หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3] นิยาย บท 327

ด้านหนึ่ง อวี๋เซ่าชิงสั่งสอนหนานกงหลี อีกด้านหนึ่ง อวี๋หวั่นก็อุ้มท่านแม่ซึ่ง ‘ตกใจกลัวจนหมดสติ’ เข้าไปในห้องทำสมาธิของอวิ๋นเฟย

นางเจียงนอนอยู่บนเบาะหนาสองชั้น อวี๋หวั่นและอวิ๋นเฟยนั่งบนเก้าอี้ซึ่งอยู่ห่างจากที่นอนไม่ถึงสามฉื่อ เบื้องหน้าของทั้งสองคือโต๊ะไม้ตัวเล็กแลดูธรรมดาตัวหนึ่ง

นางเจียงลืมตามองเล็กน้อย จากนั้นก็รีบหลับตาลงอย่างรวดเร็ว

อวี๋หวั่นจุดตะเกียงน้ำมัน

เป็นเพราะท่านแม่กำลังนอนอยู่ เธอจึงไม่ได้ปรับไส้ตะเกียงให้สว่างมากเกินไป ภายใต้แสงเทียนริบหรี่นั้นเอง อวี๋หวั่นก็มองเห็นใบหน้าของอวิ๋นเฟย

คนทั่วไปมักไม่จ้องหน้าของผู้ใหญ่ตรงๆ เพราะอาจถูกคิดว่าไร้มารยาท ทว่าอวี๋หวั่นไม่มีกะจิตกะใจจะพะวงถึงเรื่องนั้น และอวิ๋นเฟยก็มิได้รังเกียจ นางเหยียดหลังตรง ปล่อยให้อวี๋หวั่นมองอยู่เช่นนั้น

อวิ๋นเฟยอายุมากแล้ว นางมิได้ดูอ่อนเยาว์เฉกเช่นดรุณีน้อยวัยแรกแย้ม แต่นางก็ยังคงงามสะคราญ นางมีรอยประทับแห่งกาลเวลาและความบากบั่น ทว่าแต่ไหนแต่ไรมาอวี๋หวั่นก็ไม่เคยเห็นผู้หญิงคนใดที่ใบหน้ามีริ้วรอยแต่ก็ยังงดงามได้ถึงเพียงนี้

ขณะที่อวี๋หวั่นมองอวิ๋นเฟย อวิ๋นเฟยก็มองเธอเช่นกัน

องคาพยพบนใบหน้าของอวี๋หวั่นนั้นคมชัดกว่าครั้นอยู่ในหมู่บ้านเหลียนฮวา แก้มป่องๆ ของเธอก็ลดลงไปมาก แต่นั่นก็ใช่ว่าใบหน้าตอบแลดูซูบผอม ใบหน้าเล็กรูปไข่ขนาดเท่าฝ่ามือ แก้มนุ่มและดวงตากลมโต ล้วนได้มาจากมารดา ทั้งยังได้รับนิสัยองอาจมุ่งมั่นมาจากบิดา ช่างเป็นใบหน้าที่มองดูเท่าไรก็ไม่เบื่อ

อวิ๋นเฟยรู้สึกพึงพอใจกับความงามของหลานสาวเป็นที่สุด

ก่อนหน้านี้เห็นหนานกงเยี่ยนและหนานกงหลี นางยังคิดเสียอีกว่าสวรรค์ช่างไม่ยุติธรรม ไยจึงส่งทายาทที่งดงามให้กับคนโฉดอย่างฮองเฮา แต่บัดนี้เมื่อเห็นลูกสาวและหลานสาวของตนเอง อวิ๋นเฟยก็เริ่มรู้สึกเวทนาฮองเฮาขึ้นมาทันที

อย่างไรเสียเมื่อเทียบกับทั้งสองแล้ว หนานกงเยี่ยนและหนานกงหลีก็อัปลักษณ์กว่ามาก…

“ได้ยินว่าข้ายังมีหลานเขยที่งามเสียยิ่งกว่างามอีกใช่ไหม?”

ตำแหน่งคนงามอันดับหนึ่ง ก่อนหน้านี้เป็นของหนานกงหลี บัดนี้เป็นของเยี่ยนจิ่วเฉา อวิ๋นเฟยไม่เคยออกจากวัง แต่ก็เคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของเยี่ยนจิ่วเฉา

อวี๋หวั่นพยักหน้า ดวงตาเป็นประกาย “เขาชื่อเยี่ยนจิ่วเฉา งามกว่าข้าเสียอีก!”

อวิ๋นเฟย: ซู้ดดด

อยากพบหลานเขยเหลือเกิน!

อวี๋หวั่นยิ้มน้อยๆ แล้วบอกว่า “เขาอยู่ที่ถนนซื่อสุ่ย เขายังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น ประเดี๋ยวกลับไป ข้าจะพาเขามาพบท่าน”

ก่อนหน้านี้ไม่รู้ว่าอวิ๋นเฟยน่าสงสารถึงเพียงนี้ เธอคิดเสียอีกว่านางก็ทอดทิ้งท่านแม่เหมือนกับองค์ประมุข ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าอวิ๋นเฟยไม่เหมือนกับองค์ประมุข

“ใช่สิ ท่านยาย ท่านยังจำไข่มุกเม็ดนี้ได้หรือไม่เจ้าคะ?” อวี๋หวั่นหยิบไข่มุกน้ำงามเม็ดหนึ่งออกมาจากกระเป๋า “ท่านแม่ให้ไข่มุกเม็ดนี้แก่ข้าในคืนก่อนแต่งงาน บอกว่าท่านมอบให้นางก่อนพิธีสมรส”

แน่นอนว่าอวิ๋นเฟยจำไข่มุกเม็ดนี้ได้ นี่เป็นไข่มุกที่นางไหว้วานให้ขันทีหลี่นำไปให้ตี้จีองค์โตก่อนที่เขาจะเดินทางไปยังเผ่าปีศาจ

นางอยู่ในตำแหน่งอวิ๋นเฟยเพียงในนาม จึงมิได้มีเงินทองทรัพย์ศฤงคารมากนัก เงินรายเดือนที่นางได้รับล้วนแต่ใช้ไปกับการสืบข่าวคราวของตี้จีองค์โต สิ่งเดียวที่นางมีในตอนนั้นคือไข่มุกเม็ดหนึ่งซึ่งประดับอยู่บนอาภรณ์ของวังหลวง

นางดึงไข่มุกเม็ดนั้นออกมา และฝากขันทีหลี่นำไปส่งให้ถึงมือตี้จีองค์โต

ขันทีหลี่นำไปให้ตี้จีหรือไม่ อวิ๋นเฟยก็ไม่กระจ่าง เนื่องจากขันทีหลี่ล้มป่วยและจากไประหว่างเดินทางกลับมายังวังหลวง

“ข้ายังคิดเสียอีกว่าส่งไปไม่ถึง” อวิ๋นเฟยถอนหายใจยาวๆ

อวี๋หวั่นยิ้ม “ไข่มุกเม็ดนี้ท่านแม่เก็บไว้กับตัวตลอด ท่านแม่ชอบไข่มุกเม็ดนี้มาก เป็นเพราะไข่มุกเม็ดนี้ นางจึงชอบไข่มุกเม็ดอื่นๆ ไปด้วย” อวี๋หวั่นเข้าใจแล้วว่าเพราะเหตุใดบนรองเท้าทั้งสองข้างของท่านแม่จึงมีไข่มุกประดับอยู่

นางชอบไข่มุก

เพราะไข่มุกเป็นของขวัญชิ้นแรกที่แม่มอบให้

นางเจียงซึ่งแกล้งหมดสติอยู่บนฟูกก็ลอบเบ้ปาก

เจ้าเด็กคนนี้!

โครกคราก~

อวิ๋นเฟยท้องร้องเสียแล้ว

หลังจากจัดการกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พลังงานในร่างกายก็ลดลง และอวิ๋นเฟยก็ไม่ได้กินแม้แต่เนื้อกระต่าย

อวี๋หวั่นดวงตาเป็นประกาย “ท่านหิวหรือ? ข้าจะไปทำอะไรมาให้ท่าน!”

อวี๋เซ่าชิงสั่งสอนหนานกงหลีเสร็จแล้ว เมื่อเดินเข้ามาก็ได้ยินประโยคที่ลูกสาวพูด เขาขนลุกซู่ รีบสาวเท้าเข้าไปทันที

อวี๋หวั่นยิ้มพร้อมกับเอ่ยเรียกเขา “ท่านพ่อ! ท่านกลับมาแล้วหรือ? ข้ากำลังจะไปทำของกิน ท่านมาอยู่เป็นเพื่อนท่านยายหน่อยได้ไหมเจ้าคะ รอข้าประเดี๋ยวเดียว!”

อวี๋เซ่าชิงรีบร้องบอกว่า “ไม่ๆๆ เจ้าอยู่เป็นเพื่อนท่านยายดีกว่า ข้าไปทำเอง!”

อวี๋หวั่น “ได้อย่างไรกัน? ท่านเองก็ยังไม่ได้กินข้าว ต้องหิวมากแน่ๆ ข้าไปทำเอง!”

“ไม่ๆๆๆ ข้าทำเอง!”

“ข้าทำเอง!”

“ให้อาหวั่นไปทำเถิด!” อวิ๋นเฟยบอก เด็กคนนี้เป็นเด็กกตัญญู นางก็ควรจะไว้หน้าสักหน่อยมิใช่หรือ? อีกอย่าง อวิ๋นเฟยเองก็มีเรื่องอยากถามลูกเขยเพียงลำพังเหมือนกัน

อวี๋เซ่าชิงหายใจเข้าลึก “ก็ได้ ในเมื่อท่านแม่กล่าวเช่นนี้ ก็ให้อาหวั่นไปทำอาหาร!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: หมอหญิงกับลูกลิงทั้งสาม [เล่ม2-3]