผ้าอ้อมของเสี่ยวเป่า ทันใดนั้นจิ้งจอกหิมะก็เป็นลมสลบลงกับพื้น ผ่านไปสามวินาทีจึงค่อยๆ ลุกขึ้น เดินตามหาด้วยความอัปยศหาใดเปรียบ
จิ้งจอกหิมะเดินไปรอบๆ จวนด้วยขาสั้นๆ ทั้งสี่ อวี๋หวั่นเดินตามไปติดๆ จนถึงประตูหลังของจวนตะวันออก ในใจอดไม่ได้ที่จะสงสัย เด็กน้อยวิ่งเก่งยิ่งนัก…
ยามนี้ อวี๋หวั่นยังเดาไม่ออกว่าเด็กน้อยวิ่งออกจากบ้านไปแล้ว จนกระทั่งจิ้งจอกหิมะมาที่ประตูหลังและใช้กรงเล็บตะกุยประตูหลังที่แง้มอยู่
“นี่…แอบออกไปจากบ้านอีกแล้วหรือ?”
เพราะแต่ก่อนเด็กน้อยมีประสบการณ์หนีออกจากจวนมามากกว่าหนึ่งครั้ง อวี๋หวั่นจึงไม่ได้ตกใจกับเหตุการณ์ในครั้งนี้มากนัก แต่ทุกครั้งที่ผ่านมาเขาอยู่กับพี่ๆ เสมอ ทว่าคราวนี้กลับไปด้วยตนเอง ช่างกล้าหาญขึ้นทุกวันจริงๆ…
แต่เมื่ออวี๋หวั่นเปิดประตูหลังออกไป ก็เห็นเพียงถนนที่ว่างเปล่า เสี่ยวเป่าอยู่ที่ใดกันแน่?
……………
ในตลาดริมถนนที่คึกคักมีร้านทังหยวนที่เปิดมานานกว่าสิบปี ภายในร้านไม่ใหญ่นัก มีเพียงโต๊ะเล็กๆ สี่ตัว โต๊ะและเก้าอี้ดูเหมือนถูกใช้งานมานานหลายปีแล้ว ธุรกิจดำเนินไปด้วยดีในทุกๆ วัน แต่นี่ไม่ใช่อาหารมื้อหลัก แขกจึงมีไม่มากนัก
โต๊ะที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุม มีชายสวมหน้ากากสีเงิน ในชุดคลุมสีครามแขนกว้าง รูปร่างสูงโปร่งตัวตรงราวกับต้นสน ดูงดงามสูงศักดิ์และสง่างามผ่าเผย คนที่นั่งอยู่ทางขวามือคือเด็กชายผิวดำตัวน้อยอายุราวๆ สามขวบ เด็กผู้นั้นดำยิ่งนัก ยามที่เขาถูกบุรุษผู้นั้นจูงมือเข้ามาในร้าน เถ้าแก่ก็ถึงกับสะดุ้งตกใจ
ทว่าเด็กน้อยผู้นั้นมีหน้าตาจิ้มลิ้มงดงามเป็นความจริง คิ้วเข้มตาโต ปากนิดจมูกหน่อย ยามที่ยิ้มเผยให้เห็นลักยิ้มสองข้าง ช่างน่ารักจนใครต่างก็หลงใหล
เสื้อผ้าและลักษณะของทั้งสองดูไม่เข้ากับร้านเก่าแก่เรียบง่ายแห่งนี้ แต่เมื่อเห็นพวกเขากินของในร้าน กลับไม่ได้รู้สึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย
“พอกินหรือไม่?” ราชบุตรเขยเอ่ยถามอย่างอ่อนโยนพลางมองชามทังหยวนใบเล็กตรงหน้าเสี่ยวเป่า
เสี่ยวเป่าครุ่นคิด “พอกินสิ!”
ร้านนี้มีทังหยวนหลายรสชาติ ราชบุตรเขยสั่งชามที่ไม่มีไส้ให้เสี่ยวเป่า แต่เขาขอให้ร้านทำขนมไข่หวาน ใส่เหล้าข้าวหวาน เขาไม่รู้ว่าทำไมตนเองถึงคิดวิธีกินเช่นนี้ขึ้นมาได้ มันคล้ายกับว่าเขาเคยกินเช่นนี้กับใครบางคนเมื่อนานมาแล้ว
“ฟู่~ ฟู่~” เสี่ยวเป่าพ่นลมเป่าช้อน
“ข้าทำให้” ราชบุตรเขยกล่าว
เสี่ยวเป่ายื่นช้อนให้เขา
ราชบุตรเขยรับช้อนและชามมาคนให้เข้ากันเบาๆ
เสี่ยวเป่าเบิกตากลมโตสีดำคู่หนึ่งมองทังหยวนที่ลอยอยู่ในชามอย่างไม่กะพริบตา น้ำลายพลันสอออกมา
ราชบุตรเขยรู้สึกขบขันกับความตะกละเล็กน้อยของเขา
“อยากกินหรือไม่?” ราชบุตรเขยถาม
เสี่ยวเป่าพยักหน้าเหมือนโขลกกระเทียม!
ราชบุตรเขยคลี่ยิ้มอ่อนโยน “เกือบเสร็จแล้ว”
เสี่ยวเป่ากลืนน้ำลาย
ราชบุตรเขยตักมาครึ่งช้อนเล็กป้อนเข้าปาก เสี่ยวเป่างับและเลียปากเบาๆ
อื้ม! เหตุใดอร่อยเช่นนี้!
เสี่ยวเป่าอ้าปากกว้างรอให้เขาป้อนอย่างเชื่อฟัง
ราชบุตรเขยป้อนเขาอีกคำ ทังหยวนอร่อยมากจนเสี่ยวเป่าต้องถีบขา
ราชบุตรเขยยิ้ม “เจ้าชื่ออะไรหรือ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]