หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 305

ท่านตาอะไร?

อวี๋หวั่นมองไปยังลุงใหญ่ของตนด้วยความงงงวย ก็พบว่าลุงใหญ่ของเธอกำลังมองไปยังองค์ประมุขซึ่งยืนอยู่บนแท่นบูชาด้วยสีหน้าอ่อนโยน

อวี๋หวั่นมองตามสายตาของเขาไป

ผู้เฒ่าคนนี้เธอรู้จักนี่นา คุณปู่คฤหาสน์ข้างๆ ที่คอยดูแลต้าเป่า วันที่เด็กทั้งสามไม่สบายและไปกินบัวลอย พวกเขาก็ได้พบหน้ากันครั้งหนึ่ง เขาถูกคนชนจนบาดเจ็บ เธอก็รักษาให้เขา เขายังให้บัวลอยพวกเขามาโหลหนี่งเลย

ความทรงจำเหล่านี้อวี๋หวั่นนึกขึ้นได้อย่างรวดเร็ว แต่เธอก็ยังไม่สามารถเชื่อมโยงชายสวมอาภรณ์ลายมังกรผู้นี้กับ ‘ท่านตา’ ที่ลุงใหญ่กล่าวถึงได้

เธอยังคงจมอยู่กับความตกใจว่าชุดที่อีกฝ่ายสวมคือเสื้อคลุมมังกรของประมุขแห่งหนานจ้าว

สถานการณ์สับสนอลหม่าน ผู้คนต่างกำลังก่นด่าสาปแช่งหนานกงเยี่ยนซึ่งหลอกลวงทั้งเบื้องบนและเบื้องล่าง เสียงของเห้อเหลียนเป่ยหมิงไม่นับว่าดัง เมื่อเห็นว่าหลานสาวไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง เขาจึงทึกทักไปว่าเธอไม่ได้ยิน จึงค่อยๆ เอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่ดังกว่าเดิมว่า “อาหวั่น มาพบท่านตาของเจ้า”

อวี๋หวั่นเข้าใจความหมายของลุงใหญ่แล้ว เขากำลังบอกว่าผู้เฒ่าที่สวมเสื้อคลุมมังกรนั้นคือท่านตาผู้ล่วงลับไปแล้วของเธอ?

อวี๋หวั่นถามด้วยความประหลาดใจ “ข้ามีท่านตาที่ไหนเจ้าคะ? ท่านตาข้าไม่ได้ตายไปแล้วหรือ? ครอบครัวของท่านแม่ข้าตายไปหมดแล้ว เหลือท่านแม่แค่คนเดียว”

องค์ประมุขแทบล้มทั้งยืน พลาดอีกนิดเดียวคงหล่นลงมาจากแท่นบูชาแล้ว!

เจ้าเด็กนี่พูดอะไรกัน? บอกว่าเขาตายไปแล้ว คนทั้งครอบครัวเขาตายหมดแล้วรึ?

เห้อเหลียนเป่ยหมิงใจหายวาบ เขาไม่คาดคิดว่าน้องสะใภ้จะเล่าเรื่องของพ่อแม่ตนเองขึ้นมาใหม่ ไม่สิ ไม่ใช่เล่าเรื่อง ต้องเรียกว่าแช่ง นางแช่งพวกเขาทั้งครอบครัวให้ตายมากกว่า

เห้อเหลียนเป่ยหมิงหน้าดำคร่ำเครียดขึ้นทันใด…

“ข้าไม่มีท่านตา” อวี๋หวั่นส่ายหน้า

เดิมทีน่าจะเป็นองค์ประมุขที่ตัดสินใจว่าจะรับหรือไม่รับเด็กคนนี้เป็นหลาน แต่กลับกลายเป็นว่าเด็กคนนี้นำหน้าเขาไปก่อนหนึ่งก้าว นางไม่ยอมรับเขา แต่ไหนแต่ไรมาองค์ประมุขมีชาติกำเนิดสูงส่ง จึงมิได้คาดคิดเลยว่าจะพบกับเหตุการณ์เช่นนี้

ถึงจะบอกว่าตี้จีองค์โตพูดเช่นนี้ แต่อย่างไรเสียนางก็เป็นลูกที่พระองค์ทอดทิ้ง มีความแค้นฝังลึก ยังนับว่าเข้าใจได้ แต่แม่นางน้อยผู้นี้ ดูแล้วไม่น่าจะอายุมากไปกว่าหนานกงซีเท่าไร ใบหน้าอ่อนเยาว์ ดวงตาใสเป็นประกาย ดูคล้ายกับยังไม่ผ่านโลกมามาก เหตุใดเมื่อเอ่ยปากพูด ก็ฟังดูราวกับกำลังไม่ไว้หน้าองค์ประมุขอย่างพระองค์อยู่

คนทั่วไปคงมิได้ตกใจเพียงอย่างเดียว เมื่อรู้ว่าตนเป็นหลานขององค์ประมุข ก็คงมือไม้สั่นจนทำอะไรไม่ถูก

“อาหวั่น นี่คือองค์ประมุข” เห้อเหลียนเป่ยหมิงเตือนสติ

อวี๋หวั่นตอบว่า “ข้ารู้ว่าเขาคือองค์ประมุข แต่เขาไม่ใช่ท่านตาของข้า!”

ท่านตาของเธอตายไปแล้ว ท่านแม่บอกว่าเขาตายไปแล้ว ต่อให้มีชีวิตอยู่ก็เหมือนกับตายไปแล้ว

เรื่องราวในวันนี้ออกจะยากต่อการประมวลผลอยู่สักหน่อย บางทีลุงใหญ่ของเธออาจเข้าใจผิดไป หรือบางทีเรื่องนี้อาจเป็นเรื่องจริง แต่ถึงแม้จะเป็นเรื่องจริง เธอก็ยังไม่สามารถยอมรับได้ทันที ท่านลุงใหญ่รักเธอมาก เธอเองก็เคารพเขามาก แต่ในเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้น พวกเขาก็ยากที่จะมีความเห็นตรงกัน

บนโลกนี้ไม่มีคนสองคนที่มีความเห็นตรงกันทุกเรื่อง แม้แต่เธอกับเยี่ยนจิ่วเฉาเองก็ไม่อาจเรียกได้ว่าเข้ากันได้ทุกเรื่อง เพียงแต่เมื่อมีความขัดแย้งกัน ก็ย่อมต้องมีความเคารพซึ่งกันและกัน

“แม่ข้าบอกว่าข้าไม่มีท่านตา ก็แปลว่าไม่มี”

คำพูดนี้ อวี๋หวั่นมองไปยังดวงตาขององค์ประมุข

สายตาของเธอนั้นแน่วแน่ ราวกับกำลังบอกว่าไม่จำเป็นต้องโต้แย้งอีก

องค์ประมุขรู้สึกผิดหวังเหลือเกิน

ถ้าหากอวี๋หวั่นยอมรับเขาในทันใด เขาก็คงต้องไตร่ตรองเสียก่อนว่าเขาจะยอมรับเธอหรือไม่ แต่เมื่ออวี๋หวั่น

ปฏิเสธอย่างไร้เยื่อใย สิ่งที่เขาคิดจึงแปรเปลี่ยนเป็น ‘เด็กนี่ไม่รู้หรือว่าหากเขายอมรับแล้วจะเป็นอย่างไร นางจะได้เป็นองค์หญิงของหนานจ้าว เป็นองค์หญิงที่ตำแหน่งสูงกว่าหนานกงซีเสียอีก นางไม่สนใจเลยหรือ?’

แน่นอนว่าอวี๋หวั่นไม่สนใจ

เป็นองค์หญิงแล้วจะร่ำรวยหรือ?

ครอบครัวเธอทำเหมืองเชียวนะ!

เหมืองเหล็กขนาดใหญ่มากด้วย!

อวี๋หวั่นซึ่งไม่รู้ว่าเมื่อเป็นองค์หญิงแล้วจะสามารถครอบครองเหมืองทองได้ไม่รู้เท่าไรก็เดินจากไปโดยไม่คิดจะ

หันหลังกลับมามอง!

เห้อเหลียนเป่ยหมิงหันหลังกลับไป สอดส่ายสายตาหาเยี่ยนจิ่วเฉาในฝูงชน

เยี่ยนจิ่วเฉาเลิกคิ้ว ส่งสายตาไร้เดียงสาแต่ก็เห็นอกเห็นใจให้เห้อเหลียนเป่ยหมิง

เป้าหมายของเขาคือการโค่นตี้จีองค์เล็ก เขาไม่ได้บอกว่าจะช่วยให้อวี๋หวั่นยอมรับองค์ประมุขที่ทอดทิ้งท่านแม่ของเธอไปสักหน่อย

เยี่ยนจิ่วเฉาเดินออกไปเช่นกัน

คู่รักจูงมือกัน ครั้งนี้นับว่าเป็นโลกที่มีเพียงเราสองอย่างแท้จริง

เห้อเหลียนเป่ยหมิงส่ายหน้า

ความคิดของผู้ใหญ่ไม่เหมือนกับความคิดของวัยรุ่น หากเป็นไปได้ เขาก็หวังว่าครอบครัวของพวกเขาจะกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตาอีกครั้ง และหวังว่าแผ่นดินหนานจ้าวจะมีผู้สืบทอด

แม้ว่าอวี๋หวั่นจะเดินออกไปแล้ว แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่จบ

ปรมาจารย์พิษอาวุโสซ่งตบแขนปรมาจารย์พิษอาวุโสซุนเบาๆ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยความไม่แน่ใจว่า “เมื่อครู่ ท่านแม่ทัพใหญ่จูงมือแม่นางน้อยคนนั้นแล้วบอกว่า ‘อาหวั่น มาพบท่านตาของเจ้า’ ข้าฟังผิดกระมัง?”

ปรมาจารย์พิษอาวุโสซุนก็ได้ยินเช่นกัน มีคนได้ยินเหมือนกับเขาหลายคน นั่นหมายความว่าพวกเขาทุกคนฟังผิดไปหรือ?

เมื่อครู่มัวแต่พะวงเรื่องการฉีกหน้ากากหนานกงเยี่ยน จึงลืมสนใจเด็กคนนั้น ทว่าบัดนี้เห็นทีนางคงจะไม่เพียงมีความสัมพันธ์กับสกุลเห้อเหลียนเท่านั้น แต่ยังมีความเกี่ยวข้องกับองค์ประมุขด้วย

“ท่านแม่ทัพใหญ่ให้นางเรียกองค์องค์ประมุขว่าท่านตา นางเป็นบุตรีของตี้จีองค์เล็กหรือ?” ปรมาจารย์พิษซ่งเอ่ยถามด้วยสีหน้าลำบากใจ ถ้าหากนางเป็นลูกสาวของตี้จีองค์เล็ก พวกเขาก็คงถึงคราวหายนะแล้ว นางมีทั้งสัตว์ศักดิ์สิทธิ์และราชินีสัตว์พิษในครอบครอง ความดีความชอบเหลือล้น หากไม่ระวัง พวกเขาก็มีโอกาสถูกตี้จีองค์เล็กจัดการ

วิหารพิษของพวกเขาหักหน้าตี้จีไปแล้ว นางตกต่ำ พวกเขาเองก็คงย่อยยับเช่นกัน

“ไม่ยักเคยได้ยินว่าตี้จีองค์เล็กมีบุตรีอีกคนหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น…” ปรมาจารย์พิษอาวุโสซุนชะงักไป แล้วมองไปยังเห้อเหลียนเป่ยหมิงซึ่งนั่งอยู่บนรถเข็น “แม่นางน้อยผู้นั้นยังสนิทสนมกับแม่ทัพใหญ่ เกรงว่าคงจะเป็นคนสกุลเห้อเหลียน”

“คนสกุลเห้อเหลียน? ปรมาจารย์พิษอาวุโสซ่งเกาศีรษะ ก่อนหน้านี้ยังคงไม่กระจ่าง ทว่าหลังจากเค้นสมองขบคิดแล้วก็เข้าใจในทันที “ตะ…ตะ…ตี้จีองค์โต?”

ว่ากันว่านายท่านรองแห่งสกุลเห้อเหลียนที่หายตัวไปนานหลายปี จับพลัดจับผลูไปแต่งงานกับตี้จีองค์โตซึ่งใช้ชีวิตเยี่ยงสามัญชน

เรื่องที่ตี้จีองค์โตถูกส่งออกไปจากหนานจ้าวในตอนนั้น ทุกคนล้วนรู้ดี ส่วนเรื่องที่นางถูกส่งไปที่ใดนั้นมิได้เปิดเผยต่อสาธารณะ เพราะฉะนั้นนอกจากขุนนางคนสนิทขององค์ประมุขแล้ว ไม่มีผู้ใดรู้ว่านางเดินทางไปยังเผ่าปีศาจ เป็นเพราะในตอนนั้นเผ่าปีศาจใช้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์มาสู่ขอตี้จีองค์โต ทว่าเรื่องราวที่เล่ากันในหมู่ชาวบ้านก็ต่างออกไป มิเช่นนั้นก็คงไม่เห็นเป็นประจักษ์ว่าตี้จีองค์โตใช้ทั้งชีวิตการแต่งงานของตนแลกกับเจ้าตัวเล็กๆ นั่น แต่ความดีความชอบกลับกลายเป็นของตี้จีองค์เล็กเสียอย่างนั้น

ในความไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของเรื่องนี้ก็ยังมีข้อดีอยู่ อย่างน้อยก็เป็นเพราะการแต่งงานของทั้งสอง ชาวบ้านนอกจากตื่นตะลึงและไม่เห็นด้วยแล้ว พวกเขาก็ไม่เกิดความเคลือบแคลงใจมากนัก

ปรมาจารย์พิษอาวุโสซุนเป็นหนึ่งในคนส่วนน้อยที่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของเรื่องนี้ แต่เขาก็ไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ปรมาจารย์พิษอาวุโสคนอื่นๆ ฟัง เขาเพียงพยักหน้าแล้วกล่าวว่า “น่าจะเป็นลูกสาวของตี้จีองค์โต”

“ลูกสาวของตี้จีองค์โตเป็นเจ้านายของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ นั่น…”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]