หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 247

แม้แต่นางกำนัลที่นำข่าวไปกราบทูลก็ยังไม่คาดคิดเลยว่าสองแม่ลูกสกุลเห้อเหลียนจะปฏิเสธคำเชิญของกษัตริย์ องค์ประมุขแห่งหนานจ้าวมีพระธิดาสองคน พระธิดาองค์โตถูกขับไล่ไปแล้ว ส่วนพระธิดาองค์เล็กเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขที่จะสืบทอดราชบัลลังก์ในภายภาคหน้า ตลอดเวลาที่ผ่านมา องค์ประมุขรักและเอ็นดูพระธิดามากเพียงใดทุกคนต่างรู้ดี ฉะนั้นต่อให้เป็นเพียงงานวันเกิดก็ไม่ควรปฏิเสธ

งานวันเกิดของคนที่บ้าน ย้ายไปฉลองวันอื่นก็ยังได้ เหตุใดต้องสร้างความขัดแย้งกับประมุขหญิงด้วย? คนที่บ้านก็ไม่ใช่ตี้จีองค์โตสักหน่อย จริงๆ เลย!

“แม่ทัพใหญ่คนนี้นี่นะ ไม่รู้งานเอาเสียเลย…”

ด้านหนึ่ง นางกำนัลกลับวังไปกราบทูลองค์ประมุข อีกด้านหนึ่ง อวี๋หวั่นก็เริ่มขบคิดเรื่องของขวัญวันเกิดของนางเจียง เธอไม่รู้ว่านางกำนัลมาที่นี่ ไม่รู้ว่าท่านแม่ของเธอเกิดวันเดียวกับตี้จีองค์เล็ก แต่ต่อให้เธอรู้ เธอก็คงไม่ได้คิดมากจนไม่เป็นอันเตรียมของขวัญให้นางเจียง

“ให้อะไรท่านแม่ดีนะ?”

อวี๋หวั่นนั่งใคร่ครวญอยู่ในห้อง

เยี่ยนจิ่วเฉาอ่านหนังสือเงียบๆ อยู่ข้างเธอ หนังสือเล่มนั้นก็ยังคงเป็นหนังสือภาพที่เห้อเหลียนเป่ยหมิงให้เด็กน้อยทั้งสาม!

เขาอ่านหนังสืออย่างจริงจัง ถ้าไม่รู้ก็คงคิดว่าเขากำลังวางแผนการรบอยู่

“เยี่ยนจิ่วเฉา…”

อวี๋หวั่นเอ่ยปาก เยี่ยนจิ่วเฉาก็หยิบขนมชิ้นหนึ่งใส่ปากเธอ สายตาของเขายังคงไม่ละไปจากหน้าหนังสือ เขาร้อง ‘โอ้’ แล้วก็พลิกหน้าหนังสือ

อวี๋หวั่น “…”

ในที่สุดอวี๋หวั่นก็ตัดสินใจได้ว่าจะให้แป้งชาดชั้นดีกับนาง เพราะจากการสังเกตของเธอ ท่านแม่ชื่นชอบแป้งชาดมาก ตั้งแต่ที่เยี่ยนจิ่วเฉาส่งของมีค่าเหล่านั้นไปที่หมู่บ้านเหลียนฮวา ท่านแม่ก็ใช้แป้งชาดจนหมด ถึงแม้ว่าครึ่งหนึ่งจะถูกใช้ไปกับการเติมหน้าทาปากให้เด็กๆ แต่ก็สรุปได้ว่าท่านแม่ชอบแป้งชาด!

เมื่อตกลงปลงใจเช่นนั้นแล้ว อวี๋หวั่นก็นึกออกว่ามีร้านขายแป้งชาดอยู่ห่างออกไปไม่ไกล เมื่อสอบถามตำแหน่งที่ตั้งจากสาวใช้ในจวนเรียบร้อยแล้ว เธอจึงออกจากจวนไป

ทว่าขณะที่เธอกำลังจะก้าวเท้าออกจากประตูนั้น เด็กน้อยทั้งสามก็วิ่งเตาะแตะมาหาพร้อมกับกอดขาของเธอไว้แน่น

“จะไป” เสี่ยวเป่าบอก

“แม่ไปซื้อแป้งชาด พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าอยากไป? แน่ใจหรือว่าไม่ได้อยากไปร้านขายถังหูลู่ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม?” ถ้าจำไม่ผิด มีร้านขายถังหูลู่เปิดอยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้านขายแป้งชาด

เด็กน้อยทั้งสามส่ายหน้าด้วยท่าทางบ้องแบ๊ว

พวกเขาไม่ได้อยากกินถังหูลู่สักหน่อย

ไม่ใช่เลยสักนิด

ซู้ดด!

อวี๋หวั่นรู้สึกขบขัน พลางยกมือขึ้นดึงแก้มนุ่มๆ ของพวกเขา แล้วพาพวกเขาออกไป

ร้านค้านั้นอยู่ไม่ไกล เดินออกจากจวนไป ผ่านตรอกสายหนึ่งก็ถึงแล้ว อวี๋หวั่นไม่ได้นั่งรถม้า เพียงแต่ให้เด็กๆ เดินตามด้านหลังเธอ

เด็กน้อยทั้งสามเดินเข้าไปในตรอก ก็กระโดดโลดเต้นราวกับม้าป่าหลุดจากบังเหียน

“จับข้าให้ได้สิ! จับข้าให้ได้สิ!”

เสี่ยวเป่าวิ่งนำหน้าไป

เอ้อร์เป่าไม่ยอมน้อยหน้า ตามเสี่ยวเป่าไปติดๆ พร้อมกับหันหน้ามาบอกต้าเป่าว่า “เจ้าจับข้าให้ได้สิ!”

เด็กน้อยทั้งสองชอบรังแกต้าเป่าซึ่งพูดไม่ได้ ทว่าทั้งสองคล้ายจะคำนวณผิดพลาดไปสักหน่อย เดิมทีคิดจะให้

ต้าเป่าวิ่งไล่พวกเขา ปรากฏว่าเมื่อหันหลังกลับไปก็ไม่เห็นต้าเป่าเสียแล้ว และเมื่อหันกลับไปมองด้านหน้า ต้าเป่าก็วิ่งทิ้งห่างพวกเขาไปไกลแล้ว

เอ้อร์เป่าและเสี่ยวเป่ายืนอ้าปากค้าง “…”

ต้าเป่าวิ่งไปยังร้านขายถังหูลู่อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็วิ่งไม่ไหวแล้ว ท่าทางของเขาราวกับกำลังบอกว่า ‘ข้าไม่ได้ซู้ดด…..ออกมาเพราะถังหูลู่สักหน่อย…ซู้ดด…เป็นเด็กดีซู้ดด…ถึงออกมากับท่านแม่ต่างหาก’

อวี๋หวั่นรู้สึกขบขันเหลือเกิน เด็กๆ ยืนจ้องตาไม่กะพริบ บนใบหน้าของเขาเขียนว่า ‘ข้าไม่กิน ข้าไม่กิน ข้าไม่กิน’

ทว่าน้ำลายหยดไปเสียแล้ว

ทำไมลูกของเธอน่ารักขนาดนี้นะ?

หากเป็นเสี่ยวเป่ากับเอ้อร์เป่าทำเช่นนี้ อวี๋หวั่นก็คงทนได้ แต่ต้าเป่าเป็นคนเดียวที่พูดไม่ได้ ทั้งยังถูกน้องชายทั้งสองแกล้งอยู่เป็นเนืองนิจ อวี๋หวั่นก็ใจอ่อน ไม่อาจเพิกเฉยได้

เป็นเพราะต้าเป่า สุดท้ายแล้วอวี๋หวั่นก็พาเด็กน้อยทั้งสามไปยังร้านขายถังหูลู่

ทั้งสามคนมีความสุขจริงๆ!

เจ้าของร้านรู้จักเด็กน้อยทั้งสามอยู่แล้ว และรู้ว่าพวกเขาชอบกินรสชาติใด เพียงแต่แยกพวกเขาไม่ออกก็เท่านั้น

“เสี่ยวเป่าเอา อันนี้” เสี่ยวเป่าเขย่งปลายเท้า ชี้ไปยังถังหูลู่ไม้ใหญ่ที่สุด เป็นน้องสุดท้อง แต่กลับชอบกินชิ้นที่ใหญ่ที่สุดเสมอ

เอ้อร์เป่ายังคงเลือกส้มเคลือบน้ำตาล

ต้าเป่ากินองุ่นเคลือบน้ำตาล

ทั้งสามส่งถังหูลู่ของตนให้อวี๋หวั่นกินก่อน แต่อวี๋หวั่นไม่ชอบกินของหวาน “พวกเจ้ากินเถอะ แม่ไม่ชอบกิน”

ได้ยินดังนั้น ทั้งสามคนจึงเริ่มกัดถังหูลู่

บนใบหน้าน้อยๆ ของพวกเขา เผยให้เห็นฟันซี่เล็กๆ ดูขาวสะอาด กำลังกัดถังหูลู่ลูกวาวใส พวกเขาท่าทางน่ารักน่าเอ็นดู ผู้คนที่ผ่านไปมาต่างก็หันไปมอง พร้อมกับพยายามคาดเดาว่าเป็นลูกหลานบ้านไหน

แฝดสามไม่ได้พบเห็นได้ทั่วไป ยิ่งไปกว่านั้นฝาแฝดที่ตัวดำเช่นนี้ก็พบเห็นได้ยากยิ่ง กระนั้นแม้จะดำก็ยังน่ารัก พวกเขาไม่เคยพบเห็นมาก่อน

อวี๋หวั่นใบหน้างดงามผิวขาวผ่อง แต่กลับถูกเด็กน้อยผิวเข้มแย่งชิงความสนใจไปหมด

พ่ายแพ้ต่อลูกๆ อย่างสิ้นเชิง

อวี๋หวั่นจ่ายค่าถังหูลู่ของลูกๆ จากนั้นก็พาพวกเขาไปยังร้านขายแป้งชาด

สิ่งที่อวี๋หวั่นมิได้คาดคิดก็คือ ทันทีที่ก้าวข้ามประตูร้านเข้าไป ก็บังเอิญพบกับคนผู้หนึ่งเข้า

ราชครูแห่งหนานจ้าว!

โลกกลมจริงๆ เลย!

โชคชะตาแบบไหนกันเนี่ย เจอผู้ชายคนนี้ที่วัดพิษครั้งหนึ่งแล้วไม่พอ ยังต้องมาเจอเขาที่ร้านขายแป้งชาดอีกหรือ?

ชายฉกรรจ์คนนี้ ไม่สิ ต้องเรียกว่าชายชรา จะมาซื้อแป้งชาดไปทำอะไร?

แน่นอนว่าราชครูไม่จำเป็นต้องใช้แป้งชาด แต่ในยาของเขาอาจยังต้องใช้เครื่องหอมที่หาได้ทั่วไปตามท้องตลาด แม้แต่องค์หญิงน้อยก็ยังรู้จักร้านขายแป้งชาดแห่งนี้ ร้านนี้เป็นร้านขายแป้งชาดชั้นดี หากราชครูจะมาซื้อเครื่องหอมก็คงมิใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

ทว่าอวี๋หวั่นไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลัง จึงคิดเพียงว่าตนโชคร้าย หลายวันมานี้ออกมาสามครั้ง บังเอิญเจอราชครูไปแล้วถึงสองครั้ง

ราชครูไม่เพียงแต่รู้จักเธอ ยังรู้จักเด็กน้อยทั้งสาม หากจะบอกว่าราชครูเห็นพวกเขา จะมาอ้างว่าเป็นคนหน้าเหมือนก็เห็นจะเป็นไปไม่ได้ หน้าตาเหมือนกันเพียงคนเดียวยังไม่เท่าไร แต่ทั้งบ้านหน้าตาเหมือนกันจะไม่น่าแปลกไปหน่อยหรือ?

ร้านขายแป้งชาดก็เข้าไปไม่ได้แล้ว แต่จะไปหลบที่ไหนดี?

ขณะที่อวี๋หวั่นกำลังลังเลอยู่นั้น ราชครูก็เดินมาทางเธอ

คล้ายกับว่าราชครูจะมองมาทางนี้ด้วย

อวี๋หวั่นจับเด็กน้อยทั้งสามเข้ามาด้านหน้า แล้วใช้ร่างของเธอและกระโปรงบังเด็กน้อยทั้งสามไว้

ทว่าราชครูเดินเข้ามาแล้ว

อวี๋หวั่นนัยน์ตากระตุกวูบหนึ่ง เธออุ้มเด็กน้อยทั้งสามคนขึ้นมา จากนั้นก็เดินกลับไปโดยไม่หันหลังกลับมา

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]