เยี่ยนจิ่วเฉาพูดจริงทำจริง
ถึงจะปล่อยให้แม่ของหูจื่อโขกศีรษะจนเลือดไหล เขาก็ยังจะตัดมือข้างหนึ่ง
แต่เป็นมือพ่อของหูจื่อ
พ่อของหูจื่อหดหัวอยู่ในกลุ่มคน มิได้มองทั้งลูกและภรรยา ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายรู้ได้อย่างไรว่าเขาคือพ่อของหูจื่อ
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ชอบกลิ่นคาวเลือด
อิ่งสือซันจึงจับเขาไปตัดมือในลานหลังบ้าน
จะตัดมือเขาก็ไม่ผิด เขาให้ลูกและภรรยาออกไปทำงาน ส่วนตนขลุกอยู่แต่ในบ้านคอยนับเงิน เมื่อเกิดเรื่องก็เอาตัวรอดแต่เพียงผู้เดียว บุรุษที่ใจร้ายใจดำเช่นนี้ โดนตัดมือไปข้างหนึ่งก็นับว่าสมควรแล้ว
เสียงของพ่อหูจื่อดังลั่นไปทั่วเรือน
ผู้คนซึ่งเดิมทีกลัวเพียงเจ็ดส่วน หลังจากที่พ่อหูจื่อถูกตัดมือ พวกเขาก็กลัวจนลงไปนอนกองอยู่กับพื้น ปัสสาวะรดกางเกง
แม่ของหูจื่อเป็นลมล้มพับไปตรงนั้น
หูจื่อและพรรคพวกกลัวจนไม่กล้าแม้แต่จะร้องไห้ออกมา
หลังจากวันนี้ ภาพเหตุการณ์ในครั้งนี้จะกลายเป็นเงามืด ตามหลอกหลอนเขาไปตลอดชีวิต
แต่ว่าเยี่ยนจิ่วเฉาเห็นใจหรือ?
ไม่เลย
ถ้าหากลูกของเขาไม่ได้ถูกเลี้ยงมาเป็นอย่างดี คนที่จะมีเงามืดตามหลอกหลอนไปตลอดชีวิตก็คือลูกชายของเขา
เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ใช่คนดีอยู่แล้ว
อิ่งสือซันจับพ่อของหูจื่อซึ่งกำลังเจ็บปวดจนหมดสติไปใส่ถุงกระสอบแล้วลากออกมาจากลานหลังบ้าน สิ่งที่ถือออกมาพร้อมกับถุงกระสอบก็คือกล่องไม้ ในกล่องไม้บรรจุอะไรนั้น ทุกคนย่อมรู้อยู่แก่ใจ
และเป็นเพราะรู้อยู่แก่ใจ จึงตัวสั่นเทิ้มยิ่งกว่าเดิม
อิ่งสือสือซันโยนถุงกระสอบและกล่องไม้ออกไปนอกประตูด้วยท่าทางประหนึ่งโยนหัวผักกาดขาวเน่าๆ ออกไป
สิ่งที่เรียกว่าไม่เห็นค่าของชีวิตผู้ใด ก็คือสิ่งนี้แหละ!
เมื่อเทียบกันแล้ว การเขวี้ยงไข่เน่าใส่หรือการตบตีนั้นไม่อาจสู้ได้
ผู้คนต่างตระหนักแล้วว่าพวกเขาได้ไปหาเรื่องปีศาจกลุ่มหนึ่ง หากรู้แต่แรกว่าเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็จะไม่ไปหาเงินก้อนนั้นเป็นอันขาด เพียงแต่ว่าตอนนี้ถอยหลังกลับไม่ได้แล้ว…
“คุณชายโปรดไว้ชีวิตด้วย! คุณชายโปรดไว้ชีวิตด้วย! พวกเราไม่ได้ตั้งใจ! พวกเราไม่ทันระวัง!”
“ใช่แล้วขอรับคุณชาย! พวกข้าไม่มีทางเลือก! มีคนสั่งให้พวกข้าทำ!”
“คุณชายได้โปรดเห็นแก่พวกเราที่มีผู้เฒ่าผู้แก่และเด็กต้องเลี้ยงดูด้วยเถิด!”
“คุณชายปล่อยพวกข้าไปเถิดขอรับ! พวกข้าไม่กล้าทำอีกแล้ว!”
“พวกข้าไม่ได้แตะต้องคุณชายน้อยแม้แต่นิดเดียว! เป็นพวกหูจื่อ! เป็นพวกเขา! พวกเขาเป็นคนทำ!”
“พวกเจ้าพูดพล่อยอะไร? ก็เห็นอยู่ว่าทำด้วยกัน ทำไมโยนมาให้ข้าซะละ? เจ้าคนแซ่จาง! เป็นเจ้าที่รับเงินแล้วเรียกให้ข้ามาทำการใหญ่ด้วยกันไม่ใช่เรอะ!”
“ข้า…ข้าให้พวกเจ้ารังแกคุณชายน้อยรึ? ขะๆๆ…ข้า…ข้าให้พวกเจ้ารังแกนางคนนั้นต่างหาก!”
“เจ้าบอกว่าให้ตบตีคุณชายน้อยต่างหาก!”
พวกเขาเริ่มแตกคอกันเอง
เยี่ยนจิ่วเฉาและพวกอิ่งสือซันยืนมองด้วยสีหน้าเย็นชา
กลุ่มคนซึ่งก่อนหน้านี้ร่วมมือกันอย่างเหนียวแน่น พริบตาเดียวก็ตกใจกลัวจนกลายเป็นเม็ดทรายที่กระจายอยู่ในจาน ดังนั้นสิ่งที่เรียกว่ามโนสำนึก ใช่ว่าจะมีกันทุกคนจริงๆ
ขณะที่พวกเขาเริ่มทะเลาะกันหนักขึ้นและกำลังจะลงไม้ลงมือ เยี่ยนจิ่วเฉาก็ชี้นิ้วออกมา
อิ่งสือซันกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า “หุบปาก!”
พวกเขาเงียบลงทันที
เยี่ยนจิ่วเฉาเดินเข้ามาอย่างมิได้รีบร้อน “พวกเจ้าได้รับคำสั่งจากผู้ใด ใครระบุตัวตนและลักษณะของคนผู้นั้นได้ก่อน ข้าจะปล่อยไป”
โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับพ่อของหูจื่อทำให้พวกเขาหวาดกลัว พวกเขาได้เห็นแล้วว่า ผู้ที่ข่มขู่ให้พวกเขาทำเรื่องนี้ก็ยังไม่น่ากลัวเท่าคุณชายคนนี้ คุณชายคนนี้ยังหนุ่มยังแน่น หน้าตางดงามแลดูบริสุทธ์ผุดผ่อง แต่จิตใจกลับโหดเหี้ยมอำมหิต!
นี่ไม่ใช่คุณชายแล้ว นี่มันคนบ้า!!!
“ข้าพูด! ข้าพูด!”
บุรุษฉกรรจ์ที่เป็นหัวหน้าคลานเข้ามา
“เจ้าถอยไป! ข้าพูดเอง!” ขอทานอายุห้าสิบต้นๆ เข้ามาจากทางด้านข้าง เขาก็คือคนแซ่จางคนนั้น เป็นขอทานมานานหลายปี จนก่อตั้งกลุ่มขึ้นมา และถูกเหล่าเพื่อนพ้องน้องพี่เรียกว่าหัวหน้าจาง
หัวหน้าจางเปรียบดังงูเจ้าถิ่นตัวเล็กๆ ตัวหนึ่ง เขามีหน้ามีตาอยู่บ้าง และสามารถปกปิดสิ่งที่ทำได้อย่างไร้ร่องรอย ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงมีความสามารถในการแสวงหาทรัพย์ศฤงคารจากอันตรายมากกว่าผู้ใด เพียงแต่ว่าเขาคำนวณผิดพลาดไป เขาคิดมาตลอดว่าจวนประมุขหญิงคือผู้มีอำนาจสูงสุด แต่จวนสกุลเห้อเหลียนไม่ช้าก็เร็วก็ต้องกลายเป็นหินรองเท้าให้จวนประมุขหญิงเหยียบ
ผลก็คือสกุลเห้อเหลียนจะถึงหรือไม่ถึงจุดจบไม่รู้ แต่เขากำลังจะถึงคราวหายนะแล้ว
“คุณชายได้โปรดปล่อยข้าไปเถิดขอรับ ข้ารู้สิ่งใด! ข้าจะบอกทั้งหมด!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]