เมื่ออวี๋หวั่นกลับเรือนไป ก็พบว่าขวดนมหายไปใบหนึ่ง คงจะหล่นอยู่ระหว่างทาง ก็แค่ขวดนมหนังแพะขวดเดียว หายไปก็ทำใหม่ได้ ตัวคนไม่เป็นไรดีแล้ว
เมื่อนึกถึงเรื่องที่เด็กน้อยแอบออกจากจวน ทั้งยังขึ้นไปบนรถม้า อวี๋หวั่นก็รู้สึกว่าเด็กทั้งสามยังไม่หลาบจำ วันนี้พวกเขาหลับไปแล้ว เห็นทีคงไม่สะดวก พรุ่งนี้ค่อยจัดการทีเดียวก็แล้วกัน!
เพื่อที่จะไม่ให้ตนเองลืม อวี๋หวั่นถึงกับหยิบไม้ขนไก่ที่ตนทำขึ้นตอนว่าง วางไว้บนเก้าอี้ข้างเตียง ตนลืมตาตื่นขึ้นมาก็จะเห็นทันที
อวี๋หวั่นเห็นเด็กน้อยนอนแอ้งแม้งหลับอย่างสบายอารมณ์ ก็จิ้มศีรษะน้อยๆ แล้วบอกว่า “ให้พวกเจ้านอนสบายอีกสักคืนก็แล้วกัน”
เด็กทั้งสามได้นอนเต็มอิ่ม ฟ้ายังไม่สางก็ตื่นนอนแล้ว พวกเขาหาวหวอดอยู่บนที่นอน บิดขี้เกียจอีกเล็กน้อย วันอันแสนมีความสุขได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว กระนั้นเมื่อพวกเขาหันไป ก็เห็นไม้ปัดขนไก่วางอยู่บนเก้าอี้
ไอ้หยาาาา!
ทั้งสามคนสะดุ้งโหยงในทันใด!
จากนั้นเด็กน้อยทั้งสามกลิ้งกลุกๆ ลงจากเตียง แล้วกระวีกระวาดออกจากห้องไป!
ปกติแล้วอวี๋หวั่นไม่ค่อยได้ทำตามธรรมเนียมเท่าไรนัก อย่างไรเสีย ‘แม่สามี’ แท้จริงแล้วก็คือท่านแม่ของเธอ และท่านแม่ก็ตื่นสายกว่าเธอเสียอีก ฮูหยินผู้เฒ่าเองก็อยากเล่นกับเด็กๆ ไม่ได้มาจ้ำจี้จ้ำไชเธอ เธอจึงเคยชินกับการนอนจนอิ่มและตื่นเอง
เมื่ออวี๋หวั่นตื่นนอน เด็กทั้งสามและเยี่ยนจิ่วเฉาก็ไม่อยู่แล้ว
วันนี้ไม่กอดกับหอมแล้วหรือ?
อวี๋หวั่นมองไปยังไม้ปัดขนไก่ซึ่งทอประกายอยู่บนโต๊ะ เธอหรี่ตาเล็กน้อย
อวี๋หวั่นแต่งตัวเสร็จ เก็บของอีกเล็กน้อย จากนั้นก็ถือไม้ปัดขนไก่เดินไปหาเจ้าเด็กทั้งสาม
ถ้าไม่อยู่ในห้องของอวี๋เซ่าชิงและนางเจียง ก็ต้องอยู่ในห้องของฮูหยินผู้เฒ่า
ฮูหยินผู้เฒ่านั่งอยู่บนเก้าอี้ เด็กทั้งสามยกม้านั่งเตี้ยมานั่งข้างนาง พวกเขาจับหนังสือวางไว้บนตัก ท่องหนังสือไป
โยกศีรษะไปมา
“คนเกิดมา จิตใจดี”
เป็นเสียงของเสี่ยวเป่า
“จิตใจคล้าย นิสัยต่าง”
เป็นเสียงของเอ้อร์เป่า
“…”
ต้าเป่าโยกศีรษะแต่ไร้เสียง
สาวใช้ในห้องมองเด็กน้อยน่ารักอย่างมีความสุข ยังไม่ถึงสามขวบเต็ม แต่ว่านอนสอนง่ายและเฉลียวฉลาดเช่นนี้ ช่างสงบเสงี่ยมและรู้ความ!
เด็กคนอื่นเล่นเศษดินเศษหินบนพื้น แต่คุณชายน้อยทั้งสามกลับเริ่มเรียนหนังสือแล้ว!
“ฮูหยินผู้เฒ่าเจ้าคะ คุณชายน้อยอ่านหนังสือเก่งจริงๆ เจ้าค่ะ” สาวใช้คนสนิทของฮูหยินกระซิบบอก!
ฮูหยินผู้เฒ่าดีใจจนหุบยิ้มไม่อยู่ พร้อมกับพยักหน้าน้อยๆ “เหลนของข้า ต้องอ่านหนังสือเก่งอยู่แล้ว!”
ทั้งสามอ่านจบหนึ่งหน้า ก็มองไปยังฮูหยินผู้เฒ่าอย่างบ้องแบ๊ว
“ย่าทวด พวกข้าอ่านเก่งไหม?” เสี่ยวเป่าถามอย่างออดอ้อน
ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้มจนตาหยี “เก่ง! เก่ง! เก่ง! เก่งมาก!”
“เช่นนั้นพวกข้าจะมาอ่านให้ย่าทวดฟังทุกวัน” เอ้อร์เป่าพูดอย่างว่าง่าย
“ไอ้หยา!” ฮูหยินผู้เฒ่าใจแทบละลาย อดไม่ได้ที่จะกอดเด็กน้อยทั้งสาม ไม่อยากปล่อยไปไหน!
“ฮูหยินน้อย!” สาวใช้คนสนิทเห็นอวี๋หวั่นที่ปากประตู ก็คุกเข่าคำนับ
ฮูหยินผู้เฒ่ามองตามไป
อวี๋หวั่นซ่อนไม้ปัดขนไก่ไว้ด้านหลัง แสยะยิ้ม เผยให้เห็นฟันซี่ขาว “อรุณสวัสดิ์เจ้าค่ะท่านย่า!”
หลานสะใภ้อัปลักษณ์ของนางมาอีกแล้ว…
ฮูหยินผู้เฒ่าเบ้ปาก แล้วเรียกอวี๋หวั่นเข้ามาในห้อง
อวี๋หวั่นกำไม้ปัดขนไก่ไว้ แล้วแสร้งยิ้ม “ข้าไม่เข้าไปเจ้าค่ะ ข้ามีเรื่องจะพูดคุยกับลูกๆ สักหน่อย”
เด็กน้อยทั้งสามมองอวี๋หวั่นอย่างทำอะไรไม่ถูก
เสี่ยวเป่ายักไหล่ “แต่ว่าท่านแม่ พวกข้ากำลังอ่านหนังสือให้ย่าทวดฟัง อ่านเสร็จก็ต้องทุบขาด้วย”
ทันทีที่เขาพูดจบ ต้าเป่าและเอ้อร์เป่าก็เดินไปข้างกายฮูหยินผู้เฒ่าพร้อมกัน ยื่นกำปั้นน้อยๆ ออกมา แล้วเริ่มทุบขาให้ฮูหยินผู้เฒ่า
ฮูหยินผู้เฒ่าเห็นว่าเด็กน้อยทั้งสามกตัญญู นางก็มีความสุขจนยิ้มร่า “เหลนของทวดเก่งจริงๆ!”
อวี๋หวั่นกัดฟันกรอด
เจ้าเด็กแสบ ใช้ฮูหยินผู้เฒ่าเป็นเกราะกำบัง ไม่รู้ว่าใครสั่งใครสอน!
ขณะที่กำลังใช้ความคิด เห้อเหลียนเป่ยหมิงก็เข็นรถมา แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดันว่า “อาหวั่น เมื่อวานเจ้าออกจากจวนไปรึ? ประเดี๋ยวไปหาข้าที่ห้องหนังสือด้วย”
ดวงตาเรียวของอวี๋หวั่นเบิกโพลง ขาข้างหนึ่งก้าวข้ามธรณีประตู “ไม่ได้นะเจ้าคะท่านลุงใหญ่! ข้ามาหาท่านย่า ประเดี๋ยวจะไปเดินในสวนเป็นเพื่อนท่านย่าเจ้าค่ะ!”
เห้อเหลียนเป่ยหมิงมองอวี๋หวั่น จากนั้นก็มองไปยังฮูหยินผู้เฒ่าซึ่งกำลังมีความสุข จึงดันรถเข็นของตนออกไป
อวี๋หวั่นปาดเม็ดเหงื่อบนหน้าผาก แล้วถอนหายใจอย่างโล่งอก เฮ้ออ รอดตัวไป!
……
อาเว่ยกลับมาอย่างปลอดภัยพร้อมกับกุญแจ อวี๋หวั่นจึงถือกล่องใบเล็กไปยังชีสยาย่วน
อาเว่ยส่งกุญแจให้อวี๋หวั่น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]