โอ้สวรรค์!
ราชบุตรเขยมีบุตรชายที่โตถึงเพียงนี้แล้วหรือนี่!
เขาคือเยี่ยนอ๋อง?
ใช่รึไม่?! ใช่รึไม่?! ใช่รึไม่?!
จิตใจขันทีหวังครุ่นคิดอยู่หลายตลบ ทว่าใบหน้านิ่งสงบราบเรียบ
เดิมทีต้องการให้เยี่ยนจิ่วเฉาได้เผชิญหน้ากับราชบุตรเขย แต่ตอนนี้ทั้งสองฝ่ายยังไม่ได้เอ่ยแม้เพียงประโยคเดียว ภายในใจของทุกคนกลับรับรู้บางสิ่งบางอย่าง
หากบอกว่าใต้หล้ากว้างใหญ่ไพศาล มิใช่ไร้คนหน้าตาคล้ายคลึง ทว่ามันเกิดขึ้นหลังจากมีข่าวซื่อจื่อแห่งจวนเยี่ยนอ๋องและเยี่ยนอ๋องปรากฏตัวขึ้นที่เมืองหลวง ดังเช่นคำกล่าวลมไม่พัดใบไม้ไม่ไหว หากไม่ใช่พ่อลูก แล้วเหตุใดคนถึงบอกว่าสองพ่อลูกต่างก็มาที่นี่?
“เขาใช่พ่อของเจ้าหรือไม่?” ประมุขตรัสถามเยี่ยนจิ่วเฉา
“พ่ะย่ะค่ะ” เยี่ยนจิ่วเฉาตอบ
ประมุขครุ่นคิด พระขนงมุ่นเข้าหากัน “เจ้ามาที่ต้าโจว…เพื่อตามหาพ่อของเจ้าหรือ?”
เยี่ยนจิ่วเฉานิ่งเงียบ
ความเงียบงันตกอยู่ในสายพระเนตรขององค์ประมุขคือการยอมรับโดยปริยาย
คิดแล้วก็น่าสงสาร บิดาแกล้งตาย สิบห้าปีผ่านไปกลายเป็นบิดาของคนอื่น ไม่ว่าเป็นผู้ใดก็คงไม่อาจกล้ำกลืน ต้องมาถามให้รู้ถึงที่ว่าแท้จริงเกิดสิ่งใดขึ้นกันแน่
หากเขามาที่นี่เพื่อตามหาบิดาจริง แม้ขัดแย้งต่อหลักกฎหมาย หากแต่ถูกต้องตามหลักทำนองคลองธรรม
ส่วนเหตุใดที่เขาถึงกลายมาเป็นคุณชายใหญ่แห่งจวนเห้อเหลียนนั้น องค์ประมุขตัดสินใจจะถามเห้อเหลียนเป่ยหมิงอีกครั้งในภายหลัง ทว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการค้นหาตัวตนของราชบุตรเขย
ทั้งสองเป็นพ่อลูกกัน ประมุขมิได้เคลือบแคลงใจ แต่เป็นเยี่ยนอ๋องและบุตรชายจริงหรือไม่ยังต้องตรวจสอบ
“พาราชครูมาพบข้า” ประมุขตรัสน้ำเสียงเย็นชา
“พ่ะย่ะค่ะ!” ขันทีหวังไปเชิญราชครูมา
แน่นอนว่าราชครูเข้าใจเรื่องราวบางอย่างขึ้นมาแล้ว ก้าวแรกเขาได้รายงานเยี่ยนจิ่วเฉา ก้าวหลังก็มีผู้มารายงานราชบุตรเขย
ที่องค์ประมุขเรียกตัวเขาเข้าเฝ้าเพราะต้องการให้เขายืนยันตัวเยี่ยนจิ่วเฉา
หากเขายืนยัน ก็เท่ากับยืนยันว่าราชบุตรเขยเป็นเยี่ยนอ๋อง แต่หากเขาไม่ยืนยันก็จะไม่สามารถขับไล่เยี่ยนจิ่วเฉา ออกไปจากหนานจ้าวได้
กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ!
ไม่ว่าจะทางเลือกใด ฝั่งที่โชคร้ายก็คือจวนประมุขหญิง!
การกระทำที่ทำให้คนกลับตัวไม่ทันเช่นนี้ เหตุใดเหมือนกับฝีไม้ลายมือของราชบุตรเขยขนาดนั้น?
“ฝ่าบาท ท่านราชครูมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ” ขันทีหวังกราบทูลจากด้านนอกประตู
ประมุขโบกพระหัตถ์ไปทางองครักษ์
องครักษ์เข้าใจความหมาย พาราชบุตรเขยที่หมดสติกลับไปที่ห้องโถงด้านข้าง
จากนั้นประมุขจึงตรัสอย่างน่าเกรงขาม “เข้ามา”
ขันทีหวังกล่าวสุดเสียง “ราชครูเข้าเฝ้า—”
ราชครูเข้ามาในตำหนักจินหลวนด้วยสายตามองตรงไม่วอกแวก และถวายบังคมต่อองค์ประมุขอย่างนอบน้อม “ฝ่าบาท” และหันไปถวายบังคมต่อประมุขหญิง “องค์หญิง”
องค์ประมุขมองเยี่ยนจิ่วเฉาที่ยืนอยู่ด้านข้างและกล่าวกับราชครู “ท่านนี้คือคุณชายใหญ่แห่งจวนเห้อเหลียน เจ้าบอกข้าว่าเขาคือซื่อจื่อจวนเยี่ยนอ๋องแห่งต้าโจว ข้าให้เจ้ามาเพื่อให้ยืนยันอีกครั้งว่า เขาเป็นซื่อจื่อแห่งต้าโจวหรือไม่?”
ราชครูใคร่ตอบว่าไม่
องค์ประมุขตรัสต่อ “เจ้าพินิจจนแน่ใจแล้วค่อยตอบข้า ยังมีขุนนางอีกสามท่านที่เดินทางไปต้าโจวกับเจ้า อีกเดี๋ยวข้าจะเรียกพวกเขามายืนยันตัวตนคุณชายใหญ่แห่งจวนเห้อเหลียนเช่นกัน”
หัวใจของราชครูจมลงสู่ก้นบึ้ง
ความจริงแล้ว ขุนนางทั้งสามเป็นท่าไม้ตายของเขา เขาเคยคิดว่าเยี่ยนจิ่วเฉาจะไม่ยอมรับตัวตนของตนเอง ตอนนั้นเขาจึงเรียกทุกคนที่เคยเห็นเยี่ยนจิ่วเฉามาเพื่อให้ช่วยระบุตัวตนด้วยอีกแรง
ยามนี้ท่าไม้ตายในมือกลับกลายเป็นมีดแหลมที่ตัดเส้นทางล่าถอยของเขาเสียเอง
เขาถูกบังคับให้บอกความจริง
แต่ความจริงจะทำให้จวนประมุขหญิงไม่อาจฟื้นคืนได้อีกตลอดไป
“…พ่ะย่ะค่ะ” ราชครูกล่าว “เขาคือซื่อจื่อแห่งต้าโจว เยี่ยนจิ่วเฉา”
เล็บของประมุขหญิงจิกลงในเนื้อ
“เจ้าแน่ใจหรือ?” องค์ประมุขถาม
ราชครูสูดหายใจและกล่าวอย่างหมดหนทาง “กระหม่อมแน่ใจ กระหม่อมเคยเห็นเยี่ยนซื่อจื่อที่เมืองจิงเฉิงอยู่หลายครา ยามนี้เวลาผ่านไปเพียงไม่กี่เดือน กระหม่อมไม่มีทางจำผิดแน่พ่ะย่ะค่ะ”
“ข้าก็คิดว่าเจ้าไม่มีทางจำผิด อย่างไรเสียเจ้าก็เป็นคนที่รายงานข้าเรื่องเยี่ยนซื่อจื่อ” องค์ประมุขตบแขนที่แข็งทื่อของราชครู และหันไปหาขันทีหวัง “ไปเรียกเหล่าขุนนางใหญ่มา ให้พวกเขายืนยันตัวเยี่ยนซื่อจื่อ”
“พ่ะย่ะค่ะ!” ขันทีหวังมองประมุขหญิงด้วยความเห็นใจ
แม่นาง เจ้าจบเห่แล้ว!
ขุนนางใหญ่ทั้งสามมาทำงานที่เน่ย์เก๋อซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตำหนักจินหลวน เพียงไม่นานพวกเขาก็เดินทางมาถึง
องค์ประมุขไม่กล่าวยืดเยื้อ ถามเพียงว่าพวกเขารู้จักชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าหรือไม่
“พวกเจ้ารู้จักเขาหรือไม่?” องค์ประมุขชี้ไปที่เยี่ยนจิ่วเฉา
ใบหน้าของคนทั้งสามฉายแววประหลาดใจ และเอ่ยออกมาอย่างพร้อมเพรียง “เยี่ยนซื่อจื่อ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]