ปรมาจารย์พิษอาวุโสเมิ่งนำราชินีสัตว์พิษกลับมายังสำนักราชครู
ราชครูและหนานกงหลีรออยู่นานแล้ว แม้ว่าราชินีสัตว์พิษจะไม่ใช่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็เป็นสัตว์พิษที่ใกล้เคียงกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์มากที่สุด หลายปีที่ผ่านมา พวกเขาไปหาร่องรอยของมันบนเขาหลายครั้ง แต่ก็กลับมามือเปล่าทุกครั้ง
บัดนี้ได้เห็นแล้วจริงๆ แม้แต่ราชครูก็ยังอดตื่นเต้นไม่ได้
ปรมาจารย์พิษอาวุโสเมิ่งเดินเข้าไป ค่อยๆ เปิดฝากล่องเบาๆ แล้วหยิบขวดมรกตที่ใส่ราชินีสัตว์พิษออกมา
เขาหยิบชามหยกออกมาจากกล่องซึ่งพกติดตัวไปออกมา “ราชครูได้โปรดให้คนนำน้ำแข็งก้อนมาใส่สักหน่อย”
ราชินีสัตว์พิษชอบความเย็น เมื่อวางไว้บนน้ำแข็ง มันก็เกียจคร้านไม่ยอมขยับ
ราชครูให้ลูกศิษย์ไปนำน้ำแข็งมาจากห้องใต้ดิน
ปรมาจารย์พิษอาวุโสเมิ่งเคาะน้ำแข็งหนึ่งก้อนลงในชาม จากนั้นจึงสวมถุงมือเส้นเงิน เปิดฝาขวดมรกต และเทสิ่งของเล็กๆ ในขวดออกมา
ในที่สุดทุกคนก็ได้เห็นราชินีสัตว์พิษสีขาวราวกับหิมะ แม้จะเรียกว่าคางคกหิมะ แต่มันไม่ใช่คางคกตามความหมาย หากแต่บางครั้งมันสามารถส่งเสียงร้องคล้ายคางคกออกมา
“งามเหลือเกิน” หนานกงหลีประหลาดใจ
เห็นๆ อยู่ว่าเป็นสัตว์พิษตัวหนึ่ง แต่ท่าทางคืบคลานบนก้อนน้ำแข็งนั้นช่างแลดูงดงามและสูงส่ง เมื่อสัมผัสได้ถึงคุณลักษณะทั้งสองประการจากสัตว์พิษ ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่านี่คือสมบัติล้ำค่า
แต่ไหนแต่ไรมาหนานกงหลีไม่เคยชอบหนอนพิษ ทุกครั้งที่เห็นมักจะรู้สึกเป็นประจำ แต่หากเป็นเจ้าตัวน้อยนี้ หนานกงหลีคิดว่าเขาสามารถเลี้ยงมันได้
“มันคือสัตว์พิษเพศเมียหรือ?” หนานกงหลีถาม
ปรมาจารย์พิษอาวุโสเมิ่งส่ายหน้า “มิใช่ มันคือสัตว์พิษเพศผู้ เป็นเพราะงดงามมากจึงถูกเรียกว่าราชินีสัตว์พิษ”
หนานกงหลีพยักหน้ารับรู้ เจ้าสิ่งนี้ชวนมองยิ่งนัก เขาอดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไป หมายจะสัมผัสมัน
ปรมาจารย์พิษอาวุโสเมิ่งใช้มือที่สวมถุงมือเส้นเงินแตะปลายนิ้วของเขาไว้ “องค์ชายระวัง มันมีพิษ”
เจ้าสิ่งนี้ช่างงดงาม ดูประหนึ่งไม่มีพิษมีภัย ทว่าพิษของมันร้ายแรง หากถูกมันกัดเข้าครั้งหนึ่ง แม้แต่ซิวหลัวก็คงล้ม
แน่นอนว่ามันไม่มีทางกัดซิวหลัว ความร้อนของเลือดซิวหลัวนั้นมีมากเกินไป จะทำให้มันไม่สบาย
หนานกงหลียังคงชื่นชมมันอีกพักหนึ่ง จากนั้นจึงปล่อยให้ปรมาจารย์พิษอาวุโสเมิ่งเก็บมันกลับไป “เมื่อมีมันอยู่ ท่านแม่ข้าก็จะได้กลับคืนสู่ตำแหน่งประมุขหญิงรัชทายาท”
หนานกงหลีออกจากสำนักราชครูในคืนนั้น และกลับไปยังเรือนของตน
ก่อนที่หนานกงเยี่ยนจะได้รับการแต่งตั้งเป็นประมุขหญิงรัชทายาท นางพำนักอยู่ในวังหลวงมาตลอด หลังจากที่ได้รับการแต่งตั้ง องค์ประมุขก็พระราชทานจวนให้นางหลังหนึ่ง
บัดนี้นางไม่ใช่ประมุขหญิงรัชทายาทอีกต่อไป จึงไม่อาจกลับไปอยู่ในจวนได้อีก แต่องค์ประมุขก็ยังไม่ให้อภัยนาง จึงไม่อนุญาตให้นางย้ายกลับเข้าไปในวังหลวง นางจึงทำได้เพียงไปอยู่ในที่อื่นที่ซื้อเอาไว้
ที่นี่ก็ยังนับว่าเป็นคฤหาสน์ที่หรูหราแห่งหนึ่ง เพียงแต่มิอาจเทียบกับจวนประมุขหญิงได้ เพราะเมื่อเทียบกันแล้ว ก็จะเห็นว่าคฤหาสน์แห่งนี้ด้อยกว่ามาก
องค์หญิงน้อยร้องไห้จนน้ำตาเหือดแห้งไปไม่รู้กี่ครั้ง นางกลับเข้าห้องไปพักผ่อนแล้ว
หนานกงเยี่ยนนั่งอยู่ข้างหน้าต่างเพียงลำพัง มองออกไปยังลานบ้านอันเงียบสงัด
จวนประมุขหญิงก็มีลานบ้าน ทั้งยังกว้างกว่าที่นี่ไม่รู้เท่าไร ปลูกดอกโบตั๋นและดอกเจี้ยนหลานล้ำค่าเอาไว้ แต่ที่นี่กลับเห็นเพียงดอกเสาเย่าประปรายและหญ้านานาพันธุ์
“ท่านแม่!” หนานกงหลีสาวเท้าเข้าไป
หนานกงเยี่ยนชะงักและหันหน้ากลับมามองเขาด้วยสีหน้าว่างเปล่า “เจ้ากลับมาแล้ว”
แม้แต่เสียงยังกลายเป็นแหบพร่าและไร้ชีวิตชีวา
หนานกงหลีรู้สึกปวดแปลบในใจ นี่คือประมุขหญิงจริงหรือ? ไฉนภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่วันสภาพกลับย่ำแย่เพียงนี้?
เขารู้ว่าสิ่งที่ทำให้ท่านแม่เศร้าโศกเช่นนี้ไม่ใช่การสูญเสียตำแหน่งประมุขหญิงไป สิ่งที่หนักหนายิ่งกว่าคือการสูญเสียราชบุตรเขยที่รักมานานหลายปี
คนผู้นั้นไร้หัวใจเป็นที่สุด!
เป็นสามีภรรยากันวันเดียว ผูกพันกันชั่วชีวิต ท่านแม่ไม่อาจทำใจปล่อยท่านพ่อไปได้ ก็เป็นเพราะว่านางเป็นชายาของเขามานานหลายปี เขากลับมาทอดทิ้งนางในช่วงเวลาที่นางต้องการเขาที่สุดน่ะหรือ?
องค์ประมุขเพียงแต่ยึดอำนาจและตำแหน่งของท่านแม่ไป แต่เขานั้นเป็นดังมีดที่กำลังทิ่มแทงจิตใจของท่านแม่!
ถึงแม้จะเป็นพ่อของเขา เขาก็เกลียดคนผู้นั้น!
“ท่านแม่” หนานกงหลีตั้งสติ พยายามกดความรู้สึกที่กำลังถาโถมอยู่ในจิตใจ แล้วเปล่งน้ำเสียงนุ่มนวลออกมา “ข้าได้ราชินีสัตว์พิษมาแล้ว”
หนานกงเยี่ยนไม่ได้ตื่นเต้นอย่างที่เขาคิดไว้ นางเพียงตอบว่า ‘อืม’ เบาๆ แล้วหันหลังไปมองต้นหญ้านอกเรือนต่อ
หนานกงหลีเดินเข้าไป “ท่านแม่ มีมันแล้ว ท่านแม่ก็จะชิงตำแหน่งรัชทายาทคืนได้”
หนานกงเยี่ยนไม่ได้ตอบ
หนานกงหลีรู้ว่าปมในใจตอนนี้ของท่านแม่คืออะไร นัยน์ตาของเขากระตุกวูบหนึ่ง พลางกล่าวว่า “รอให้ท่านแม่ทวงคืนตำแหน่งประมุขหญิงกลับมาได้ ก็จะสามารถพาท่านพ่อกลับมาได้”
หนานกงเยี่ยนมีสีหน้าตกใจไปชั่วประเดี๋ยวหนึ่ง
หนานกงหลีบอกว่า “ต่อไปเมื่อท่านได้ครองบัลลังก์ การเจรจาเรื่องการเกี่ยวดองกันนั้นเป็นเรื่องง่ายดาย ฮ่องเต้แห่งต้าโจวจะถึงกับเป็นศัตรูกับหนานจ้าวเพียงเพื่อน้องชายที่ตายไปแล้วหรือ? ครานี้ท่านพ่อก็จะได้กลับมาอย่างเปิดเผย”
“ราชบุตรเขยจะกลับมาหรือ?” หนานกงเยี่ยนถามด้วยความประหลาดใจ
หนานกงหลีพยักหน้า “ขอรับ จะจับยังจับกลับมาได้เลย มีอำนาจอยู่ในมือ ต้องการทำไมจะไม่ได้เล่าขอรับ?”
ถูกต้องแล้ว ขอเพียงตนได้อำนาจกลับคืนมา บุรุษเพียงคนเดียว ไหนเลยจะมาอยู่ในครอบครองของนางไม่ได้?
หนานกงเยี่ยนกำหมัดแน่น “ข้าต้องเป็นประมุขหญิง…ต้องทำให้ราชบุตรเขยกลับมาอยู่ข้างกายข้า…ข้าต้อง…ต้องฆ่าเยี่ยนจิ่วเฉา”
หนานกงหลีปลอบโยนว่า “เจ้าคนไม่เอาไหนย่อมต้องถูกกำจัด เพื่อตัดต้นตอของปัญหา ท่านแม่ให้ข้าจัดการเขาก็ได้ขอรับ สิ่งที่ท่านแม่ต้องทำในตอนนี้ก็คือให้ความร่วมมือกับปรมาจารย์พิษอาวุโสเมิ่ง เพื่อทำให้ราชินีสัตว์พิษยอมรับท่านแม่เป็นเจ้านาย”
“ถ้าหากตอนนั้นข้าฟังเจ้า ก็คงไม่ตกต่ำจนถึงจุดนี้” นางไม่ควรเข้าใกล้เยี่ยนจิ่วเฉา ไม่ควรปฏิบัติต่อเขาเช่นนั้น
หนานกงหลีกล่าวโทษตนเอง “ข้าผิดเอง ข้าทำให้ท่านแม่ต้องพลอยลำบากไปด้วย”
เรื่องนี้ หนานกงเยี่ยนเองก็เคยกล่าวโทษบุตรชาย ที่เขาวางยาพิษเด็กพวกนั้นโดยพลการ ผลก็คือโดนผลร้ายเข้าเสียเองโดยไม่รู้ตัว
แต่ทันทีที่ลูกคุกเข่ายอมรับความผิดไว้กับตัว นางก็ไม่หลงเหลือความโกรธอยู่แล้ว
ไม่ว่าอย่างไร เขาก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขที่นางอุ้มท้องเกือบสิบเดือน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]