เป็นต้าเป่า
เป็นเพราะกลัวว่าต้าเป่าจะโดนลูกหลงไปด้วย จึงทนรับแรงโจมตีไว้เอง และใช้ร่างของตนเองดูดซับพลังภายในของเขา?
เซียวเจิ้นถิงไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
หากเมื่อครู่ซิวหลัวลงมือ และประมือกับเขา ตัวซิวหลัวเองก็คงไม่เป็นไร แต่ต้าเป่าที่เขาอุ้มอยู่คงจะได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
เมื่อคิดเช่นนี้ เซียวเจิ้นถิงก็อดรู้สึกกลัวขึ้นมาไม่ได้
โชคดีที่ไม่ได้ใส่แรงทั้งหมด ไม่เช่นนั้นต้าเป่าคงไม่รอดแล้ว!
แต่ทันใดนั้นเอง เซียวเจิ้นถิงก็สัมผัสได้ถึงสิ่งผิดปกติ
ซิวหลัวไม่สู้ แต่จะไม่หลบไปจริงๆ หรือ?
เป็นเพราะหนีไม่พ้น หรือว่า…
เซียวเจิ้นถิงสูดหายใจเข้าลึก แล้วตัดสินใจเอ่ยถามยอดฝีมือแปลกหน้าว่า “เหตุใดเจ้าไม่หลบไป?”
ซิวหลัวมองไปยังต้าเป่า แล้วส่งสายตาประหลาดใจให้เซียวเจิ้นถิง
เซียวเจิ้นถิงเข้าใจในทันที
ต้าเป่าผล็อยหลับไป ถ้าหากเขาใช้วิชาตัวเบาอย่างฉับพลัน อาจทำให้ต้าเป่าตื่น
เพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ต้าเป่าตกใจ เขาจึงยอมเจ็บตัว
“เจ้า…”
เซียวเจิ้นถิงไม่รู้ตนเองควรพูดว่าอย่างไร
คนผู้นี้วรยุทธ์สูงส่งถึงเพียงนี้ แต่แลดูเซ่อซ่าทีเดียว
แต่ถึงจะดูเซ่อซ่า เขาก็รู้ว่าอาจทำให้เด็กซึ่งกำลังหลับตกใจตื่นได้
เป็นเพราะตอนเด็กเจ้าตกใจตื่นเช่นนี้บ่อย จึงเข้าใจเรื่องนี้หรือ?
ไม่อยากให้ต้าเป่าต้องเจอกับสิ่งที่ตนเคยเจอ เพราะฉะนั้นจึงยอมรับความทรมานนั้นแทนหรือ?
เซียวเจิ้นถิงเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ ไม่ได้ถามออกไป
ในตอนนั้นเอง ซั่งกวนเยี่ยนก็เดินมาหาทั้งสามคน
ซั่งกวนเยี่ยนไม่เห็นภาพเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ แต่เมื่อมองใบหน้าซีดเผือดของซิวหลัว และเสื้อผ้าด้านหลังของเขาก็ฉีกขาดจากการโจมตี และมองไปยังใบหน้าลำบากใจของเซียวเจิ้นถิง คนเขลาก็ยังบอกได้ว่าทั้งสองกำลังเข้าใจผิด
ซั่งกวนเยี่ยนถลึงตาใส่เซียวเจิ้นถิง “ข้าไม่อยู่แค่ประเดี๋ยวเดียว ท่านทำร้ายเขาจนเป็นเช่นนี้เชียวหรือ?”
“ข้า…” เซียวเจิ้นถิงเกาศีรษะ ไม่รู้ควรตอบว่าอย่างไรดี
ซั่งกวนเยี่ยนบอกว่า “เขาคือคนรู้จักของอาหวั่นกับฉงเอ๋อร์ เมื่อครู่เข้ามาทักทายแล้ว เขาดู…แปลกๆ แต่ว่าอาหวั่นบอกไว้แล้ว ไม่ต้องใส่ใจหรอก เขาไม่ใช่คนไม่ดีอะไร”
ไม่ใช่คนไม่ดีอะไร เซียวเจิ้นถิงยังไม่กล้าเห็นด้วย
อย่างไรเสียครั้นอยู่บนถนน เขาก็ประมือกับคนผู้นี้มาแล้วครั้งหนึ่ง เขาสัมผัสได้ถึงจิตสังหารอันบ้าคลั่งจากร่างของเขา เพียงแต่ว่าตั้งแต่เข้ามาในลานบ้าน กลิ่นอายของเขายังคงอยู่ แต่จิตสังหารบ้าคลั่งนั้นไม่เหลืออยู่แล้ว น่าแปลกจริงๆ
ทว่า ในเมื่ออาหวั่นบอกไว้แล้ว คนผู้นี้ก็น่าจะไว้ใจได้
อีกอย่างฉงเอ๋อร์ก็อยู่ด้วย ถ้าหากไม่เชื่อใจ ก็คงไม่ปล่อยให้เขาอุ้มต้าเป่าหรอก
อันที่จริงในตอนที่เข้ามาในลานบ้าน เขาก็สัมผัสได้แล้วว่ากลิ่นอายของคนผู้นี้ไม่เหมือนเดิม เพียงแต่ว่าเขาถูกกลิ่นคาวเลือดทำให้หัวหมุน จึงมิได้ใส่ใจสังเกตความผิดปกติ
“เกิดอะไรขึ้นในลานบ้านกัน? เหมือนว่า…” เซียวเจิ้นถิงอยากพูดว่ามีคนถูกฆ่า แต่เมื่อดูท่าทางสบายๆ ของซั่งกวนเยี่ยน จึงรีบแก้จำพูดว่า “มีโจรขึ้นบ้าน”
ซั่งกวนเยี่ยนกล่าวว่า “มีแขกมาไม่ใช่หรือ? ข้าเลยให้ซิ่งจู๋เชือดไก่ แต่นางไม่ค่อยมีแรง สับลงไปแล้วไก่ยังวิ่งหนีไปทั่ว ต้องวิ่งตามกันให้วุ่น”
ที่แท้ก็เป็นเพียงเลือดของไก่…
เซียวเจิ้นถิงยกมือขึ้นปาดเหงื่อเย็น
ไม่นาน เสี่ยวเป่าและเอ้อร์เป่าก็ตามมา เด็กทั้งสองปลุกต้าเป่า แล้วส่งขวดนมให้ต้าเป่า จากนั้นก็พาซิวหลัวเดินไปยังลานหน้าบ้านอย่างคล่องแคล่ว
เด็กสามผู้ใหญ่หนึ่งนั่งอยู่บนธรณีประตู มือถือขวดนม ดื่มนมกันอย่างมีความสุข!
เซียวเจิ้นถิงรู้ดีกว่าใครว่าเขาใช้แรงไปมากเท่าใด เขาคนนั้นกระดูกหัก ย่อมต้องบาดเจ็บหนัก แต่กลับมีท่าทางราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เขาไม่กลัวเจ็บ หรือว่าเจ็บจนชินแล้วกัน?
เซียวเจิ้นถิงไม่รู้ว่าคนผู้นี้คือซิวหลัวผู้เลื่องชื่อ และไม่รู้ว่าความเจ็บปวดที่ซิวหลัวต้องทนในแต่ละวันนั้นหนักหนากว่านี้เป็นร้อยเท่า แผลของเขาหากจะบอกว่ารุนแรงก็รุนแรง แต่เขาชินชากับความเจ็บปวดเช่นนี้แล้ว
เซียวเจิ้นถิงมองไปยังซิวหลัวอย่างไม่เข้าใจ
ถ้าหากไม่ใช่เพราะซิวหลัวยังหน้าตาเหมือนเดิม เขาคงนึกสงสัยว่านี่ไม่ใช่หน่วยกล้าตายผู้โหดร้ายเลือดเย็นที่เขาเจอบนถนน
ดวงตาของเขาเป็นสีแดง น่าจะเป็นเพราะธาตุไฟเข้าแทรก ตามหลักแล้วคนเหล่านี้จะไม่รู้เนื้อรู้ตัว แต่ยามที่เขามองเด็กๆ ทั้งสาม สายตาของเขาแลดูไร้เดียงสาราวกับเด็ก
โปะ!
ต้าเป่าปล่อยจุกนม แล้วส่งยิ้มให้ซิวหลัว
ทั้งชีวิตนี้ซิวหลัวไม่เคยยิ้มมาก่อน
แต่เขาเรียนรู้ท่าทางนี้จากต้าเป่า จึงพยายามยกกล้ามเนื้อใบหน้าขึ้น
รอยยิ้มนั้นเหมือนใบหน้าร้องไห้เสียมากกว่า
ท่าทางของเขาดูเซ่อซ่าเหลือเกิน
เซียวเจิ้นถิงรู้สึกว่าตนเองคงคิดมากไป เขาคนนี้ดูโหดเหี้ยม แต่แท้จริงแล้วไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด เขาจึงกลับไปช่วยทำแผล และจะต่อกระดูกให้เขา
เมื่อนึกเรื่องหนึ่งออก เซียวเจิ้นถิงก็กล่าวว่า “ใช่สิ เขาชื่ออะไรหรือ เจ้าเรียกเขาว่าอย่างไร?”
ซั่งกวนเยี่ยนอุทาน แล้วบอกว่า “ฟังจากที่อาหวั่นบอก น่าจะชื่อซิวหลัว?”
ซ…ซิวหลัว?
ซิวหลัว…เครื่องมือสังหารของเผ่าปีศาจที่ฆ่าล้างบางได้ทั้งเมืองน่ะหรือ?
เขาเพิ่งจะต่อยซิวหลัว!!!
เซียวเจิ้นถิง “…”
เขาควรจะดีใจใช่ไหมที่ยังมีชีวิตรอด…
สุดท้ายแล้วซิวหลัวก็ไม่ได้รับการรักษาจากเซียวเจิ้นถิง เขาดื่มนมจนอิ่มก็กลับจวนไปอย่างมีความสุข
เมื่อหนานกงหลีเห็นว่าเขากลับมามือเปล่า สีหน้าก็มืดมนลงทันใด
กลิ่นอายของซิวหลัวนั้นเปลี่ยนไป
พลังที่โหมคลั่งในร่างของเขาลดลงมาก
อีกทั้งบนตัวของเขายังมีกลิ่นของนม
หนานกงหลีหรี่ตาด้วยความเคลือบแคลงใจ “เจ้าเจอกับเด็กพวกนั้นหรือ?”
ใช่แล้ว เขาลืมไปได้อย่างไรว่าเซียวเจิ้นถิงกับซั่งกวนเยี่ยนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเรือนของเยี่ยนอ๋อง ในตอนที่ไปสืบ
ความมาได้ เขาตกใจแทบแย่ เขาคิดว่าถ้าหากเซียวเจิ้นถิงไม่บ้า ก็คงต้องเป็นซั่งกวนเยี่ยนที่บ้า ถึงมาอยู่ในเรือนใกล้ๆ กับสามีเก่าของซั่งกวนเยี่ยน
สิ่งที่เขาไม่คาดคิดก็คือ เด็กทั้งสามก็ย้ายมาอยู่ด้วย
เช่นนั้นก็หมายความว่าเยี่ยนจิ่วเฉาและเด็กคนนั้นก็ย้ายมาด้วย?
ซิวหลัวเบือนหน้าหนีด้วยความรู้สึกผิด เขาชี้ไปยังกระดูกซี่โครงที่หัก บอกเป็นนัยว่าเขาทำภารกิจไม่สำเร็จ เขาสู้ไม่ได้!
ถ้าหากไม่มี ‘ความผิดพลาด’ ครั้งก่อนๆ หน้า หนานกงหลีก็คงเชื่อ แต่หลังจากเหตุการณ์หลายๆ ครั้งก็พบว่าซิวหลัวยังคงใจอ่อนกับเด็กทั้งสาม เขาชอบเด็กพวกนั้น เมื่อเห็นพวกเขาก็จะไม่ยอมลงมือ
น่าแปลกใช่ไหมเล่า?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]