จ้าวเหิงตกใจจนเป็นลม
เพราะฉะนั้น จะแสร้งทำเป็นสูงส่งไปทำไม ในเมื่อจิตใจยังคงต่ำทราม?
อวี๋หวั่นคล้องแขนเยี่ยนจิ่วเฉา แล้วพูดอย่างมีความสุขว่า “สามี! กลับจวน!”
……
ยามที่ไปถึงจวนคุณชาย อวี๋หวั่นก็พบว่าในลานบ้านเต็มไปด้วยของขวัญมากมาย
อวี๋หวั่นเดินเข้าไปท่ามกลางกองของขวัญเหล่านั้น แล้วเอ่ยถามเถาเอ๋อร์และหลีเอ๋อร์ซึ่งกำลังจัดของขวัญอยู่ “นี่เป็นของขวัญที่คนอื่นส่งมา หรือว่าเป็นของที่จวนเราจะนำไปส่ง?”
หลีเอ๋อร์ตอบว่า “เรียนฮูหยินน้อย นี่เป็นของขวัญที่คนอื่นส่งมาเจ้าค่ะ พวกเรากำลังจดรายการ”
อวี๋หวั่นตกใจ “มากมายขนาดนี้เชียว”
จะไปเก็บที่ไหนละเนี่ย!
“เจ้าค่ะ ทางนี้เป็นของที่เสนาบดีกรมโยธาส่งมา ตรงนี้มาจากรองเสนาบดีหลี่ กรมข้าราชการพลเรือน และตรงนี้มาจากไต้ซือหวัง แล้วก็ตรงนี้เจ้าค่ะ มาจากอาจารย์…” หลีเอ๋อร์อธิบายให้อวี๋หวั่นฟังอย่างฉะฉานราวกับเป็นของของตน “แล้วก็ยังมีอีกส่วนหนึ่งอยู่ในห้องเก็บของข้างประตู ยังไม่ได้หยิบมาเจ้าค่ะ”
อวี๋หวั่นสูดหายใจเข้าเฮือกหนึ่งด้วยความตกใจ “เป็นของขวัญแสดงความยินดีที่เยี่ยนจิ่วเฉาได้เป็นผู้สำเร็จราชการหรือ?”
หลีเอ๋อร์ครุ่นคิด แล้วส่ายหน้า “เหมือนจะเป็น…ของขวัญตอบแทนนะเจ้าคะ”
อวี๋หวั่นรู้สึกประหลาดใจ “ของขวัญตอบแทน? พวกเราให้ของขวัญพวกเขาไปหรือ?”
เมื่อดูจากรายชื่อแล้ว ดูเหมือนว่าขุนนางในราชสำนักทั้งบุ๋นและบู๊ต่างก็ส่งของขวัญตอบแทนมาให้พวกเขา!
“ให้แล้วขอรับ” อิ่งลิ่วตอบอย่างไม่มีพิรุธ “คุณชายให้ไปตั้งแต่วันที่ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์แล้วขอรับ”
เป็นไข่ไก่สีแดงสองใบ ยิ่งใหญ่ซะไม่มี!
บรรดาขุนนางต่างกระอักเลือดอยู่ในจวนของตน หากถามว่าสิ่งที่ไร้ยางอายยิ่งกว่าการจับเสือมือเปล่าคืออะไรน่ะหรือ ก็คือเจ้าคุณชายงูพิษที่ใช้ไข่ไก่สีแดงสองฟองแลกกับของขวัญค่าควรเมืองของพวกเขาน่ะสิ!
ไข่ไก่สีแดงเปล่าๆ สองฟอง!!!
เมื่ออวี๋หวั่นได้ยินว่าเยี่ยนจิ่วเฉาส่งของขวัญให้เหล่าขุนนางไปแล้ว ก็ไม่ได้ซักไซ้อีก ทุกคนล้วนส่งมาแต่ของมีราคา แสดงว่าเยี่ยนจิ่วเฉาต้องส่งของที่ไม่ธรรมดาให้พวกเขาอย่างแน่นอน
อวี๋หวั่นจึงพูดว่า “รู้หน้าที่ดีจริงๆ เขารู้สินะว่าการส่งของขวัญให้เช่นนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ของเขากับขุนนางในราชสำนักแน่นแฟ้นขึ้น”
อิ่งลิ่วบีบกระเป๋าเงินแน่น เขาจำที่อิ่งสือซันเคยสอนได้ขึ้นใจ หากพูดความจริงโดยไม่ดูตาม้าตาเรือจะถูกหักเงินเดือน! แต่…แต่เขาก็ทนไม่ไหว จึงกระซิบว่า “อันที่จริงก็ไม่ใช่ของแพงอะไรขอรับ เป็นเพียง…”
อวี๋หวั่นมองเขาด้วยความสงสัย
สุดท้ายแล้วอิ่งลิ่วก็ต้องยอมทนต่อความอับอาย “เมื่อเทียบกับของขวัญที่ขุนนางให้มา ของคุณชายเทียบไม่ติดเลยขอรับ”
เขาไม่ได้พูดว่าไข่ไก่สีแดงสองฟอง…
อวี๋หวั่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “จะว่าไปก็ไม่แปลก อย่างไรเสียคุณชายบ้านเจ้าก็เป็นถึงผู้สำเร็จราชการ เหล่าขุนนางย่อมคิดจะประจบประแจงเขา ต้องเลือกของมีราคามามอบให้อยู่แล้ว…”
ท่านมั่นใจจริงๆ หรือว่าพวกเขาทำเพราะอยากประจบประแจง ไม่ใช่เพราะถูกบังคับ?
คำพูดนี้ อิ่งลิ่วไม่ได้พูดออกไป
ความจริงนั้นสำคัญ แต่เงินเดือนสำคัญกว่า!
ของที่เหล่าขุนนางส่งมาให้นั้นมีราคาแพง อวี๋หวั่นรู้สึกลำบากใจอยู่บ้าง แต่หากให้ส่งกลับไป พวกเขาก็คงไม่รับ
ถ้าหากขุนนางเหล่านั้นล่วงรู้ความคิดของอวี๋หวั่นละก็ พวกเขาคงจะรีบพูดว่า ‘รับสิ! รับ! พวกเรารับคืน! ได้โปรดส่งของคืนมาเถอะ!’
“ผิงเอ๋อร์” อวี๋หวั่นเรียก
“ฮูหยินน้อย” ผิงเอ๋อร์กำลังยกไหผักดองลงมาจากรถม้า เมื่อได้ยินอวี๋หวั่นเรียก นางก็เดินถือไหผักดองเข้ามา “มีอะไรหรือเจ้าคะ”
อวี๋หวั่นบอกว่า “เจ้าไปห้องครัวเล็กกับข้าหน่อย ข้าจะทำขนมให้พวกเขา”
ในช่วงบ่าย เหล่าขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ในราชสำนักล้วนได้รับขนมถั่วเขียวซานเย่าซึ่งชายาของผู้สำเร็จราชการลงมือทำเองกับมือ
บ่าวจากจวนคุณชายนำขนมไปส่งตามจวนต่างๆ พร้อมทั้งกำชับว่า “นี่เป็นขนมที่พระชายาบ้านข้าทำด้วยตนเอง”
ความหมายโดยนัยก็คือ กินอย่าให้เหลือ ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าโดนแน่
รูปลักษณ์ของขนมนับว่าไม่เลว กลิ่นก็หอมยั่วยวน แม้จะไม่อาจเทียบกับของขวัญที่พวกเขาส่งไป แต่ก็เป็นของที่พระชายาทำเองกับมือ น้ำใจย่อมมีค่าเหนือเงินทองไม่ใช่หรอกหรือ?
ขุนนางในราชสำนักต่างรู้สึกว่าพระชายานั้นมีเหตุมีผลกว่าเยี่ยนจิ่วเฉามาก!
แม้ว่าจะมาจากต่างจวน แต่ท่าทีที่เหล่าขุนนางชั้นสูงมีเมื่อได้รับขนมนั้นไม่ต่างกัน
พวกเขาหยิบขนมขึ้นมาลองชิมด้วยความตั้งใจ…
มารดามันเถอะ!
พวกข้าทำผิดอะไร ทำไมพระชายาต้องลงโทษพวกข้าเช่นนี้ด้วย ของขวัญที่พวกข้าส่งให้ไม่พอรึ!!!
ตกดึก ก็มีของขวัญจากบรรดาขุนนางระดับสูงอีกจำนวนหนึ่งส่งมาถึงจวนคุณชาย
อวี๋หวั่น “…เอ๊ะ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]