เมื่ออวี๋เซ่าชิงกลับห้องของตน นางเจียงก็หลับไปแล้ว
นางเจียงเล่นไพ่เป็นเพื่อนฮูหยินผู้เฒ่าตลอดทั้งกลางวัน ตกกลางคืนก็ลอบออกไปเที่ยวบ่อนสักหน่อย นี่คือข้อดีของการอาศัยอยู่ในเมือง ผีพนันมีมาก เรื่องอื่นไม่ต้องเอ่ยถึง
อวี๋เซ่าชิงไม่ได้คร่ำหวอดในวงการนี้ มิเช่นนั้นเขาจะต้องเคยได้ยินกิตติศัพท์ของ ‘นักพนันลึกลับ’ ซึ่งเพิ่งถือกำเนิดขึ้นมาใหม่
เหตุที่ถูกเรียกเช่นนี้ ย่อมเกี่ยวข้องกับความสามารถในการเล่นพนันซึ่งหาผู้ใดเปรียบ ไม่ว่าจะพนันครั้งใด ก็ไม่เคยชนะแม้แต่น้อย ผู้ที่ดวงตกถึงเพียงนี้ ไม่มีผู้ใดอีกแล้ว
และนางดันชอบลงเงินจำนวนมาก เมื่อเปิดโต๊ะครั้งหนึ่ง เงินหมดไปแล้วหนึ่งหมื่นตำลึง
ฮูหยินผู้เฒ่ามอบเงินให้ลูกสะใภ้สุดที่รักใช้อย่างไม่มีวันหมดสิ้น
ทว่านางเจียงไม่ได้ใช้เงินของบ้านตน นางใช้เงินของบ้านข้างๆ
ในคืนเดือนมืดของทุกเดือน ก็จะมีเงาสายหนึ่งลอบเข้าไปในคฤหาสน์ด้านข้างด้วยความเร็วดุจปีศาจ แล้วขนเงิน
ออกมาจากคลัง
ขันทีหวังเป็นผู้ฝีมือ แต่เมื่อทำบัญชีกลับเละเทะ
ขันทีหวังยังคงหัวหมุน เงินในคลังหายไปทุกวัน เกิดอะไรขึ้นกัน?
อีกด้านหนึ่ง เยี่ยนจิ่วเฉาก็กลับจวนมาเช่นกัน
อวี๋หวั่นนอนกอดลูกชาย ยังมิได้ดับตะเกียงเพื่อรอเขากลับมา
แสงตะเกียงสลัวลอดผ่านผ้าม่าน พาดผ่านร่างของผู้ใหญ่และเด็กอีกสามคน ทั้งสี่หลับใหล ลมหายใจสม่ำเสมอ
เยี่ยนจิ่วเฉามองและฟังอยู่เช่นนั้น สีหน้าของเขาพลันอ่อนโยนกว่าเดิม
เขาเลิกม่านขึ้น นั่งลงข้างเตียง ก้มหน้ามองภรรยาซึ่งกำลังอยู่ในห้วงนิทรา
บัดนี้แม้แต่อวี๋เซ่าชิงก็รับรู้เรื่องของตี้จีองค์โตแล้ว แต่แม่นางน้อยคนนี้ยังคงไม่รู้ ทว่าเรื่องพรรค์นี้เมื่อบอกไปแล้วก็คงมิได้ทำให้นางมีความสุขเท่าไรนัก รังแต่จะทำให้นางปวดใจแทนมารดาก็เท่านั้น
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่รีบร้อนบอกความจริงกับอวี๋หวั่น เพราะฉะนั้นจึงไม่ปลุกเธอตื่น เพียงแต่มองเธอเงียบๆ ชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นสายตาก็เบนไปหาต้าเป่าซึ่งนอนแผ่อยู่บนตัวของอวี๋หวั่น
แต่ก่อนผู้ที่นอนแผ่เช่นนี้มีแต่เสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่าเป็นน้องเล็ก ทว่าเอาแต่ใจมากที่สุด
สามารถทำให้พระราชาผู้เอาแต่ใจคนนี้ยอมสละ ‘บัลลังก์’ ให้ได้ เห็นทีต้าเป่าคงลำบากไม่น้อย
เยี่ยนจิ่วเฉาอุ้มต้าเป่ามา
เมื่อต้าเป่าต้องออกห่างจากอ้อมอกของท่านแม่อย่างกะทันหัน เขาก็ขยับตัวอย่างอึดอัด กระนั้นทันทีที่เข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของท่านพ่อ เขาก็กลับสู่ห้วงนิทราอย่างรวดเร็ว
แม้ว่าอ้อมอกของท่านแม่จะอบอุ่น แต่ความรู้สึกปลอดภัยเช่นนี้ มีเพียงท่านพ่อที่สามารถมอบให้ได้
ต้าเป่าหลับสบายเหลือเกิน
เยี่ยนจิ่วเฉามองลูกชายตัวน้อยในอ้อมอก ปลายนิ้วเรียวสวยลูบไปบนแก้มบวมๆ สีแดงระเรื่อ
อันที่จริงความบวมก็ลดลงมากแล้ว แต่แม้จะเป็นเช่นนั้น หว่างคิ้วของเยี่ยนจิ่วเฉาก็ยังคงขมวดเป็นปม
“คุณชาย”
เสียงของอิ่งสือซันดังขึ้นในจากด้านนอกประตู
เยี่ยนจิ่วเฉาวางลูกชายกลับไปในอ้อมอกของอวี๋หวั่น ลุกขึ้นแล้วเดินออกไป “เข้ามา”
ประตูไม่ได้ลงกลอน อิ่งสือซันจึงผลักประตูเข้ามา
อิ่งสือซันและอิ่งลิ่วติดตามเยี่ยนอ๋องไปยังจวนประมุขหญิง เมื่อปักหลักแล้ว อิ่งสือซันก็นำความกลับมารายงานต่อเยี่ยนจิ่วเฉา พร้อมกับบอกสถานที่ติดต่อด้วย
ระหว่างทางมาที่นี่ เขาได้ยินบางเรื่อง
เมื่อเห็นว่าเยี่ยนจิ่วเฉามีสีหน้าเย็นเยียบ อิ่งสือซันจึงเดาว่าแปดเก้าส่วนของเรื่องนี้ล้วนเป็นความจริง
เขาชะงักไป แล้วเอ่ยถามว่า “คุณชาย คุณชายน้อยไม่เป็นไรใช่ไหมขอรับ?”
เยี่ยนจิ่วเฉาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ต้าเป่าถูกปาไข่ใส่ แต่ไม่เป็นอะไรมาก”
อิ่งสือซันมีสีหน้าเย็นชากว่าเดิม คุณชายน้อยทั้งสามผ่านความยากลำบากแสนสาหัสกว่าจะได้มาอยู่กับพ่อแม่ แต่กลับต้องมาประสบเรื่องร้ายอีก จะเรียกว่าเคราะห์ซ้ำกรรมซัดก็คงจะไม่มากเกินไป
“พวกเจ้าปักหลักเรียบร้อยแล้วใช่ไหม?” เยี่ยนจิ่วเฉาถาม
อิ่งสือซันพยักหร้า “ขอรับ คุณชาย ท่านอ๋องเดินทางไปยังเรือนที่ซื้อไว้ที่ชานเมือง เขาให้ข้าน้อยกับอิ่งลิ่วช่วยสืบบางเรื่อง ส่วนหนึ่งเป็นเรื่องในอดีตของเขา อีกส่วนหนึ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสกุลเห้อเหลียน”
“โอ้?” เยี่ยนจิ่วเฉาชะงักไป
อิ่งสือซันพูดต่อ “ท่านอ๋องบอกว่า หลายปีมานี้เขาสูญเสียความทรงจำ แต่จดบันทึกเป็นประจำ เพราะฉะนั้นเขาทำอะไรในหนานจ้าว ล้วนแต่มีร่องรอย สามารถตามสืบได้ เว้นแต่เรื่องของหลานชายคนโตของสกุลเห้อเหลียน เขามิได้ทิ้งบันทึกใดๆ ไว้เลย จึงคาดเดาว่ากรณีที่ท่านแม่ทัพใหญ่ธาตุไฟเข้าแทรก จะเกี่ยวข้องกับจวนประมุขหญิง เห้อเหลียนเซิงและนางถานก็เช่นกัน พวกเขาพึ่งพาจวนประมุขหญิงเป็นอย่างมาก และมีส่วนเกี่ยวข้องในแผนการทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับสกุลเห้อเหลียนเพียงอย่างเดียว เรื่องนี้น่าขบคิดเช่นกัน
ท่านอ๋องยังบอกอีกว่า ลูกชายของเขาเป็นลูกเขยของสกุลเห้อเหลียน เรื่องของตระกูลของลูกสะใภ้ก็คือเรื่องของเขา จึงต้องการหาหลักฐานและทวงความยุติธรรมให้สกุลเห้อเหลียนขอรับ”
ฟังดูเป็นเรื่องที่ท่านพ่อของเขาน่าจะทำได้
อันที่จริง เรื่องนี้ก็มิได้รีบร้อน
เยี่ยนอ๋องสามารถรักษาบาดแผลให้หายดีเสียก่อนแล้วค่อยลงมือ กระนั้นเขาก็ไม่มีอะไรทำ เขาไม่ต้องการปล่อยให้ตนเองว่างเกิน เพราะเมื่อว่างแล้วก็จะคิดฟุ้งซ่าน เมื่อคิดฟุ้งซ่านแล้วก็จะถาม เมื่อถามแล้วก็จะรู้สึกแย่
ส่วนเรื่องของซั่งกวนเยี่ยนนั้น ทั้งพ่อทั้งลูกไม่มีผู้ใดเอ่ยถึง
แต่ไม่เอ่ยถึง ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่รู้เรื่อง
ตั้งแต่ที่เขารู้ว่าตนเองคือเยี่ยนอ๋องแห่งต้าโจว ก็คงจะรู้แล้วว่าพระชายาของเยี่ยนอ๋องแต่งงานใหม่ไปแล้ว นางแต่งงานกับเทพสงครามผู้เลื่องชื่อแห่งแผ่นดินต้าโจว เทพสงครามห่วงหาและรักนางมากยิ่งกว่าชีวิต
“เจ้ามาได้จังหวะพอดี ข้ามีเรื่องจะสั่งสักหน่อย” เยี่ยนจิ่วเฉาเปลี่ยนเรื่อง และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนกลางวันให้อิ่งสือซันฟัง
อิ่งสือซันเข้าใจแล้วว่าเรื่องที่ตนได้ฟังจากข้างนอกนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่่านั้น คนพวกนั้นรังแกฝูหลิงและคุณชายน้อย พวกเขาด่าทอและตบตี แม้แต่เด็กและสตรีก็ยังกล้าลงไม้ลงมือ เลวยิ่งกว่าเดรัจฉาน!
เยี่ยนจิ่วเฉากล่าวว่า “เรียกอิ่งลิ่วและเจียงไห่มา ไปลากคอเจ้าพวกนั้นมาให้หมด”
“ขอรับ!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]