“องค์หญิงน้อยขอรับ แป้งชาดของท่าน”
เถ้าแก่ส่งของในมือให้อย่างนอบน้อม ของที่องค์หญิงน้อยใช้นั้นไม่เพียงคุณภาพดี แม้แต่บรรจุภัณฑ์ยังต้องวิจิตรงดงาม ไม่ว่าจะเป็นสินค้าหรือกล่องใส่สินค้า ล้วนแต่ดีกว่าของที่อวี๋หวั่น
องค์หญิงน้อยรู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมาก
เมื่อเถ้าแก่เห็นว่านางพอใจแล้ว จึงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก องค์หญิงน้อยผูู้นี้เอาใจยากเหลือเกิน ผมหงอกของเขาโดนนางถอนไปแทบหมดแล้ว ทว่าเรื่องนี้ได้เจรจาซื้อขายกันไปแล้ว หากเป็นไปได้ ภายภาคหน้าเขาก็ไม่คิดจะทำการค้ากับองค์หญิงน้อยผู้นี้อีก
“ระวังหน่อย! อย่าใช้มือสกปรกของเจ้ามาจับแป้งชาด!”
ขณะที่เถ้าแก่กำลังจะปิดฝากล่อง มือของเขาเกือบสัมผัสโดนแป้งชาด และถูกสายตาอันเฉียบแหลมขององค์หญิงน้อยเห็นเข้าพอดี นางจึงบริภาษเขาไปยกหนึ่ง
เถ้าแก่รีบตอบว่า “ขอรับๆๆ ข้าน้อยจะระวังไม่ให้โดนแป้งชาดขององค์หญิงเป็นอันขาด”
“หึ!” องค์หญิงน้อยหยิบกล่องมา โยนตั๋วแลกเงินให้ แล้วเดินออกไปโดยไม่หันหลังกลับมา
หัวใจของเถ้าแก่ซึ่งก่อนหน้านี้ร่วงลงไปถึงตาตุ่ม บัดนี้ได้กลับมาอยู่ที่เดิมแล้ว เขาหันไปมองร้านของตนเอง ยกมือขึ้นทาบอกเบาๆ พลางกล่าวว่า “กว่าจะรอดมาได้ ไม่ง่ายเลยจริงๆ…”
องค์หญิงน้อยไม่รู้ว่าตนทำเอาคนใจหายใจคว่ำ นางถือกล่องแป้งชาดออกมา แล้วขึ้นไปนั่งบนรถม้า
งานเลี้ยงจัดขึ้นในตอนเย็น บัดนี้ยังเช้าอยู่ นางจึงกลับจวนเสียก่อน และตรงไปหามารดาซึ่งนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
ดวงตาของนางเป็นประกาย นางเดินเข้าไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เอนกายหาประมุขหญิง “ท่านแม่!”
ประมุขหญิงมองนางผ่านกระจก รอยยิ้มของนางเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน “เจ้าโตแล้ว ยังติดแม่เหมือนเด็ก ไม่อายบ้างหรือ?”
“ไม่อาย~” องค์หญิงน้อยหยอกเย้า
ประมุขหญิงหลุดหัวเราะ ยกมือขึ้นจับใบหน้าของบุตรสาวซึ่งกำลังเกาะไหล่ของนาง “ไม่เห็นเจ้าตั้งแต่เช้า ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหนมาหรือ?”
คุณหนูทั่วไปไม่อาจมีอิสระเสรีในชีวิตมากถึงเพียงนี้ ประมุขหญิงเอาใจนาง องค์ประมุขก็ตามใจนาง องค์หญิงน้อยจึงเติบโตมามีนิสัยชอบออกไปเที่ยวเล่นเฉกเช่นบุรุษ
องค์หญิงน้อยยืดอก เดินไปยังเบื้องหน้าของประมุขหญิง จากนั้นจึงนำกล่องที่ซ่อนเอาไว้ด้านหลังออกมา นางเบ้ปากเล็กน้อย “ท่านแม่ใส่ความข้าแล้วนะเจ้าคะ ข้าไม่ได้ไปเที่ยวเล่น ข้าจองของขวัญมาให้ท่านแม่ต่างหาก เมื่อครู่เพิ่งไปรับมา”
ประมุขหญิงเลิกคิ้ว “เด็กคนนี้ อยากออกไปเที่ยวมากกว่ากระมัง”
องค์หญิงน้อยกอดแขนประมุขหญิง “เปล่านะเจ้าคะ! หากไม่ใช่เพราะไปซื้อแป้งชาดให้ท่านแม่ ข้าก็ไม่ได้ย่างกรายออกจากประตูวังเลยแม้แต่น้อย! ข้าเป็นเด็กดีที่สุดแล้ว!”
ประมุขหญิงรู้สึกขบขันกับท่าทางของนาง
องค์หญิงน้อยยังคงหยอกล้อกับมารดาอีกครู่หนึ่ง จนนางกำนัลเข้ามาตาม ประมุขหญิงจึงให้นางรีบกลับไปแต่งตัว จะได้เข้าวังตรงเวลา
หลังจากที่องค์หญิงน้อยไปเปลี่ยนชุด ประมุขหญิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง นางเปิดกล่องดู แล้วหยิบแป้งชาดสีที่เข้ากับนางมาใช้
ในส่วนที่นางมองไม่เห็น หนอนพิษตัวน้อยก็ค่อยๆ คืบคลานไปบนตัวของนาง
เป็นเพราะอยู่ใกล้ราชันสัตว์พิษมานาน ในตอนนี้หนอนพิษตัวน้อยจึงยังคงอ่อนแอ ไร้เรี่ยวแรงทำร้ายผู้ใด และด้วยเหตุผลนี้ ประมุขหญิงจึงยังไม่รู้สึกถึงความผิดปกติแม้แต่น้อย
ประมุขหญิงไม่รู้ว่าตนมีสัตว์พิษอยู่กับตัว นางลุกขึ้นและเดินไปยังห้องของราชบุตรเขย ในเมื่อเป็นวันเกิดของนาง เขาย่อมต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงในฐานะราชบุตรเขย
ทว่าตลอดทั้งช่วงบ่าย ราชบุตรเขยกลับเปลี่ยนชุดไปได้เพียงครึ่งเดียว เขายืนนิ่ง สายตาทอดมองไปยังท้องฟ้า ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่
นางกำนัลไม่กล้ารบกวนเขา เมื่อเห็นประมุขหญิงเข้ามา จึงรีบโค้งกายคำนับ
ประมุขหญิงยกมือขึ้นบอกเป็นนัยว่าให้พวกนางถอยออกไปก่อน ส่วนนางก็เดินไปข้างกายราชบุตรเขยอย่างเงียบเชียบ แล้วกล่าวเสียงค่อยว่า “มองอะไรอยู่หรือ?”
“ท้องฟ้า” ราชบุตรเขยตอบ
ทุกครั้งที่ราชบุตรเขยถูกล้างความทรงจำ เขามักจะมึนงงอยู่หลายวัน ทว่ามิได้กินระยะเวลานานเท่าไร จึงทำให้ประมุขหญิงคิดไม่ตกขึ้นมาทันใด
นางพยายามระงับความรู้สึกแปลกประหลาดในจิตใจ พลางยกมือขึ้นมาจัดแจงเสื้อผ้าของราชบุตรเขย “ถึงเวลาแล้ว ควรเข้าวังได้แล้ว ข้าช่วยท่านเปลี่ยนเสื้อผ้าดีหรือไม่?”
“จื่อจวิน” ราชบุตรเขยมองนางด้วยสายตาซับซ้อน
ประมุขหญิงกะพริบตา แล้วยิ้มออกมา “มีอะไรหรือ?”
ราชบุตรเขยกดลงบนหน้าอก ณ ตำแหน่งของหัวใจ “ตรงนี้ของข้าว่างเปล่า”
ประมุขหญิงหลุบตา แล้วยิ้มออกมา จากนั้นก็เงยหน้าซึ่งเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน “รู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหายไปหรือ?”
“อืม” ราชบุตรเขยพยักหน้า
ประมุขหญิงจับมือของเขา กล่าวว่า “ท่านนี่นะ คิดถึงฉงเอ๋อร์ใช่ไหม”
“ฉงเอ๋อร์?” ราชบุตรเขยพึมพำ
ประมุขหญิงพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้ว ฉงเอ๋อร์คนนี้จากไปครึ่งปีแล้ว หากไม่ได้เขียนจดหมายมาทุกเดือน ข้าก็คงคิดว่าเขาลืมท่านพ่อท่านแม่ไปแล้ว ฉงเอ๋อร์กำลังเดินทางมา ไม่นานก็คงได้พบหน้าท่านแล้ว”
“ข้าจำไม่ได้ว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างไร” ราชบุตรเขยบอก
“ท่านไม่ได้เห็นภาพวาดของเขาแล้วหรอกหรือ? เป็นภาพที่ท่านวาดเอง” ประมุขหญิงถาม
“อืม” ราชบุตรเขยพยักหน้า ทว่าในใจยังคงรู้สึกแปลกประหลาดราวกับว่าเด็กที่อยู่ในภาพมิได้เหมาะสมกับชื่อฉงเอ๋อร์ ไฉนเขาจึงตั้งชื่อให้เด็กคนนี้ว่าฉงเอ๋อร์กันนะ? แต่ว่าเขาในวัยเยาว์นั้นแตกต่างกับตอนนี้ เขาจะไปเข้าใจการตัดสินใจของตนในตอนนั้นได้อย่างไร?
“เปลี่ยนเสื้อผ้าเถิด” ประมุขหญิงหยิบชุดมาให้เขา
ราชบุตรเขยยกแขนขึ้น สอดมือสวมเสื้อ
ครอบครัวของจวนประมุขหญิงต่างเข้าร่วมงาน ขณะเดียวกันงานเลี้ยงวันเกิดในจวนเห้อเหลียนก็กำลังเริ่มต้นขึ้น
นางหลี่จากจวนตะวันตกก็ได้รับคำเชิญ อย่างไรเสียพวกเขาก็อยู่ร่วมชายคาเดียวกัน วันเกิดของน้องสะใภ้ ต่อให้ไม่เชิญพวกเขา พวกเขาก็ย่อมต้องนำของขวัญมาให้อยู่ดี เห้อเหลียนเฟิงกลับค่ายทหารในซีเฉิงไปแล้ว ผู้ที่มาอวยพรก็คือนางหลี่และบุตรชายทั้งสอง
ในตอนนี้นางหลี่ไม่กล้าโอหังอีกต่อไป สามีจากไปแล้ว พ่อสามีก็ถูกส่งไปนอนรอความตายอยู่กลางท้องทุ่ง ทุกวันนี้นางจึงจำต้องประพฤติตนให้อยู่กับร่องกับรอยสักหน่อย
ส่วนสองพี่น้องเห้อเหลียนอวี่และเห้อเหลียนเฉิงนั้น อย่างไรเสียพวกเขาก็ยังเยาว์วัยนัก เมื่อถูกนางหลี่ลากตัวมาจวนตะวันออก พวกเขาย่อมไม่ยินดี บอกว่าองค์ประมุขทรงเชิญให้สกุลเห้อเหลียนไปเข้าร่วมงานแล้วแท้ๆ ไม่รู้ว่าท่านลุงใหญ่คิดอะไร จึงไม่ยอมไปงานเลี้ยงในวังหลวงแต่โดยดี กลับต้องมาฉลองงานเลี้ยงให้สตรีชนบท สตรีชนบทผู้นี้มีอะไรดี? ยิ่งใหญ่กว่าตี้จีองค์เล็กอย่างนั้นหรือ?
สามแม่ลูกนำของขวัญไปยังจวนตะวันออก
งานเลี้ยงจัดขึ้นในศาลาริมน้ำ บรรยากาศผ่อนคลาย ดวงจันทร์สวยสด กอปรกับมีการตั้งเวทีการแสดงกลางทะเลสาบ และเชิญคณะการแสดงที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองหลวงมาแสดงและขับร้อง
คนในจวนตะวันออกทยอยกันเข้ามานั่ง นอกจากตำแหน่งเจ้าบ้านของจวนตะวันออกแล้ว ก็ยังมีชุยเฒ่าและอาม่า อาม่าไม่ค่อยได้ชมการแสดง มิสู้ชุยเฒ่าซึ่งชมการแสดงการละเล่นมามาก ชุยเฒ่าจึงเล่าเรื่องราวตั้งแต่ต้นจนจบให้อาม่าฟังอย่างใจเย็น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]