เรื่องของตี้จียังมาไม่ถึงถนนซื่อสุ่ย
กลางดึก เด็กทั้งสามตื่นเต้นจนนอนไม่หลับสักที ประตูใหญ่ของทั้งสองจวนเปิดทิ้งไว้ พวกเขาวิ่งไปวิ่งมาจนเหงื่อท่วมตัว เพิ่งอาบน้ำไปเห็นจะไม่มีประโยชน์แล้ว
อวี๋หวั่นจึงให้จื่อซูและฝูหลิงไปต้มน้ำร้อน
“มาสิมาเลยมาจับข้าเลย!”
เป็นเสียงกระหืดกระหอบของเสี่ยวเป่า
อวี๋หวั่นเหลือบดูนาฬิกาทรายบนกำแพง ปกติแล้ววันอื่นๆ เด็กทั้งสามจะต้องหลับไปแล้ว แต่วันนี้กลับไม่ง่วง ดูแล้วมีความสุขกันเหลือเกิน
หรืออาจเป็นเพราะดื่มนมแพะ?
ไม่สิ นมแพะก็ดื่มอยู่ทุกวัน ก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่นา
คงจะเป็นเพราะเจอซิวหลัว
ใครจะไปคิดว่ายอดฝีมือซึ่งครั้งหนึ่งเคยทำให้พวกเขากลัวแทบแย่ จะกลายมาเป็นเพื่อนกับเด็กๆ ที่ยังพูดจาอ้อแอ้เช่นนี้ได้
อวี๋หวั่นยิ้มพลางส่ายหน้า
ในตอนนั้นเอง เด็กคนหนึ่งก็วิ่งผ่านหน้าอวี๋หวั่น เธอจึงเอื้อมมือออกไปคว้าเขาอย่างรวดเร็ว
เป็นเอ้อร์เป่า
เอ้อร์เป่าผู้โชคร้ายถูกท่านแม่จับกลับห้องไปแล้ว
“แง้!” เมื่อเสี่ยวเป่าเห็นว่าเอ้อร์เป่าถูกจับไปแล้ว จึงสับเท้าวิ่งหนี แต่กลับไม่ทันระวัง วิ่งไปชนท่อนขาใหญ่ราวช้างสารจนมึนงง เห็นดาววิ่งวนอยู่เหนือศีรษะ
เสี่ยวเป่า…KNOCKED OUT!
เสี่ยวเป่าก็ถูกจับกลับห้องไปเช่นกัน
เมื่อน้องชายทั้งสองถูกจับไปแล้ว ต้าเป่าก็ยอมแพ้ เดินเตาะแตะเข้าไปในถังอาบน้ำอย่างว่าง่าย
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ในที่สุดทั้งสามก็เริ่มง่วงนอน แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังกอดขวดนมเอาไว้ แล้วมองออกไปด้านนอก
อวี๋หวั่นรู้ว่าพวกเขากำลังรอใครอยู่ เธออดยิ้มออกมาไม่ได้ “นอนเถอะ เดี๋ยวก็ได้เจอกันอีก”
ทั้งสามยังคงต่อสู้กับความง่วงอยู่อีกครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ทนไม่ไหว และผล็อยหลับไป
อวี๋หวั่นเดินกลับห้องของตน เยี่ยนจิ่วเฉาเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เขาเดินออกมาพร้อมกับผมยาวเปียกชุ่ม
อวี๋หวั่นคว้าผ้ามา เรียกให้เขานั่งลงบนเก้าอี้ แล้วไปยืนด้านหลัง ค่อยๆ เช็ดผมให้เขา
ราตรีเงียบสงัด ปราศจากเสียงลม
ไม่มีใครพูดอะไร แต่กลับไม่รู้สึกถึงความกระอักกระอ่วน หัวใจของพวกเขาสามารถสื่อถึงกันได้แม้จะไร้ซึ่งคำพูด ในสมองของอวี๋หวั่นมีคำกล่าวที่ว่า ‘คืนวันเงียบสงัดนั้นแลดี’ ปรากฏขึ้นมา
ชีวิตเช่นนี้ไม่มีอะไรไม่ดี และแน่นอนว่าหากถอนพิษได้ย่อมดีกว่านี้
เธอเป็นผู้หญิงที่รู้จักประมาณตน แต่สำหรับบางเรื่องก็อดละโมบไม่ได้ ตัวอย่างเช่นผู้ชายคนนี้ เธอหวังว่าจะได้ครอบครองเขาไปชั่วชีวิต ไม่ใช่เพียงประเดี๋ยวประด๋าวเท่านั้น
“เคลิบเคลิ้มอะไรอีกแล้ว!” คุณชายเยี่ยนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
อวี๋หวั่นอมยิ้ม เธอค้อมกายลงไปมองปรางแก้มของเขา “ใครใช้ให้ท่านเป็นคนงามอันดับหนึ่งกันละ คนงามอันดับหนึ่งของหนานจ้าว ข้าเคลิบเคลิ้มแล้วทำไม? ข้าทำไม่ได้หรือ?”
เยี่ยนจิ่วเฉาทำสีหน้าครุ่นคิดอย่างจริงจัง “โอ้ จะว่าไปก็ถูกของเจ้า”
อวี๋หวั่นหมดคำจะพูด “…”
ท่านไม่คิดจะถ่อมตนสักหน่อยหรือ?
อวี๋หวั่นเช็ดผมให้เขาต่อ เช็ดไปเช็ดมาก็นึกถึงเรื่องบางอย่างออก จึงถามเขาว่า “ซิวหลัวไม่ได้มานานแล้ว อยู่ๆ ก็เจอเขา เขาเล่นกับเด็กๆ อย่างสนุกสนานเชียว เด็กๆ ตื่นเต้นจนไม่ยอมนอน อาบน้ำไปสองรอบแล้ว”
“หึ” คุณชายเยี่ยนแค่นเสียงในลำคอ
อวี๋หวั่นพูดต่อว่า “เดี๋ยวก่อนนะ หนานกงหลีอยู่ที่ชายแดน เขาไม่ได้พาซิวหลัวไปด้วยหรอกหรือ?”
หนานกงหลีนำทัพไปยังชายแดนไม่ได้ป่าวประกาศออกไป แต่เห้อเหลียนเป่ยหมิงเป็นแม่ทัพแห่งหนานจ้าว เรื่องราวในกองทัพล้วนไม่อาจปิดบังเขาได้ หนานกงหลีต้องการสังหารเซียวเจิ้นถิง เขาย่อมต้องพาซิวหลัวไปด้วย
ตอนนี้ซิวหลัวกลับอยู่ในเมืองหลวง
ซิวหลัวไม่มีทางออกห่างจากหนานกงหลี และนั่นก็หมายความว่าหนานกงหลีกลับเมืองหลวงมาแล้ว?
อวี๋หวั่นชะงักไป แล้วถามว่า “ตำแหน่งของท่านพ่อถูกเปิดเผยแล้วหรือ? วันนี้ซิวหลัวถึงได้ตามมาฆ่า?!”
“ฆ่าเขาหรือว่าฆ่าซั่งกวนเยี่ยน ตอนนี้ยังไม่แน่ชัด” เขาถามซิวหลัวได้ แต่เขาไม่ได้ทำอย่างนั้น
เมื่อเทียบกับคำตอบของเขาแล้ว สิ่งที่ทำให้อวี๋หวั่นรู้สึกประหลาดใจกลับเป็นการที่เขายอมรับคำว่า ‘ท่านพ่อ’ เสียมากกว่า ในใจของเขายอมรับเซียวเจิ้นถิงแล้ว เพียงแต่เซียวเจิ้นถิงได้ครอบครองซั่งกวนเยี่ยนแล้ว เขาจึงไม่อาจปล่อยให้เยี่ยนอ๋องสูญเสียลูกไปอีก
สายตาของอวี๋หวั่นเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน สามีที่เจ้าอารมณ์และแสนจะหลงตัวเองของเธอ กลับใจดีต่อคนในครอบครัวเสมอ
หลังจากรำพึงรำพัน เธอก็เริ่มขบคิดคำพูดของสามี
ซิวหลัวอาจมาตามสังหารซั่งกวนเยี่ยน ข้อสรุปนี้ทำให้อวี๋หวั่นรู้สึกหวั่นใจ หนานกงหลีฆ่าเธอก็นับว่าสมเหตุสมผลกว่าสักหน่อย อย่างไรเสียความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาก็เป็นทั้งผู้มีพระคุณและผู้ที่เคืองแค้นต่อกัน เธอมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องเหล่านี้ แต่ซั่งกวนเยี่ยนนั้นเป็นผู้บริสุทธิ์ เขาลากผู้หญิงที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่กับเรื่องนี้เข้ามาเกี่ยวข้อง เขาบ้าไปแล้วจริงๆ!
ถ้าหากเขาหมายจะฆ่าซั่งกวนเยี่ยนจริง เช่นนั้นก็คาดเดาแรงจูงใจของเขาได้ไม่ยาก เขากำลังนำความแค้นทั้งหมดของหนานกงเยี่ยนมาลงที่เยี่ยนอ๋อง แต่เขาคงคิดว่าสิ่งที่เยี่ยนอ๋องทำทั้งหมดก็เพื่อซั่งกวนเยี่ยน เพราะฉะนั้นจึงต้องการสังหารซั่งกวนเยี่ยนเพื่อระบายความแค้น
อันที่จริงต้องกล่าวว่าเขาทำไปเพื่อระบายความริษยาในใจของตน มากกว่าทำไปเพื่อล้างแค้นให้หนานกงเยี่ยน
อวี๋หวั่นเอ่ยขึ้นว่า “น่ากลัวว่าเขาจะยังไม่รู้ว่าตัวเองไม่ใช่ลูกของท่านอ๋อง เขามีเรื่องค้างคาในใจมาตลอดว่าทำไมหลายปีมานี้ คนที่ท่านพ่อพร่ำเพ้อถึงจึงมีแต่ท่าน”
ไม่ว่าจะถูกกรอกซื่อหุนเฉ่าไปกี่ครั้ง เยี่ยนอ๋องก็ยังจำชื่อของเยี่ยนจิ่วเฉาได้ แต่กลับจำชื่อของหนานกงหลีไม่ได้แม้แต่ครั้งเดียว
เขาสู้เยี่ยนจิ่วเฉาไม่ได้ จึงเปลี่ยนเป้าหมายไปเป็นซั่งกวนเยี่ยนผู้ซึ่งไม่รู้เรื่องนี้ด้วย และไม่อาจตอบโต้ได้ อันที่จริงนี่นับว่าเป็นคุณลักษณะของผู้ที่อ่อนแอและไร้ความสามารถ
“แต่ว่า…” อวี๋หวั่นขมวดคิ้ว “ซิวหลัวไม่ได้ทำอะไรซั่งกวนเยี่ยน กลับไปหนานกงหลีคงจะโมโหมากสินะ”
“คุณชายขอรับ!”
เสียงของอิ่งสือซันดังขึ้นด้านหน้าประตู
“เข้ามา” เยี่ยนจิ่วเฉาบอก
อิ่งสือซันผลักประตูเข้าไป แสงเทียนสาดส่องไปยังใบหน้าขาวซีดของเขา
อวี๋หวั่นสังเกตเห็นว่าริมฝีปากของเขาปราศจากสีเลือด จึงถามว่า “เจ้าบาดเจ็บหรือ?”
“ข้าไม่เป็นไร” อิ่งสือซันมีสีหน้าจริงจัง “ข้าเพียงแต่ถูกพลังที่หลงเหลืออยู่ของซิวหลัวโจมตี อีกประเดี๋ยวก็หายขอรับ”
“เจ้าสู้กับซิวหลัว?” อวี๋หวั่นถาม
อิ่งสือซันส่ายหน้า “เปล่าขอรับ แต่นั่นก็ทำให้ข้าน้อยประหลาดใจอยู่เหมือนกัน”
เดิมทีเยี่ยนจิ่วเฉาเดาได้แต่แรกแล้วว่าซิวหลัวมีอะไรไม่ชอบมาพากล จึงให้อิ่งสือซันสะกดรอยตามไป
วรยุทธ์ของอิ่งสือซันไม่แข็งแกร่งพอที่จะปกปิดตัวตนต่อซิวหลัว แต่ซิวหลัวมิได้มีเจตนาร้ายต่ออิ่งสือซัน และคร้านจะสนใจเขา เพียงแต่การเคลื่อนไหวของซิวหลัวนั้นรวดเร็วเกินไป พริบตาเดียวก็หายไปแล้ว
อิ่งสือซันจึงตัดสินใจตรงไปยังจวนตี้จีให้รู้แล้วรู้รอด
เขาคิดว่าหากไปดูที่จวนตี้จีอาจโชคดีได้ข้อมูลมาบ้าง ไหนเลยจะรู้ว่ากลับสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่รุนแรง เป็นกลิ่นอายของซิวหลัว แต่ก็เหมือนจะไม่ใช่ของซิวหลัว
กลิ่นอายหลายหลากชนิดระคนกันไป เขาอยู่ด้านนอกจวนยังได้รับแรงกระแทก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]