หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 254

ผู้ที่มาเปิดประตูคือข้าราชสำนักฝ่ายในแต่งกายเป็นบ่าว

เขามองดูผู้มาเยือน เมื่อเห็นดรุณีนางหนึ่ง มีทรงผมการแต่งกาย ท่วงท่าสง่าสาม ใบหน้าสะคราญไม่เหมือนผู้ใด ความหวาดระแวงในใจพลันลดลงเล็กน้อย เขาถามเธอว่า “ฮูหยินท่านนี้ มีธุระอะไรหรือ?”

องค์ประมุขกำลังปิดบังตัวตน แต่เพราะเป็นเช่นนี้ จึงต้องปฏิบัตต่อผู้อื่นเฉกเช่นคนปกติ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีผู้มาเยือน ข้าราชสำนักฝ่ายในจึงไม่อาจมีท่าทีหมางเมินได้

อวี๋หวั่นเอ่ยถามด้วยความเกรงใจว่า “ข้าอยู่จวนข้างๆ ลูกชายข้ามุดโพรงสุนัขลอดมายังจวนของพวกท่าน ไม่รู้ว่าท่านเห็นเด็กอายุสองสามขวบบ้างหรือไม่?”

คฤหาสน์ก็ไม่ได้ใหญ่ขนาดนั้น ไหนเลยจะปิดเรื่องต่างๆ ได้เล่า? ตั้งแต่ขันทีหวังเข้าไปยกของกินให้เจ้าเด็กน้อยและองค์ประมุข เรื่องของแขกตัวน้อยก็แพร่สะพัดไปทั่วจวน ทุกคนยังฉงนใจว่าแขกตัวน้อยนี้มาได้อย่างไร ที่แท้ก็มุดโพรงมานี่เอง

ดูเหมือนว่าแขกตัวน้อยคนนี้จะได้รับความเอ็นดูจากองค์ประมุขพอสมควร เพราะฉะนั้นเมื่อได้ยินอวี๋หวั่นบอกว่าเป็นมารดาของเขา ข้าราชสำนักฝ่ายในท่านนี้จึงมีท่าทีเกรงอกเกรงใจอวี๋หวั่นไปด้วย

ข้าราชสำนักฝ่ายในค้อมกายแล้วบอกว่า “โปรดรอสักครู่ ข้าจะไปรายงาน…นายท่าน”

“ขอบคุณ” อวี๋หวั่นพยักหน้า

ตามหลักแล้ว การไม่เชิญแขกเข้าไปนั้นนับว่าเสียมารยาท แต่อย่างไรเสียด้านในก็เป็นองค์ประมุข หากไม่มีรับสั่ง

พวกเขาก็ไม่กล้าเชิญผู้ใดเข้าไปด้านใน จึงทำได้เพียงปล่อยให้อวี๋หวั่นรออยู่หน้าประตูใหญ่

อวี๋หวั่นกังวลเรื่องที่ลูกตนบุกเข้าไปในบ้านของผู้อื่นมากกว่า เธอยังไม่ทันได้ขอโทษด้วยซ้ำ แน่นอนว่าย่อมไม่มาสนใจเรื่องมารยาท

อวี๋หวั่นยืนรอด้านนอกอย่างใจเย็น

ข้าราชสำนักฝ่ายในกระวีกระวาดไปกราบทูลองค์ประมุข พระองค์และเด็กน้อยเปลี่ยนทำเลเสียแล้ว พวกเขากำลังตรงไปยังสวนผลไม้ในคฤหาสน์

ผลสาลี่และผลส้มในสวนนั้นสุกได้ที่ ส่งกลิ่นหอมหวนชวนน้ำลายสอ ก่อนหน้านี้องค์ประมุขก็เดินผ่านที่นี่ ทว่าไม่เคยเข้าไปสักที

ต้าเป่าคิดว่าตนยังอยู่ในจวนสกุลเห้อเหลียน และคิดว่าที่นี่เป็นสวนผลไม้บ้านตน จึงจูงมือองค์ประมุขเข้าไปในเขตเรือน แล้วบุ้ยใบ้ให้เขาเด็ดผลไม้อย่างใจกว้าง

องค์ประมุขเด็ดผลไม้จริงๆ เสียด้วย

องค์ประมุขผู้ซึ่งได้แต่เรียกใช้ผู้อื่น ไม่คาดคิดเลยว่าจะวันที่เขาถูกเด็กน้อยอ้วนจ้ำม่ำเรียกใช้ ขันทีหวังคิดว่าชีวิตตนใกล้ถึงคราวหาไม่แล้วกระมัง ทันทีที่องค์ประมุขตั้งสติได้ว่าตนทำอะไรลงไป อย่างน้อยจักต้องฆ่าล้างตระกูลทุกคนที่เห็นความน่าอัปยศของพระองค์เป็นแน่

เมื่อคิดเช่นนี้ ขันทีหวังจึงแอบกินผลไม้ซึ่งปกติแล้วไม่กล้ากิน

ไหนๆ ก็จะตายอยู่แล้ว ยังไม่ให้กินผลไม้อีกหรือ?

“ขันทีหวัง” ข้าราชสำนักที่เฝ้าหน้าประตูเข้ามาแจ้ง

“มีเรื่องอะไร?” ขันทีหวังถามอย่างไม่สบอารมณ์

ข้าราชสำนักฝ่ายในหนุ่มชะงักไป ขันทีหวังเป็นอะไรไป? ท่าทางโมโหควันออกหูอย่างกับมีคนมายืมเงิน

“ข้าถามว่ามีอะไร!”

ขันทีหวังซึ่ง ‘ใกล้ตาย’ ระเบิดอารมณ์ออกมา

ข้าราชสำนักฝ่ายในหนุ่มตั้งสติได้ จึงรีบเล่าให้เขาฟังว่ามารดาของแขกตัวน้อยมา

“นางเป็นคนบ้านไหน?” ขันทีหวังถาม

ข้าราชสำนักฝ่ายในหนุ่มร้อง ‘ไอ้หยา’ แล้วตอบว่า “เมื่อครู่ข้าตกใจ จน…จนลืมถาม…”

แม้แต่สถานะของอีกฝ่ายยังไม่รู้ อยากให้เขาตายตาไม่หลับหรืออย่างไร? ขันทีหวังรู้สึกว่าหัวใจของเขาหนัก

อึ้ง เมื่อเห็นองค์ประมุขซึ่งกำลังเก็บผลไม้ราวกับคนเสียสติ ก็คิดว่าหากเข้าไปตอนนี้ตนอาจเข้าไปขัดจังหวะคนชรา และนั่นอาจทำให้เขาได้รับโทษหนักกว่าเดิมก็เป็นได้

ดังนั้นขันทีหวังจึงรออีกสักพัก

โชคดีที่ต้าเป่าเริ่มง่วง เขาหาวหวอด และเริ่มคิดถึงแม่

ต้าเป่ามองซ้ายมองขวา มองไปรอบๆ ก็ไร้วี่แววของท่านแม่ ขันทีหวังจึงอาศัยจังหวะนั้นเดินเข้าไป และกราบทูลเรื่องมารดาของเด็กน้อยให้องค์ประมุขฟัง

องค์ประมุขมองไปยังเด็กน้อยซึ่งใช้มือข้างหนึ่งจับมือของพระองค์ อีกข้างหนึ่งกำละขยี้ตาเบาๆ

หากถามขันทีหวังแล้ว เด็กคนนี้คงจะไม่ธรรมดา ไม่เพียงหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดู นิสัยยังน่าสนใจ ตัวก็อ้วนกลมน่ารัก ไม่ร้องไห้งอแง ทั้งยังทำให้องค์ประมุขยิ้มได้ดีด้วย…กระมัง?!

องค์ประมุขมองไปยังเด็กน้อย “พาไปส่งเถิด ดูให้ดีว่าเป็นแม่ของเขาจริงหรือไม่”

“ข้าน้อยเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีหวังพาเด็กน้อยซึ่งจูงมือองค์ประมุขไป

ไอ้หยา! ข้าก็ใจอ่อนเหมือนกัน

ขันทีหวังอดไม่ได้ที่จะบีบแขนนิ่มๆ ของเขา

เมื่อเงยหน้าขึ้นมา ก็พบว่าองค์ประมุขมีสีหน้าถมึงทึงขึ้นเล็กน้อย ขันทีหวังจึงจัดแจงจูงต้าเป่าให้เหมาะสม

จะบีบนิดหน่อยก็ไม่ได้ องค์ประมุขใจแคบเสียจริง!

ขันทีหวังจูงต้าเป่าไปยังทิศของประตูใหญ่

เป็นเพราะรู้ว่ากำลังจะได้พบท่านแม่ ต้าเป่าจึงไม่งอแง และให้ขันทีหวังจูงไปแต่โดยดี

เด็กน้อยซึ่งเมื่อครู่ตามติดเขาแจ บัดนี้กลับยอมไปกับคนอื่นอย่างว่าง่าย ทำให้องค์ประมุขรู้สึกขุ่นเคืองใจอยู่บ้าง

ขันทีหวังจูงเด็กน้อยเดินไปตลอดทาง ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดองค์ประมุขจึงได้หลงใหลเด็กคนนี้ เขานั้นว่าง่ายเหลือเงิน เห็นได้ชัดว่าง่วงจะแย่แล้ว เดินสัปหงกราวกับไก่กำลังจิกเมล็ดข้าว แต่ก็ยังไม่ร้องไห้งอแง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]