อวี๋หวั่นลุกขึ้นมาจากรถเข็นของลุงใหญ่แล้ว แต่เธอก็ยังถูกหนอนพิษตัวหนึ่งตามวอแวอยู่
อวี๋หวั่นก้มหน้าลงไปมองหนอนน้อยซึ่งห้อยต่องแต่งอยู่บนตัวเธอ
ในสายตาของคนอื่น นี่เป็นของศักดิ์สิทธิ์ ไม่อาจจับต้องได้ด้วยมือเปล่า แต่ในสายตาของอวี๋หวั่น มันก็เป็นแค่หนอนน้อยตัวหนึ่งไม่ใช่หรือ!
ถึงจะไม่น่าเอ็นดูเท่าลูกๆ ของเธอ!
แต่ก็น่ารักดี!
หึ!
“ลงมา” อวี๋หวั่นเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์
ไม่ลง! ให้ตายก็ไม่ลง!
หงึกๆๆ~
สัตว์พิษตัวน้อยของอวี๋หวั่นกระโดดขึ้นมาลากเจ้าหนอนพิษลงไปบนพื้น!
ราชินีสัตว์พิษซึ่งได้รับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสแทบร้องไห้ออกมา
กระนั้นมันก็ไม่ได้หนีไป
มันยังคงยืนหยัดอยู่ตรงนั้น!
มันปีนขึ้นไปหาอวี๋หวั่นอีกครั้งหนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ไปไหน!
สัตว์พิษของอวี๋หวั่นพุ่งเข้าไปหมายจะจัดการมัน
อวี๋หวั่นจึงบอกว่า “เจ้าเบาๆ หน่อย เดี๋ยวมันตาย สามีข้ายังต้องใช้มันถอนพิษอีกนะ”
สัตว์พิษตัวน้อยขึ้นไปนั่งไขว่ห้างกอดอกบนหัวไหล่ของอวี๋หวั่นด้วยความขุ่นเคือง มันมองลงมายังเจ้าหนอนน่า
สมเพชที่ยังคงเกาะแกะเจ้านายของตนไม่เลิก
อวี๋หวั่นยังคงฟัดกับหนอนน้อยตัวนี้ จนไม่รู้ว่าผู้คนบนแท่นบูชาเริ่มแตกตื่นกันแล้ว
พะ…พวกเขาไม่ได้มองผิดไปใช่ไหม? นะๆๆๆ หนอน…หนอนสองตัวนั้นคือ…
ผู้ที่ตั้งสติได้เป็นคนแรกกลับเป็นปรมาจารย์พิษอาวุโสซ่งซึ่งมีประสบการณ์น้อยที่สุดและอายุน้อยที่สุด ปีนี้เขาเพิ่งอายุสี่สิบต้นๆ เป็นปรมาจารย์พิษอาวุโสห้าจั้ง ในวิหารพิษนับว่าเขาปราดเปรื่องเปี่ยมพรสวรรค์ อายุประมาณสี่สิบจึงก้าวขึ้นมาถึงระดับห้าจั้งได้
เขาเคยได้รับสมญานามว่าอัจฉริยะแห่งหนานจ้าว เพียงแต่สมญานามนี้ก็ต้องพังทลายลงเมื่อพบกับปรมาจารย์พิษอาวุโสตัวน้อยทั้งสาม
อีกคนหนึ่งที่ถูกปรมาจารย์พิษตัวน้อยทั้งสามบดบังความเฉิดฉายก็คือปรมาจารย์พิษอาวุโสเมิ่ง ความ
สามารถของเขาเหนือกว่าเหล่าปรมาจารย์พิษอาวุโสในวิหารพิษ กระนั้นเขาก็อายุสี่สิบแล้ว เมื่อเทียบกับปรมาจารย์พิษอาวุโสน้อยทั้งสาม พรสวรรค์ของเขาก็นับว่าไม่เพียงพอ
ปรมาจารย์พิษอาวุโสซ่งกล่าวว่า “ปปปปปป…ปรมาจารย์ซ่ง…นั่น…นั่นมันราชันสัตว์พิษ…หรือว่าราชินีสัตว์พิษหรือ?”
เดิมทีเขาอยากถามว่านั่นคือราชันสัตว์พิษกับราชินีสัตว์พิษหรือ? แต่เมื่อคิดดูแล้วก็คงเป็นไปไม่ได้ ก็เหมือนกับพยัคฆ์ดุร้ายตัวหนึ่งนอนแอ้งแม้งในลานบ้านกับชะมดอีกตัวหนึ่ง นี่คือเรื่องที่ไม่ว่าอย่างไรก็เป็นไปไม่ได้
เขายินดีที่จะเชื่อว่าตนมองตัวหนึ่งออก อีกตัวหนึ่งจะเป็นอะไรก็ช่างมันเถอะ เขาต้องมองผิดไปเองอย่างแน่นอน!
เป็นเพราะความตกใจ สมองของเขาประมวลผลไม่ไหว จนเขาลืมนึกถึงดรุณีน้อยที่ถูกราชันสัตว์พิษยอมรับเป็นเจ้านายและถูกราชินีสัตว์พิษเข้ามาแอบอิง
ปรมาจารย์พิษอาวุโสซุนอายุมากที่สุด มีประสบการณ์และวิชาความรู้มาก กระนั้นเขาก็เหมือนกับปรมาจารย์พิษอาวุโสซ่ง พวกเขาแทบไม่อยากเชื่อสายตาของตนเอง
เพียงแต่ว่าไม่เชื่อสายตาของตนนั้นเป็นเรื่องหนึ่ง ข้อเท็จจริงก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
แน่นอนว่าสิ่งแรกที่พวกเขาสนใจนั้นไม่ใช่ตัวตนของดรุณีน้อยคนนั้น หากแต่เป็นเจ้าตัวเล็กสองตัวนั้น พวกมันคือราชันสัตว์พิษและราชินีสัตว์พิษจริงหรือไม่
“ราชครู ท่านคิดว่าอย่างไร” เขาหายใจเข้าลึก มองไปยังราชครูซึ่งยังคงนิ่งเงียบ
ราชครูไหนเลยจะจงใจยืนนิ่ง เขาเองก็ตกใจเหมือนกัน
หากมาถึงขั้นนี้แล้วยังไม่ตกใจ ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรแล้ว
ที่แท้กลิ่นที่เขาสัมผัสได้จากอวี๋หวั่นก็คือกลิ่นของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ แต่อวี๋หวั่นคงจะมองแผนการของเขาออก และสับเปลี่ยนเส้นผมที่เขาเก็บกลับไป ส่งผลให้การตรวจสอบของเขาผิดพลาด
เด็กคนนี้ เจ้าเล่ห์ไม่ต่างกับเยี่ยนจิ่วเฉา!
เป็นเพราะมีเรื่องราวเหล่านี้เกิดขึ้นมาก่อน ทำให้เขายอมรับว่าอวี๋หวั่นครอบครองสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้ง่ายกว่าผู้ใด
เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าหนอนพิษที่อยู่กับอวี๋หวั่นในตอนนี้ก็คือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์และราชินีสัตว์พิษ
แต่ก็ยังมีเรื่องที่เหนือความคาดหมายอยู๋ดี ตัวอย่างเช่น การที่อวี๋หวั่นเอาชนะสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ได้
เป็นเพราะครั้งแรกที่เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์จากอวี๋หวั่น เขาคิดเพียงว่าเธอถือมันผ่านเขาไปก็เท่านั้น ไหนเลยจะรู้ว่ามันยอมรับเธอเป็นเจ้านายแล้ว
และไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลใด หลังจากที่สัตว์พิษยอมรับอวี๋หวั่นเป็นเจ้านายแล้ว มันแข็งแกร่งขึ้นกว่าไม่กี่ปีก่อนมาก
ที่จริงแล้วไม่ใช่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์เพียงอย่างเดียว ราชินีสัตว์พิษก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน เพราะฉะนั้นจึงเกิดความสับสนกับกลิ่นอายของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์
อธิบายอย่างง่ายก็คือ เดิมทีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์มีพลังในระดับห้า ราชินีสัตว์พิษมีพลังระดับสาม ในตอนนี้ราชินีสัตว์พิษมีพลังเพิ่มขึ้นถึงระดับห้าหรือหก แต่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์…เกรงว่าจะมีพลังถึงระดับสิบ
ราชครูไม่เข้าใจว่าเรื่องทั้งหมดนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร
ผู้ที่งุนงงเสียยิ่งกว่าราชครูก็คือหนานกงเยี่ยน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]