อีกอย่างอวี๋หวั่นก็รู้สึกว่าชุดของคนเหล่านี้ดูคุ้นตา
อวี๋หวั่นหันมองโจวจิ่นที่เยี่ยนจิ่วเฉาอุ้มอยู่ “ท่านรู้สึกหรือไม่ว่าชุดของพวกเขาดูเหมือนกัน?”
เยี่ยนจิ่วเฉาก็รู้สึกเช่นนั้นนานแล้ว โจวจิ่นสวมเสื้อผ้าเหมือนคนนิกายศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่ชุดที่โจวจิ่นสวมให้เยี่ยนเสี่ยวซื่อก็เป็นชุดของนิกายศักดิ์สิทธิ์ด้วย เห็นได้ว่าโจวจิ่นกับนิกายศักดิ์สิทธิ์ต้องมีบางอย่างเกี่ยวข้องกัน?
“ตลอดเวลาที่โจวจิ่นหายตัวไป อาจจะอยู่กับนิกายศักดิ์สิทธิ์หรือไม่?” อวี๋หวั่นกระซิบ
เยี่ยนจิ่วเฉาพยักหน้า “ก็เป็นไปได้”
“เช่นนั้นเราจะช่วยพวกเขาหรือไม่?” อวี๋หวั่นเอ่ย พลางมองเหล่านิกายศักดิ์สิทธิ์ที่เผชิญหน้ากับเผ่ามารอยู่กลางอากาศ
อันที่จริงอวี๋หวั่นไม่ค่อยรู้เกี่ยวกับวรยุทธ์มากนัก แต่เธอก็ยังรู้สึกได้ว่าพลังของเผ่ามารเหนือกว่านิกายศักดิ์สิทธิ์
บางทีอาจเป็นตามที่จิ้งอู๋โจ้วกล่าว ด้วยเหตุผลต่างๆ ยอดฝีมือนิกายศักดิ์สิทธิ์ไม่อาจส่งกองกำลังมาได้อย่างเต็มที่
“พวกเขารอให้อาจารย์ปู่ออกจากการบำเพ็ญก่อนไม่ได้หรือ?” อวี๋หวั่นกระซิบ
“มันอาจจะเกี่ยวข้องกับโจวจิ่น” เยี่ยนจิ่วเฉาเอ่ยพลางมองใบหน้าที่หลับใหลของโจวจิ่น
“เช่นนั้นเราจะช่วยพวกเขาหรือไม่?” อวี๋หวั่นถาม
“เจ้าอยากช่วยหรือไม่?” เยี่ยนจิ่วเฉาถาม
อวี๋หวั่นถูมือเงียบๆ “ข้าคิดว่า…ต่อให้อยากช่วย เราก็ช่วยไม่ได้”
โจวจิ่นก็ถูกพามาพัวพันกับที่นี่ หากเอ่ยสิ่งที่ไม่ควร เดิมทีนี่เป็นความแค้นระหว่างดินแดนศักดิ์สิทธิ์กับเผ่ามาร ไม่เกี่ยวกับพวกเขาหรือโจวจิ่นแม้แต่น้อย พวกเขาไม่จำเป็นต้องช่วย นี่คือเหตุผลหนึ่ง
สอง ดินแดนศักดิ์สิทธิ์แปลกเกินไป แม้พวกเขาจะมั่นใจ ทว่าไม่อวดดี อีกอย่างพวกเขายังต้องมีชีวิตไปตามหาไข่น้อยทั้งสาม หากพวกเขาสละชีวิตเพื่อคนสำนักใหญ่ผู้ชอบธรรมกลุ่มนี้ แล้วผู้ใดจะเลี้ยงดูบุตรของพวกเขา?
ระหว่างที่สองคนสนทนา ทั้งสองฝ่ายได้เริ่มปะทะกันบนฟ้า
วุ่นวายเพียงใด อวี๋หวั่นไม่เอ่ยถึง เธอไม่ใช่แนวหน้าที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ทว่ายามนั้นได้แต่ดูแลผู้บาดเจ็บในกระโจม น้อยนักที่จะเห็นคนสังหารกันอย่างจริงจัง ที่หมิงตูกับเผ่าพ่อมดเคยเห็นสองสามครั้ง แต่พลังการต่อสู้ของคนเหล่านั้น เทียบได้กับพลังการต่อสู้ของนิกายศักดิ์สิทธิ์กับเผ่ามารหรือ?
การระเบิดของพลังแต่ละครั้ง ราวกับโคมไฟดอกไม้ไฟที่ระเบิดในท้องฟ้ายามค่ำคืน อวี๋หวั่นตื่นตา แทบจะบอกไม่ได้ว่าใครเป็นใคร
เวลานี้เอง เยี่ยนจิ่วเฉายัดโจวจิ่นใส่ในอ้อมแขนของจิ้งอู๋โจ้วและตะโกนว่า “อย่ากลัวเลยสหายนิกายศักดิ์สิทธิ์ ข้ามาช่วยแล้ว!”
เขาเอ่ยแล้วก็เหาะขึ้นไปอยู่ข้างผู้บำเพ็ญหนุ่ม ในอ้อมแขนเขาอุ้มเด็กคนหนึ่งไว้ ไม่อาจใช้พลังได้ ถูกยอดฝีมือเผ่ามารตรึงไว้อย่างน่าอนาถ
ความแข็งแกร่งของเขาสูงสุดในบรรดายอดฝีมือนิกายศักดิ์สิทธิ์ เขาถูกตรึงไว้ ซึ่งก็หมายความว่าความสามารถในการต่อสู้โดยรวมลดลงอย่างมาก
เยี่ยนจิ่วเฉาเตะยอดฝีมือเผ่ามารคนหนึ่งที่ลอบโจมตีและเอ่ยกับเขาว่า “ส่งเด็กมาให้ข้า! เจ้าใช้พลังต่อสู้ศัตรูให้เต็มที่!”
สุ่ยเยว่ชิงเหลือบมองเยี่ยนจิ่วเฉาปราดหนึ่งกลางความวุ่นวาย
เขาไม่รู้จักเยี่ยนจิ่วเฉาเป็นที่แน่นอน แต่ด้วยใบหน้าที่น่าเชื่อถือของเยี่ยนจิ่วเฉา งดงามราวกับเทพเซียน ไม่เหมือนไอ้สารเลวที่จะลักพาตัวเด็กหนีไป
เยี่ยนจิ่วเฉามีท่าทางน่าเกรงขาม อารมณ์เคร่งขรึมและดวงตาที่จริงจัง
สุ่ยเยว่ชิงพยักหน้าและมอบเด็กให้เขา “ขอบใจสหาย ท่านถอยไปก่อน ไม่อยากให้บาดเจ็บ ข้าจัดการพวกเขาเอง! หากสหายมีกำลังเหลือ โปรดช่วยเหล่าศิษย์น้องข้าจัดการทหารด้านล่างนั่น”
แม้กองกำลังที่นิกายศักดิ์สิทธิ์ส่งมาในครั้งนี้ไม่อาจสู้เผ่ามาร ทว่าระดับของสุ่ยเยว่ชิงนับว่าสูงและด้วยอาวุธเวทนิกายศักดิ์สิทธิ์ที่มีในตัว เขามั่นใจเจ็ดในสิบส่วนว่าสามารถเอาชนะยอดฝีมือเผ่ามารกลุ่มนี้ได้
และสิ่งที่สุ่ยเยว่ชิงไม่คิดไม่ฝัน หลังจากบุรุษดุจเทพเซียนผู้นั้นรับเด็กไป ก็อุ้มเด็กหนีไปจริงๆ!!!
สุ่ยเยว่ชิง “…”
สุ่ยเยว่ชิง “!!!”
ไหนว่ามาช่วยเขา? มาลักพาตัวเด็กชัดๆ?!
เด็กผู้นี้ก็คือเสี่ยวเจา
เยี่ยนจิ่วเฉาถอดเสื้อคลุมของทหารเผ่ามารคนหนึ่งมาฉีกเป็นสองส่วน สะพายเสี่ยวเจาไว้บนหลัง สะพายเยี่ยนเสี่ยวซื่อไว้ที่อก ส่วนโจวจิ่นยังคงให้จิ้งอู๋โจ้วแบกไว้บนหลัง
อันที่จริงจิ้งอู๋โจ้วมาเพื่อฉวยประโยชน์ ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันดุเดือดเช่นนี้ ไม่รู้ว่าทำสมบัติหล่นไว้มากมายเท่าใด เก็บกลับไปขายคงได้ราคาดีไม่น้อยเลย!
จิ้งอู๋โจ้วกัดฟัน ชะงักก้าว จะส่งโจวจิ่นคืนให้เยี่ยนจิ่วเฉา “ข้าว่าเราแยกกันตรงนี้เถอะ!”
เยี่ยนจิ่วเฉากับอวี๋หวั่นหยุดชะงัก ขณะนั้นทหารเผ่ามารคนหนึ่งแวบมาด้วยความเร็ว
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ตื่นตระหนก ใช้ฝ่ามือตบเขาจนลอยไป และหยิบอาวุธของเขามาวางบนคอของจิ้งอู๋โจ้ว “เจ้าปลิวไปแล้ว? หรือว่าข้าปรมาจารย์เซียนจิ่วเฉาถือดาบไม่ได้?”
จิ้งอู๋โจ้ว “…”
พวกเขาไม่ได้หนีจากวังมารในทันที อย่างไรก็ยังไม่พบไข่น้อยทั้งสาม พวกเขายังไม่สามารถออกจากที่นี่ได้ในตอนนี้ พวกเขามาถึงเรือนที่ค่อนข้างเงียบสงบ
หลัวช่าน้อยในอ้อมแขนของอวี๋หวั่นแสดงออกเหมือนเด็กทั่วไป นอกจากผมที่ยุ่งเหยิงเล็กน้อย ดวงตาที่โตสักหน่อย การพูดไม่คล่องนัก และความชั่วร้ายในสายเลือดของเขาได้ถูกวิชาอายุวัฒนะควบคุมไว้ ดังนั้นยามนี้จิ้งอู๋โจ้วจึงไม่รู้เลยว่าเสี่ยวเจาคือหลัวช่าโลหิต
จิ้งอู๋โจ้วรู้สึกว่าเป็นไปไม่ได้ที่คนอายุเท่าทั้งสองจะให้กำเนิดเด็กโตอย่างโจวจิ่น แต่สองคนนี้พอเป็นไปได้
ยังหนุ่มยังสาวเช่นนี้ มีบุตรสองคนแล้ว มีได้มีดีเสียจริง!
หลัวช่าน้อยไม่เห็นเยี่ยนจิ่วเฉาในสายตา เอาแต่จ้องมองเพียงน้องสาวในอ้อมแขนเยี่ยนจิ่วเฉา “น้อง…สาว…”
ดวงตาของเขาอ่อนโยนมาก ต่างจากสิ่งชั่วร้ายตัวน้อยที่เขาเห็นในตอนแรก
อวี๋หวั่นรู้สึกยินดีอย่างยิ่ง
อวี๋หวั่นกำลังจะถามเขาว่าเขารู้ที่อยู่ของไข่น้อยทั้งสามหรือไม่ ก็เห็นหลัวช่าน้อยชี้ขึ้นไปบนฟ้า “บิน…บิน…”
สิ่งที่หลัวช่าน้อยต้องการบอก คือไข่น้อยทั้งสามนั่งนกตัวใหญ่บินหนีไปแล้ว
แต่ก่อนที่อวี๋หวั่นจะเข้าใจความหมาย ไข่น้อยทั้งสามก็นั่งนกตัวใหญ่บินกลับมาแล้ว!
หลังจากโจวจิ่นสูญเสียพลังเวทไปกับนกหลวนศักดิ์สิทธิ์ ต้าเป่าก็ให้นกหลวนศักดิ์สิทธิ์บินกลับทันที เขาไม่รู้ว่าบิดามารดาได้มาที่นี่ ทั้งยังช่วยทุกคนที่เขาต้องการช่วยออกมาด้วย
เขาขี่นกหลวนศักดิ์สิทธิ์ขนาดมหึมาบินไปยังสนามรบที่ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างไม่เกรงกลัว
“เจา!”
เขาใช้เสียงนกออกคำสั่ง นกหลวนศักดิ์สิทธิ์อ้าปากพ่นเปลวไฟรุนแรงและลุกโชน
เปลวเพลิงตกลงบนร่างของทหารเผ่ามาร และเริ่มเผาไหม้วรยุทธ์และจิตวิญญาณของพวกเขา
เหล่าทหารเผ่ามารกรีดร้องล้มลงกับพื้น
เสี่ยวเป่าและเอ้อร์เป่ายังคงพยายามอย่างไม่ลดละ ยึดหลักความพากเพียรที่ไม่มีวันสูญเปล่า กินผลไม้และเมล็ดต่อไป
นกหลวนศักดิ์สิทธิ์ที่ทำได้เพียงพ่นไฟโดดเด่นจนเยี่ยนจิ่วเฉาไม่อาจไม่สนใจ
กระทั่งเมื่อเห็นไข่น้อยทั้งสามที่สีหน้าเย็นชา ไร้เทียมทาน ร่วมกันทำลายเผ่ามารอยู่บนหลังนก เยี่ยนจิ่วเฉาก็รู้สึกปวดฟันจี๊ด!
……………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]