เช้าตรู่ในหนานจ้าวมีหมอกลง ท่ามกลางแสงสว่างแรกยามรุ่งอรุณหมอกสลัวปกคลุมทั่วฟ้าดิน
ราชบุตรเขยค่อยๆ ตื่นจากการหลับใหล เขายกมือขึ้นบังแสงที่ลอดผ่านเข้ามาจากช่องหน้าต่าง หลังจากปรับสายตาได้จึงลดมือลง มองเพดานม่านคลุมเตียงที่ห้อยด้วยเศษหยกหลากสี และเอื้อมมือเปิดม่านออก มองดูห้องที่เรียบง่ายสง่างาม ภายในใจพลันเกิดความรู้สึกแปลกประหลาดไม่คุ้นเคย
เขาไม่รู้เลยว่าที่นี่คือที่ไหน
ชายหญิงสองคนนั่งฟุบอยู่บนโต๊ะกลม หากดูจากการแต่งกายและมวยผมที่เกล้าขึ้น คล้ายกับเป็นคุณชายและคุณหนูจากตระกูลใหญ่
เขารู้สึกไม่คุ้นเคยกับทั้งสองเช่นกัน
ที่นี่คือที่ใด? พวกเขาเป็นใคร? เหตุใดเขาถึงมาอยู่ที่นี่?
ความสงสัยนับไม่ถ้วนเกิดขึ้นในใจ เขาไม่ต้องการทำให้ใครแตกตื่น จึงค่อยๆ ยกผ้านวมออกแล้วลุกขึ้นนั่งอย่างแผ่วเบา ทันทีที่เขาสวมรองเท้า รองเท้าข้างหนึ่งที่ยังใส่ไม่มั่นคงหลุดร่วงลงบนพื้นของเตียงป๋าปู้
เสียงนั้นปลุกให้ชายหนุ่มบนโต๊ะกลมรู้สึกตัวตื่น
เขาเงยหน้าขึ้นในทันทีและมองไปที่ราชบุตรเขย แววตาเกิดประกายแห่งความสุข “ท่านพ่อ!”
“ท่าน…พ่อ?” ราชบุตรเขยจ้องมองเขาอย่างตกใจ
ชายหนุ่มแย้มยิ้ม เขย่าหญิงสาวที่อยู่ด้านข้าง “ซีเอ๋อร์ ท่านพ่อตื่นแล้ว”
“หือ?” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นอย่างสะลึมสะลือ และขยี้ตาด้วยความงัวเงีย “ตื่นแล้วรึ?”
“ตื่นแล้ว!” ชายหนุ่มกล่าว
ราชบุตรเขยเห็นดวงตาของหญิงสาวเบิกกว้าง นางมีสีหน้าน้อยอกน้อยใจเดินมานั่งลงข้างๆ และซุกในอ้อมแขนของเขา “ท่านพ่อ! ท่านหลับไปตั้งสามวัน ทำให้ซีเอ๋อร์กลัวแทบตาย!”
“ซีเอ๋อร์” ราชบุตรเขยพึมพำ
องค์หญิงน้อยเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างประหลาดใจ “ท่านพ่อจำซีเอ๋อร์ไม่ได้อีกแล้วหรือ?”
อีกแล้ว?
หากกล่าวเช่นนี้ นี่ก็คงไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเป็นแบบนี้
ราชบุตรเขยกดศีรษะที่ปวดตุบๆ พยายามนึก ทว่าก็นึกอะไรไม่ออก
ดวงตาของหนานกงหลีเกิดประกายวูบไหว ก้าวไปด้านหน้า ดึงน้องสาวขึ้นจากอ้อมแขนของราชบุตรเขย และกล่าวอย่างเอาแต่ใจ “เจ้าเนี่ย ท่านพ่อเพิ่งจะฟื้น อย่ากล่าวอันใดให้ท่านรู้สึกเหนื่อยสิ”
“อ้อ” แม้องค์หญิงน้อยมีใจอยากออดอ้อนท่านพ่อของนาง แต่เมื่อฟังคำพูดของพี่ชาย ก็ทำได้เพียงลุกออกไปแต่โดยดี
หนานกงหลีกล่าวกับราชบุตรเขยด้วยใบหน้าใคร่รู้ “ท่านพ่อหลับไปถึงสามวันรู้สึกอย่างไรบ้าง? ไม่สบายตรงไหนหรือไม่? ท่านแม่ไปอธิษฐานขอพรให้ท่านที่วิหารพิษ ท่านไม่ได้สติสามวัน ท่านแม่ก็ไปขอพรให้ท่านสามวัน มิได้ไปว่าราชการ ไม่ยอมเสวยสิ่งใด ยามนี้คงสามารถไปรายงานว่าท่านปลอดภัยได้แล้ว”
ราชบุตรเขยยิ่งสับสนงงงวยกับคำพูดเหล่านี้
เขาไม่เพียงแต่มีบุตรสองคน ทว่ายังมีภรรยาที่ต้องไปว่าราชการอีก?
นี่มันเกิดอะไรขึ้น?
หนานกงหลีส่งคนไปที่วิหารพิษเพื่อแจ้งให้ประมุขหญิงทราบโดยทันที
ขณะที่รอให้ประมุขหญิงกลับมา หนานกงหลีได้อธิบายตัวตนและอาการป่วยของเขาอย่างละเอียด “…ท่านพ่อคือบุตรชายของหัวหน้าเผ่าไป๋เอ้อ ท่านแม่เป็นประมุขหญิงแห่งหนานจ้าว ว่าที่องค์ประมุข ข้าคือหนานกงหลีบุตรชายคนโตของท่าน น้องสาวชื่อหนานกงซี นางเป็นบุตรบุญธรรมที่ท่านแม่รับเลี้ยงมากจากชนเผ่าของท่านพ่อ แต่ท่านก็รักนางยิ่งนัก รักมากกว่าข้าเสียอีก ท่านพ่อเคยบาดเจ็บเพื่อช่วยชีวิตท่านแม่ ซึ่งไม่เพียงแต่ทำลายรูปโฉม ยังทำให้เกิดอาการเรื้อรังตามมาด้วย บางครั้งท่านจะลืมเรื่องในอดีตไป และนี่ไม่ใช่ครั้งแรก เมื่อครู่ซีเอ๋อร์จึงบอกว่าท่านลืมนางไปอีกแล้ว”
ราชบุตรเขยลูบใบหน้าของตนเอง เขาลูบใบหน้าด้านขวาด้วยความเคยชิน พบว่ามันไม่มีร่องรองใดๆ แต่เมื่อสัมผัสใบหน้าด้านซ้ายกลับพบรอยแผลเป็นฉกรรจ์
หนานกงหลีกล่าวด้วยเสียงอบอุ่น “ท่านพ่ออย่าได้ใส่ใจเลย สำหรับพวกเราและท่านแม่ อย่างไรท่านก็คือบุรุษรูปงามเหนือใครในใต้หล้าเสมอ”
“ข้ากับแม่ของเจ้า…” ราชบุตรเขยอ้าปากพะงาบๆ ไม่รู้จะกล่าวอย่างไร
หนานกงหลีเข้าใจดี แย้มยิ้มอย่างสนิทสนม “ท่านพ่อกับท่านแม่ได้รู้จักกันที่หนานจ้าว หลังจากนั้นท่านแม่ก็เดินทางไปยังชนเผ่าของท่านพ่อและได้สานสัมพันธ์กัน ในช่วงปีแรกท่านตายังไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานของพวกท่าน ทว่าเพื่อให้ได้อยู่กับท่านพ่อ ท่านแม่จึงปฏิเสธที่จะเป็นตี้จีแห่งหนานจ้าวต่อไป กระทั่งในท้ายที่สุดท่านตายอมอ่อนข้อ ความสัมพันธ์ของพวกท่านเป็นไปได้อย่างดียิ่ง ทั่วทั้งหนานจ้าวไม่มีผู้ใดไม่ริษยาพวกท่านเลย”
“ฉงเอ๋อร์” จู่ๆ ราชบุตรเขยก็เอ่ยขึ้น
หนานกงหลีตกตะลึง
วินาทีถัดมา เขากล่าวด้วยสีหน้าแห่งความยินดี “ท่านพ่อยังจำชื่อข้าได้หรือ?”
เหตุใดสูญเสียความทรงจำไปกี่ครั้ง ก็ไม่เคยลืมชื่อเด็กนั่นเสียที?!
ในใจของหนานกงหลีอิจฉาริษยาจนแทบคลั่ง
เขาพยายามบอกตนเองว่าฉงเอ๋อร์คือเขา และเขาก็คือฉงเอ๋อร์ คนที่บิดาของเขาจำได้และคำว่าฉงเอ๋อร์ที่เรียกก็คือเขาเช่นกัน แต่ทุกครั้งที่เห็นสายตาอันสับสนของบิดา เขาก็เข้าใจได้ทันทีว่าฉงเอ๋อร์ในความทรงจำนั้นไม่เคยเป็นเขาเลย!
เป็นไปดังคาด ราชบุตรมองไปที่หนานกงหลีอีกครั้ง เผยสีหน้าแววตาสับสนที่หนานกงหลีคุ้นเคย
“แม่ของเจ้า…”
“แม่ของข้าชื่อจื่อจวิน”
ไม่ต้องให้ท่านถาม ข้าจะตอบแทนท่านเอง
สองชื่อนี้ไม่ว่าจะกี่ครั้ง ก็ไม่มีวันถูกลบไปจากความทรงจำ
“อื้ม นางละ” ราชบุตรเขยคลี่ยิ้มเบิกบาน
“ท่านพี่ ท่านพี่! หมอหลวงมาถึงแล้ว!” องค์หญิงน้อยยกกระโปรงวิ่งปรี่เข้ามา เมื่อก้าวข้ามธรณีประตูและพบว่าหมอหลวงไม่ได้ตามมา ก็หันหลังไปคว้าหนวดเคราของเขา “เร็วเข้าสิ!”
หมอหลวงตกใจ “เจ็บ เจ็บ เจ็บ! องค์หญิงน้อยได้โปรดออมมือ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]