หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 281

เมื่อถึงยามพลบค่ำ อวี๋หวั่นเดาได้ว่าฝั่งเยี่ยนจิ่วเฉาจะจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว เธอจึงกลับไปที่จวนพร้อมกับฮูหยินผู้เฒ่าที่กำลังเดินเล่นอย่างสนุกสนาน

เยี่ยนจิ่วเฉาและพรรคพวกเพิ่งมาถึงเรือนไม่นาน

อย่ามองว่าฮูหยินผู้เฒ่าเดินเล่นจนไม่อยากกลับ เมื่อกลับถึงจวนจริงๆ นางกลับเบะปากไปบ่นกับหลานชายของนาง “…ภรรยาเจ้าทำให้ข้าเหนื่อยแทบตาย นี่ก็อยากดู นั่นก็อยากซื้อ กระดูกแก่ๆ ของข้าแทบถูกนางทำให้หักเป็นชิ้นๆ…”

อวี๋หวั่นงวยงง! ข้าถูกปรักปรำ! ด้วยความสัตย์จริง! คนที่นี่ก็อยากดู นั่นก็อยากซื้อเป็นใครกันแน่! ! !

อวี๋หวั่นกลับมาที่จวนเห้อเหลียนนานแล้ว ยังไม่เคยเห็นฮูหยินผู้เฒ่าออกไปนอกบ้าน เธอจึงคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าไม่ชอบไปข้างนอก แต่คิดแล้วก็ไม่น่าแปลกใจ ฮูหยินผู้เฒ่าอายุมากแล้ว ไม่แข็งแรงเท่าสตรีเยาว์วัย แค่เดินเล่นอยู่ในลานก็พอแล้ว จะให้นางออกไปเดินบนท้องถนนคงยากเกินไป

แต่สุดท้ายอวี๋หวั่นก็พบว่าตนเองคิดผิด

ฮือ เหตุใดเธอต้องไปซื้อของกับฮูหยินผู้เฒ่า? หากรู้แต่แรกไปเสี่ยงเซียมซีที่วิหารพิษไม่ดีกว่าหรือ?

ฮูหยินผู้เฒ่าดึงเยี่ยนจิ่วเฉาไปฟ้อง คุยเป็นน้ำไหลไฟดับ

ใบหน้าของอวี๋หวั่นดำคล้ำราวกับเถ้าถ่าน

ฮูหยินผู้เฒ่ากอดแขนเยี่ยนจิ่วเฉามองไปที่อวี๋หวั่นด้วยความคับแค้นใจ “หลานสะใภ้ตัวเหม็น!”

อวี๋หวั่นพองขนโดยฉับพลัน

หลานสะใภ้ตัวเหม็นอันใด ข้าเป็นหลานแท้ๆๆๆ…ที่แสนงดงามของท่าน!

เยี่ยนจิ่วเฉาปลอบโยนเบาๆ “ภรรยาข้า ท่านช่วยชี้แนะสักหน่อยเถิด”

“เห็นแก่หน้าเจ้า ข้าจะชี้แนะนางให้ก็ได้!” ฮูหยินผู้เฒ่าเชิด สั่งให้ข้ารับใช้นำของที่นางซื้อมาสิบเจ็ดสิบแปดชิ้นกลับไปที่เรือน

อวี๋หวั่นยกแขนที่เมื่อยล้าพุ่งตัวเข้าสู่อ้อมแขนของสามี “ปวดจะตายแล้ว”

ฮูหยินผู้เฒ่าเอาแต่ซื้อๆๆ ส่วนเธอก็ต้องถือๆๆ ทำไร่ก็ไม่เหนื่อยเท่านี้

เยี่ยนจิ่วเฉาลูบศีรษะน้อยๆ โดยไม่รังแกเธออย่างเคย “กลับไปที่ห้องจะนวดให้”

อวี๋หวั่นพยักหน้าอย่างออดอ้อน “อื้ม!”

“อะแฮ่ม!”

เสียงไอของเห้อเหลียนเป่ยหมิงดังมาจากด้านหลัง

อวี๋หวั่นยืดตัวขึ้นและหันไปมองเขาพร้อมกับเยี่ยนจิ่วเฉา

อาการบาดเจ็บของเห้อเหลียนเป่ยหมิงเกือบจะหายเป็นปกติ ใบหน้าเริ่มขับสีแดง เขาใช้เวลาอยู่ในคุกหนึ่งคืนเต็ม ทว่าดูจากความสงบผ่อนคลายระหว่างเรียวคิ้วของเขา ดูเหมือนจะไม่เป็นทุกข์หรือกังวลใจเกี่ยวกับเรื่องนี้

เห้อเหลียนเป่ยหมิงกล่าวเสียงขรึม “พวกเจ้ามาที่เรือนข้าสักหน่อย ข้ามีเรื่องจะถาม”

อวี๋หวั่นเอะใจขึ้นอย่างระมัดระวังเล็กน้อย สิ่งที่ควรมาได้มาถึงแล้ว พวกเขาต้องจ่ายราคาสำหรับสิ่งที่เคยปกปิด

ยามแรกที่มายังหนานจ้าว เห้อเหลียนเป่ยหมิงขอให้เธอเปิดเผยตัวตนและจุดประสงค์ในการมาเมืองหลวง เธอบอกทุกอย่างยกเว้นสองสิ่ง ของศักดิ์สิทธิ์กับราชบุตรเขย

เห้อเหลียนเป่ยหมิงถูกจับขังเพราะซ่อนตัวซื่อจื่อแห่งเมืองเยี่ยน หลังจากที่เขาติดคุกก็ได้ข่าวลือว่าราชบุตรเขยคือเยี่ยนอ๋อง เห้อเหลียนเป่ยหมิงไม่ได้ไปที่ตำหนักจินหลวน คิดว่าที่มาถามพวกเขาในวันนี้ เพราะต้องการตรวจสอบความจริงของข่าวลือที่ได้ยินมา

แต่อย่างไรก็ยอมรับต่อหน้าองค์ประมุขแห่งหนานจ้าวไปแล้วครั้งหนึ่ง จะยอมรับอีกครั้งก็มิได้เสียหายอย่างใด

ณ ห้องตำรา

เห้อเหลียนเป่ยหมิงถามถึงเรื่องของราชบุตรเขยจริงๆ “…เป็นบิดาของเจ้าจริงหรือ?”

“ลุงใหญ่ไม่รู้หรือ?” เยี่ยนจิ่วเฉาถาม

“ข้าจะรู้ได้อย่างไร?”

“ลุงใหญ่นิ่งเฉยไม่ทำสิ่งใด มิใช่เพราะได้รับคำแนะนำจากราชบุตรเขยแล้วหรอกหรือ?”

เห้อเหลียนเป่ยหมิงสำลัก เหตุใดเรื่องนี้ บุรุษผู้นี้ก็ยังเดาออก?

ถูกต้อง ครึ่งชั่วยามก่อนที่เขาจะถูกประกาศให้เข้าวัง เขาได้รับจดหมายจากราชบุตรเขย จดหมายฉบับนี้กล่าวว่าไม่ว่าองค์ประมุขจะเรียกเขาไปถามสิ่งใด อย่าได้รีบร้อนโต้แย้ง

เขาไม่ได้ติดต่อกับราชบุตรเขยมากนักและอาจกล่าวได้ว่าไม่เคยมีความสัมพันธ์เป็นการส่วนตัว จู่ๆ ราชบุตรเขยก็ส่งจดหมายมาถึงเขา เขาจึงลังเลที่จะทำด้วยความซื่อสัตย์อยู่เล็กน้อย

แต่ในช่วงเวลาที่องค์ประมุขเรียกตัวเขา เขาเลือกที่จะเชื่อคำพูดของราชบุตรเขย เขาเองก็ไม่สามารถบอกได้ว่าเหตุใดเขาถึงเชื่อใจบุรุษที่อาจเป็นศัตรูทางการเมืองของเขา

ต่อมา เขาก็ได้ยินเรื่องเกี่ยวกับเยี่ยนอ๋องในห้องขัง

แต่ในจดหมายราชบุตรเขยไม่ได้กล่าวสิ่งใด

ดังนั้น เขาจึงเป็นคนสุดท้ายที่ได้ยินข่าว

และเขาก็ไม่แน่ใจ ว่าสิ่งที่เรียกว่า ‘ข่าว’ นี้เป็นเรื่องจริงหรือไม่

“เป็นความจริง” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว

เห้อเหลียนเป่ยหมิงสูดหายใจ จู่ๆ ก็ไม่รู้ว่าควรพูดสิ่งใด

นานทีเดียว กว่าเขาจะได้เสียงกลับมา “เจ้า…เจ้า…พวกเจ้า…เจ้าก็…”

เขามองไปที่อวี๋หวั่น

อวี๋หวั่นกล่าวอย่างแผ่วเบา “ใช่ ข้าก็รู้เหมือนกัน”

หน้าอกของเห้อเหลียนเป่ยหมิงเคลื่อนขึ้นลง “เจ้าปกปิดเรื่องสำคัญเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร? หากปกปิดก่อนหน้านี้ยังพอเข้าใจ ทว่ายามนี้รู้แล้วว่าตนเองเป็นคนของสกุลเห้อเหลียนก็ยังปกปิดข้าอีกหรือ?! เจ้ารู้หรือไม่ว่าเกือบมีโทษใหญ่เพียงใด?”

เป็นเลือดเนื้อเชื้อไข เป็นหลานสาวแท้ๆ เป็นลูกเขย ตีให้ตายไม่ได้…

เห้อเหลียนเป่ยหมิงท่องอยู่ในใจหลายสิบครั้ง กระทั่งค่อยๆ ระงับโทสะลงและมองไปยังคนทั้งสองด้วยสายตาอันเฉียบคม “หากในใจพวกเจ้ายังมีลุงใหญ่ผู้นี้ วันนี้จงบอกกับข้าที่นี่ให้กระจ่าง ยังมีสิ่งใดอีกที่ปกปิดข้า?”

“ต้องพูดจริงๆ หรือ?” อวี๋หวั่นถามพร้อมกับก้มหัว

ยังมีเรื่องปิดบังเขาอยู่จริงๆ? ! !

เห้อเหลียนเป่ยหมิงโกรธจนควันแทบขึ้นหัว “จงบอกมาตามตรง! ไม่อนุญาตให้ปิดบังแม้แต่เรื่องเดียว!”

“อ้อ” อวี๋หวั่นเม้มริมฝีปาก “ของศักดิ์สิทธิ์อยู่ในมือข้าเจ้าค่ะ”

เห้อเหลียนเป่ยหมิง “…”

เห้อเหลียนเป่ยหมิง “!!!”

ดรุณีผู้นี้ว่าอย่างไรนะ?

ของศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกขโมยไปของหนานจ้าวอยู่ในมือนาง?

เหตุใดถึงไปอยู่ในมือนางได้? !

“จะโทษข้าไม่ได้นะ ของศักดิ์สิทธิ์ถูกขโมยมานานแล้ว แต่ประมุขหญิงปิดบังไม่ยอมกล่าว ข่าวเล็ดลอดไปทั่วยุทธจักร์ มีคนฉกชิงไป ข้าค่อนข้างโชคร้าย ใช้ชีวิตอยู่ดีๆ ก็ถูกคนโยนของศักดิ์สิทธิ์ลงในตะกร้าของข้า”

โชค…โชคร้าย?

โชคร้ายเช่นนี้ ให้ประมุขหญิงดีหรือไม่?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]