เสียงร้องเรียกหนิวตั้นของฮูหยินผู้เฒ่า เกือบเป็นเสียงที่นางตะโกนสุดชีวิต ส่วนใหญ่ของจวนเห้อเหลียนตะวันออกต่างได้ยินไปทั่ว
เห้อเหลียนเป่ยหมิงที่ฟื้นขึ้นมาอย่างยากลำบากได้ยินเสียงเรียกหนิวตั้นก็แทบเป็นลมสลบไปอีกครั้ง
ป้ายหลุมศพของท่านพ่อกำลังจะกลายเป็นสีเขียวอีกครั้ง
ท่านแม่ ท่านแม่ของเขา จะเห็นคนเป็นบุตรชายหรือหลานชายก็ตามแต่นาง ทว่าอย่าเห็นเป็นท่านพ่อของเขาทั้งวันได้หรือไม่?
เห้อเหลียนเป่ยหมิงวางจิ้งจอกหิมะน้อยที่นอนขดในอ้อมแขน ขึ้นนั่งรถเข็นไปยังสวนอู๋ถง
ตั้งแต่ซิวหลัวจำความได้ เขาก็ถูกคัดตัวเข้าค่ายหน่วยกล้าตายแล้ว เขาผ่านการฝึกที่โหดเหี้ยมที่สุด ทำภารกิจที่ยากที่สุด ฆ่าคนที่ฆ่ายากที่สุดและได้รับบาดเจ็บแสนสาหัสที่สุดมาแล้ว ในชีวิตของเขาไม่เคยเกรงกลัวสิ่งใด
เขาไม่มีศัตรูตามธรรมชาติ!
แต่เมื่อฮูหยินผู้เฒ่าโน้มตัวเข้าหาเขาด้วยริมฝีปากสีแดงเพลิง ขนทั้งร่างของเขาพลันลุกซู่! ! !
อี๊ย้าา!
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ซิวหลัวไม่สนกระทั่งเรื่องการสังหาร เขารีบถอนตัวเหวี่ยงมือวาดแขนวิ่งหนีไป!
ยามเห้อเหลียนเป่ยหมิงนั่งรถเข็นมาถึงเรือนอู๋ถง ซิวหลัวก็หายไปแล้ว เหลือเพียงภาพวาดที่ซิวหลัวทำตกไว้
เห้อเหลียนเป่ยหมิงก้มลงหยิบภาพวาดมาคลี่เปิดดู ปฏิกิริยาแรกคืออาหวั่น แต่เมื่อมองดูใกล้ๆ ก็พบว่าเสื้อผ้าและแววตานั้นไม่ใช่นาง จากนั้นถึงนึกได้ว่านี่คือนางเจียงน้องสะใภ้ของเขา
ซิวหลัวหายตัวไปอย่างรวดเร็ว เขามองเห็นไม่ชัดนัก สัมผัสได้เพียงลมหายใจหนักหน่วงที่ยังค้างอยู่ในอากาศ
“นั่นคือซิวหลัว”
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว
เห้อเหลียนเป่ยหมิงเงยหน้าขึ้นและเห็นเยี่ยนจิ่วเฉาที่ออกมาเมื่อใดก็ไม่ทราบ
เห้อเหลียนเป่ยหมิงผงะ “เมื่อครู่…คนที่ฮูหยินผู้เฒ่าเข้าใจว่าเป็นหนิวตั้นคือซิวหลัวรึ? ภาพวาดนี่หล่นจากตัวของเขา?”
ซิวหลัวมักจะมาที่ชีสยาย่วน และนั่งบนธรณีประตูพร้อมกับไข่ดำทั้งสามในยามว่าง เห้อเหลียนเป่ยหมิงไม่อาจปล่อยปละไม่สนใจเขาได้
ซิวหลัวเป็นคนของจวนประมุขหญิง
แต่ประการแรก พวกเขาไม่อาจเอาชนะซิวหลัวได้ ประการที่สอง ซิวหลัวไม่มีความมุ่งร้ายต่อพวกเขา ดังนั้นเห้อเหลียนเป่ยหมิงจึงไม่กังวลกับการปรากฏตัวของซิวหลัวเป็นครั้งคราว
แต่ส่วนใหญ่ซิวหลัวมักปรากฏตัวในเวลากลางวัน นี่เป็นครั้งแรกที่เขามากลางดึกและเป็นครั้งแรกที่บังเอิญพบกับฮูหยินผู้เฒ่า ไม่คาดคิดว่าฮูหยินผู้เฒ่าจะเข้าใจผิดว่าเขาเป็นหนิวตั้น
เคราะห์ดีที่ยังไม่เกิดเรื่องที่สายเกินแก้
เห้อเหลียนเป่ยหมิงส่ายศีรษะ เมื่อคิดบางอย่างขึ้นได้ก็เอ่ยด้วยความสงสัยว่า “แปลกยิ่งนัก เขาไม่ได้ไปที่เรือนชีสยาย่วนเท่านั้นหรือ? เหตุใดถึงมาที่เรือนอู๋ถง? แล้วเหตุใดถึงมีภาพวาดนางเจียงอยู่กับตัวเขาด้วย?”
“เพราะเขาหมายจะสังหารคน” เยี่ยนจิ่วเฉาพูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
เห้อเหลียนเป่ยหมิงขมวดคิ้ว “ฆ่า…น้องสะใภ้?”
เยี่ยนจิ่วเฉามองไปยังความมืดมิดอันไร้ขอบเขต “ประมุขหญิงกำลังสูญเสียอำนาจ มีใครบางคนทนต่อไปไม่ไหว”
คนผู้นี้เป็นใคร ไม่จำเป็นที่เยี่ยนจิ่วเฉาต้องเอ่ย เห้อเหลียนเป่ยหมิงก็สามารถเดาได้เช่นกัน
เห้อเหลียนเป่ยหมิงก็พอทราบเรื่องที่กลุ่มอาเว่ยไปขโมยของจากสำนักราชครูอยู่บ้าง พวกเขาหนีออกจากสำนักราชครูได้สำเร็จ แต่ก็ถูกจับได้ระหว่างทางโดยยอดฝีมือลึกลับของหนานกงหลี ทำให้อาเว่ยถูกจับกลับไป
ยอดฝีมือลึกลับผู้นั้นก็คือซิวหลัว
เห้อเหลียนเป่ยหมิงไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าองค์ชายน้อยที่ผู้คนทั่วหล้าต่างยกย่องจะมีเบื้องหลังที่โหดเหี้ยมอำมหิตถึงเพียงนี้ เพื่อแย่งชิงอำนาจ เขาไม่ลังเลที่จะส่งซิวหลัวมาลอบสังหารป้าแท้ๆ ของเขาเอง
เห้อเหลียนเป่ยหมิงกล่าว “หากเป็นเช่นนี้ เขาก็รู้จักตัวตนของน้องสะใภ้แล้ว”
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว “เขาเคยไปที่ต้าโจวและเผ่าปีศาจ นี่ต้องมีความเกี่ยวข้องกันเป็นแน่”
เห้อเหลียนเป่ยหมิงนิ่งงัน สองสามปีก่อนหนานกงหลีไม่ได้อยู่ที่หนานจ้าว โดยแจ้งต่อภายนอกว่าเขาออกเดินทางเพื่อไปศึกษาหาวิชา ว่ากันว่าเขาได้เดินทางไปสถานที่ต่างๆ มากมาย ทุกๆ เดือนเขาจะส่งจดหมายถึงครอบครัว ทั้งองค์ประมุขและประมุขหญิง เพื่อแนะนำความรู้และประเพณีท้องถิ่นที่เขาได้พบมา
แต่ใครจะคิดว่าเขาจะหลบเลี่ยงสายตาผู้คนไปที่ต้าโจวและเผ่าปีศาจ?
“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” เห้อเหลียนเป่ยหมิงถาม
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว “เมื่อสามปีก่อน ข้าถูกลอบสังหารโดยคนสกุลสวี่ เมื่อกลับมาคิดถึงเรื่องนี้ในยามนี้ คาดว่าเป็นหนานกงหลีที่อยู่เบื้องหลัง”
เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องมีหลักฐานแน่ชัดมากนัก แค่ดูจากแรงจูงใจและความสามารถในการก่อเหตุ หนานกงหลีเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ส่วนเบาะแสของหนานกงหลีในเผ่าปีศาจ อาม่าเป็นคนเปิดเผยให้พวกเขาทราบ
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวต่อ “ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่วัน หนานกงหลีได้ส่งคนลอบเข้าจวนมาจับอาหวั่น ทว่าจับผิดคน เป็นอาม่าแทน”
“ยังมีเรื่องนี้ด้วยหรือ?” เห้อเหลียนเป่ยหมิงสีหน้าหม่นหมอง
หากเมื่อครู่ได้ยินว่าซิวหลัวรับคำสั่งจากหนานกงหลีมาลอบสังหารน้องสะใภ้ เห้อเหลียนเป่ยหมิงยังรู้สึกยากจะแบกรับเพียงเล็กน้อย แต่หลังจากที่รู้ว่าเขาคิดร้ายต่ออาหวั่น เขาก็ไม่อาจมีความคิดเพ้อฝันใดต่อหนานกงหลีได้อีกต่อไป
“ซิวหลัวเป็นคนปล่อยอาม่า” เยี่ยนจิ่วเฉากล่าว
คำพูดเดิมที่อาม่ากล่าวคือ ‘ในพริบตา ข้าถูกซิวหลัวนำไปแขวนไว้บนกิ่งไม้นอกจวน พริบตาถัดมา ข้าก็ถูกรถม้าของราชบุตรเขยชนกระเด็นไปตามพื้นหญ้าข้างทาง…’
หากกล่าวสั้นๆ ปัดเศษเป็นจำนวนเต็ม อาม่าก็ถูกซิวหลัวปล่อยตัวมาไม่ผิด
เห้อเหลียนเป่ยหมิงได้ยินเรื่องของซิวหลัวจากข่าวลือเท่านั้น ซิวหลัวก็เป็นชื่อหนึ่งในหน่วยกล้าตาย ทว่ามีความแข็งแกร่งกว่าหน่วยกล้าตายมากนัก เขาเป็นซิวหลัวโดยบังเอิญ : หน่วยกล้าตายทองคำชั้นยอดคนหนึ่ง หมกมุ่นฝึกฝนอย่างไม่ระวังจนเสียสติ หลังจากแบกรับหนักเข้าพลังของเขาก็เพิ่มขึ้นเป็นสิบเท่า และนั่นก็คือซิวหลัวคนแรกสุด
เคยมีผู้ที่ต้องการสร้างซิวหลัว และใช้ยากระตุ้นให้หน่วยกล้าตายกลายเป็นจิตวิปลาส แต่มีเพียงไม่กี่คนที่รอดชีวิตมาได้ และซิวหลัวจะมีอารมณ์ดุเดือดคลุ้มคลั่ง ยากต่อการควบคุมยิ่งนัก…
ซิวหลัวของหนานกงหลีดูไม่เหมือนที่ข่าวลือกล่าว
อย่างน้อยเห้อเหลียนเป่ยหมิงก็ไม่เคยรู้สึกถึงลมหายใจชั่วร้ายจากเขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]