ฮูหยินผู้เฒ่าไม่ได้ออกจากบ้านมานาน เป็นเพราะเมื่อคืนฝนตกหนัก นางนอนกระสับกระส่าย เห็นจะเป็นเพราะคิดถึงหลานชายและเหลนสุดที่รัก ดังนั้นฟ้ายังไม่ทันสางก็เรียกให้คนพาออกมา
บ่าวในจวนรายงานเรื่องนี้กับอวี๋เซ่าชิงและเห้อเหลียนเป่ยหมิง เห้อเหลียนเป่ยหมิงไม่เห็นด้วย เขาบอกว่านางอายุมากแล้ว กลัวว่าจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นระหว่างทาง
อวี๋เซ่าชิงกลับไม่คิดเช่นนั้น ฮูหยินผู้เฒ่ายังแข็งแรง หากอุดอู้อยู่ในบ้านทั้งวันก็คงเบื่อแย่ ไม่สู้ออกไปสูดอากาศ นั่งบนเบาะนุ่มบนรถม้า ให้สารถีขับช้าสักหน่อย อย่าให้รถม้าโคลงเคลงเกินไป
“กลับเป็นลูกชายคนเล็กที่รักข้าที่สุด!” ฮูหยินผู้เฒ่ามองค้อนบุตรชายคนโต แล้วเดินถือไม้เท้าออกไปโดยไม่หันหลังกลับมามอง!
สารถีกลัวจะทำให้รถม้าโคลงเคลง จึงบังคับรถให้วิ่งช้าที่สุด ช้าจนแทบไม่ต่างจากคนเดินเท้าเสียด้วยซ้ำ แต่ด้วยเหตุนี้เอง ฮูหยินผู้เฒ่าจึงเห็นสิ่งที่นอนกองอยู่บนพื้นได้อย่างชัดเจน
รถม้าเคลื่อนไปได้เพียงครึ่งทาง อยู่ๆ ฮูหยินผู้เฒ่าก็ตะโกนขึ้นพร้อมกับชี้ไปยังตรอกเล็กว่า “หนิวตั้นนนนนนนน”
สารถีรถม้าขนลุกซู่ เขาเกือบคิดว่าเจอผีตอนกลางวันแสกๆ เสียแล้ว!
ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงเรียกหนิวตั้นที่นางเห็น พร้อมกับสั่งให้สารถีตรงไป สารถีรถม้าไม่อาจเมินเฉยนางได้ ทำได้เพียงนำรถม้าเคลื่อนเข้าไปในตรอก
สารถีเป็นคนในจวน เขาเข้าใจสภาวะของฮูหยินผู้เฒ่าดี มองปราดเดียวก็รู้ว่าอาการป่วยของฮูหยินผู้เฒ่าคงจะกำเริบอีก สถานการณ์เช่นนี้ยังอาจไม่ได้กระตุ้นอาการของนาง เขาเพียงตามน้ำกับนางไป อีกสักพักนางก็จะดีขึ้น
แต่ฮูหยินผู้เฒ่าดีขึ้นไหมไม่รู้ แต่สารถีเริ่มจะไม่ไหวแล้ว
หากดูจากทิศทางที่ฮูหยินผู้เฒ่าชี้ไป พวกเขากำลังตรงไปยังป่าช้า!
สารถีรู้สึกเย็นวาบไปถึงสันหลัง ในใจนึกกลัวว่าจะเจอผีเข้าจริงๆ ครั้งนี้เขาจะตามใจฮูหยินไม่ได้แล้ว ขณะที่สารถีกำลังตัดสินใจจะกลับจวน ฮูหยินผู้เฒ่าก็โผล่ออกมา คว้าเชือกแล้วดึงให้รถม้าหยุดลง!
เขาไม่เคยเห็นฮูหยินผู้เฒ่าดื้อดึงเช่นนี้มาก่อน
ฮูหยินผู้เฒ่าถูกผีเข้า!
“ฮฮฮฮูฮู…”
สารถียังไม่ทันได้พูดอะไร ฮูหยินผู้เฒ่าซึ่ง ‘ถูกผีเข้า’ ก็ลงจากรถม้า แล้วพุ่งตรงไปยังป่าช้า
“หนิวววววว ตั้นนนนนนน”
สารถีแทบจะเป็นลม!
‘หนิวตั้น’ บาดเจ็บหนัก ฮูหยินผู้เฒ่าไม่มีกะจิตกะใจจะไปหาหลานชายและเหลนสุดที่รักอีกต่อไป นางพาซิวหลัวกลับจวนเห้อเหลียน
เมื่อได้ยินว่าฮูหยินผู้เฒ่าพา ‘หนิวตั้น’ กลับบ้านมา เห้อเหลียนเป่ยหมิงซึ่งกำลังดื่มชาอยู่ก็สำลักน้ำชาทันที!
เรื่องก็ผ่านมานานเท่าไรแล้ว ท่านแม่ยังพาท่านพ่อมาอีกหรือ?
เห้อเหลียนเป่ยหมิงคิดว่าถ้าหากนางพาท่านพ่อกลับมาอีกสักสองสามครั้ง ฝาโลงศพของท่านพ่อคงจะปิดไว้ไม่อยู่เป็นแน่ และเพื่อที่จะป้องกันไม่ให้ท่านพ่อปีนออกมาจากโลงศพ เห้อเหลียนเป่ยหมิงจึงกัดฟันลุกออกไปหาท่านแม่สักหน่อย
เขาคิดเสียอีกว่าท่านแม่จะไปเก็บคนหน้าตางดงามปานเทพเซียนมาจากไหน แต่เมื่อลองเพ่งมองดูแล้ว กลับพบว่าเป็นบุรุษสภาพปางตายคนหนึ่ง
ซิวหลัวมาจวนสกุลเห้อเหลียนหลายครั้ง มีหรือเห้อเหลียนเป่ยหมิงจะจำเขาไม่ได้ แต่กระนั้นเขาก็จำซิวหลัวไม่ได้ในแรกเห็น ไม่ใช่เพราะอะไร หากแต่เป็นเพราะเขาไม่ยักเหมือนซิวหลัวในความทรงจำของเห้อเหลียนเป่ยหมิง
ซิวหลัวผู้ที่สามารถทำลายล้างทุกสิ่งเพียงแค่กระดิกนิ้ว บัดนี้กลับถูกดูดพลังไปจนหมด แลดูราวกับเป็นซากศพที่ไร้วิญญาณ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงกระดูกที่หักไปทั้งตัว ใบหน้าบวมดวงตาเขียวช้ำ
หลังจากที่เห้อเหลียนเป่ยหมิงจำเขาได้ เขาก็รู้สึกหวั่นใจขึ้นมา
นี่คือซิวหลัวหรอกหรือ ใครทำให้เขากลายเป็นเช่นนี้กัน?
แม้ว่าเซียวเจิ้นถิงจะผ่านสนามรบมามาก เคยชินกับความตาย แต่เมื่อเห็นสภาพของซิวหลัวในตอนนี้ ก็อด
หายใจเข้าเฮือกหนึ่งด้วยความตกใจไม่ได้
ซิวหลัวที่ปราศจากพลังภายในก็ไม่ต่างอะไรกับอินทรีไร้ปีก พยัคฆ์ไร้เขี้ยว และช่างเจียระไนหยกที่ไร้มือ พวกเขาสูญเสียสิ่งล้ำค่าที่สุดไป ได้แต่นั่งรอความตายตาปริบๆ
และนี่เป็นสิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าหยิบดาบมาแทงเสียอีก
ฮูหยินผู้เฒ่าร่ำไห้ออกมา “หนิวตั้นนนน เจ้าลูกเต่าพวกนั้นทำกับเจ้าถึงเพียงนี้เชียวหรือ? เจ้าบอกข้ามา! ข้าจะ
ให้ลูกเจ้าไปเชือดมันให้ตาย!”
เห้อเหลียนเป่ยหมิงที่อยู่ๆ ก็กลายเป็นลูกของซิวหลัว “…”
เห้อเหลียนเป่ยหมิงกุมขมับ สูดหายใจเข้าลึกๆ “ท่านแม่ เขาไม่ใช่พ่อข้า”
ฮูหยินผู้เฒ่าตวาด “เขาเป็นพ่อเจ้า!”
“ไม่ใช่”
“ใช่!” ฮูหยินผู้เฒ่าดึงหูลูกชาย “เจ้าเป็นแม่ทัพมันยิ่งใหญ่ขนาดนั้นเชียวหรือ? แม้แต่พ่อตัวเองก็จำไม่ได้แล้วใช่ไหม?”
“เจ็บ! ท่านแม่! เจ็บ!”
ฮูหยินผู้เฒ่าช่างสมกับเป็นฮูหยินตระกูลแม่ทัพ เห้อเหลียนเป่ยหมิงรู้สึกราวกับหูของเขากำลังจะถูกท่านแม่บิดจนหลุดออกมา ปีนี้ดวงตกหรืออย่างไร? มีแต่คนมาแก่งแย่งความรักของท่านแม่ไปจากเขา สถานะของเขาในจวนแห่งนี้ตกต่ำลงเรื่อยๆ อีกหน่อยก็คงไม่อาจเป็นได้แม้แต่คนแปลกหน้าแล้วกระมัง
ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวว่า “ยังไม่ไปเชิญชุยเฒ่ามารักษาให้พ่อเจ้าอีก!”
รักษา…ได้ แต่ให้ยอมรับว่าเป็นท่านพ่อ…ไม่เอาด้วยหรอก!
เห้อเหลียนเป่ยหมิงเดินออกไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ
เดิมทีฮูหยินผู้เฒ่าคิดจะไปเยี่ยมหลานชายและเหลนทั้งสาม บัดนี้ต้องรักษาหนิวตั้น จึงไปไม่ได้แล้ว ทว่านาง
เตรียมของขวัญเอาไว้แล้ว จึงให้สารถีนำของไปส่งให้ที่ถนนซื่อสุ่ยแทน
เมื่อได้ยินว่าท่านย่าเก็บ ‘หนิวตั้น’ ได้ อวี๋หวั่นก็ไม่รอช้า ตรงไปยังจวนสกุลเห้อเหลียนเพื่อดูเหตุการณ์ทันที
เพียงแต่เธอไม่คิดว่าผู้ที่ถูกเก็บกลับมานั้นจะเป็นซิวหลัว
เธอกะพริบตาปริบๆ มองไปยังผู้ชายที่สภาพร่อแร่บนเตียง เธอรู้สึกไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง
“ชุย…ชุยเฒ่า” อวี๋หวั่นดึงแขนเสื้อของชุยเฒ่า
ชุยเฒ่ามุมปากกระตุก “อย่ามาถามข้า ข้าก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน”
ดังนั้นทั้งสองจึงไปตามเจียงไห่กับอาเว่ยมา
ทันทีที่พวกเขาเห็นซิวหลัว ก็หายใจเข้าเฮือกหนึ่งพร้อมกันด้วยความตกใจ
สภาพปางตายเช่นนี้ น่าเวทนาเหลือเกิน!
เขาไม่เพียงมีสภาพไม่เหมือนเดิม แต่ยังสูญเสียพลังภายใน แม้แต่กลิ่นอายอันแข็งแกร่งที่เดิมทีเคยเป็นของซิวหลัว บัดนี้ก็ไม่เหลืออยู่แล้ว เขากลายเป็นเพียงหน่วยกล้าตายที่ไร้ประโยชน์ แบกรับความเจ็บปวดของอาการธาตุไฟเข้าแทรก แต่กลับไม่สามารถฟื้นฟูเส้นเลือดที่ฉีกขาดได้
อาการของเขาเป็นถึงขั้นนี้ ย่อมไม่ต่างอะไรกับการนอนรอความตาย
“รักษาได้ไหม?” อวี๋หวั่นถาม
นางเจียงและอวี๋เซ่าชิงพาฮูหยินผู้เฒ่าไปเล่นไพ่ในสวนดอกไม้แล้ว ในห้องจึงเหลือเพียงอวี๋หวั่น ชุยเฒ่า และพวกอาเว่ย
ชุยเฒ่ามีสีหน้าหนักใจ “ข้าบอกไม่ได้ แต่เขาบาดเจ็บหนักกว่าลุงใหญ่ของเจ้ามาก”
ซิวหลัวแข็งแกร่งจนไม่อาจบาดเจ็บได้ง่าย แต่เมื่อบาดเจ็บแล้วฟื้นฟูได้ยากเช่นกัน บาดแผลบนมือของเขาที่อวี๋หวั่นรักษาให้ก่อนหน้านี้ ใช้เวลามากในการรักษาและยามากกว่าคนทั่วไปถึงสามเท่า ตอนนี้พวกเขาจึงไม่แน่ใจว่ายาจะสามารถแก้ปัญหาได้หรือไม่
ชุยเฒ่ารักษาอาการบาดเจ็บภายนอกได้ แต่ไม่อาจรักษาอาการบาดเจ็บภายในได้
ชุยเฒ่าคร่ำหวอดในวงการแพทย์มานาน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบคนไข้ที่อาการหนักถึงเพียงนี้ เขาเกาศีรษะ แล้วเอ่ยขึ้นอย่างจนปัญญาว่า “ต้องให้พลังภายในเขาก่อน จับชีพจรของเขาด้วย อย่าให้ธาตุไฟเข้าแทรกจนตาย”
ชุยเฒ่าหมายความว่าให้พลังภายในแก่ซิวหลัวเพียงเล็กน้อย ไหนเลยจะรู้ว่าเจียงไห่ อาเว่ย ชิงเหยียน และเยว่โกวเค้นพลังจนแทบหมดตัว
แต่แม้ว่าจะทำเช่นนั้น อาการบาดเจ็บของซิวหลัวก็ไม่ได้ดีขึ้นแม้แต่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]